LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING

และสัปดาห์นี้ เราขอพาทุกคนย้อนกลับไปในปีนั้นอีกครั้งกับ 5 อัลบั้มแนะนำที่เราอยากให้คุณกลับไปฟังอีกรอบพร้อมๆกัน



หากฟังอย่างตั้งใจอีกรอบ เราจะพบว่าความมหัศจรรย์ของ Adore ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เพลงแรกอย่าง To Sheila เราสามารถได้กลิ่นซาวด์แบบ 1979 ซินธ์พ๊อพผสมอิเล็กทรอนิกส์ นุ่มนวลแบบคาดไม่ถึง ความอินโนเซ้นท์แบบที่พวกเขาอยากจะกล่อมเกลาความรู้สึกเกรี้ยวกราดที่พวกเขาเคยส่งต่อมาผ่านบทเพลง
เวลาผ่านไป เรากลับพบว่า ADORE คือ 1 อัลบั้มที่ย่อยง่ายที่สุดของพวกเขา อะคูสติกกีต้าร์สวยงามจากเจมส์ หรือแม้กระทั่งเบสไลน์สวยๆจาก ดาซีส์ เรตสกี ทุกอย่างมันค่อนข้างสมบูรณ์ ถึงแม้จะไม่ถูกพูดถึงมากนัก แต่ผ่านมา 21 ปีแล้ว หลายๆเพลงในนี้ก็ทำให้เราไม่ลืมชื่อของ The Smashing Pumpkins และไม่มีอะไรจะเซอร์ไพร้ส์เรามากไปกว่านี้อีกแล้ว



เป็นเวลา 36 ปีแล้วที่ Madonna หรือ Madonna Louise Ciccone ทำงานอยู่ในวงการมายานี้ เธอเริ่มต้นชีวิตการเป็น Superstar ตั้งแต่ปี 1982 มีการตั้งฉายาให้เธอในหลายชื่อด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียกร้องสิทธิสตรี นักร้องส้มหล่น เจ้าแม่เพลงพ๊อพ เจ้าแม่หนังเกรดบี สตรีผู้สร้างข่าวฉาวได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์คนหนึ่งของวงการ หรืออีกหลายชื่อที่ไม่ได้กล่าวมา ชื่อทุกชื่อล้วนเป็นคำที่คุ้นเคยต่อมาดอนน่าตามสื่อต่างๆ แต่มีอยู่ 1 ชื่อที่ตัวเธอเองไม่เคยได้รับการเรียกจากใครเลย จนกระทั้งเมื่อเธอให้กำเนิดลูกสาว ลอเดส มาเรีย ออง ชิโคเน่ ออกมาลืมตาดูโลก และเธอเองได้รับการถูกเรียกว่า “แม่” ตั้งแต่นั้นมา ซึ่งดูเหมือนเป็นคำที่ตัวเธอเรียกร้องมาตลอดชีวิตของเธอ
อัลบั้ม Ray of Light ในปี 1998 ไม่ใช่ชื่อแรกที่ถูกตั้งขึ้นเพื่ออัลบั้มนี้ ก่อนหน้านี้มันเคยมีชื่อว่า Mantra, Suta เพื่อให้ผู้คนรับรู้ได้ทันทีว่าการเรียนโยคะมีอิทธิพลกับเธอเพียงไหน เธอเลิกใส่ใจถ้างานชิ้นนี้ของเธอจะล้มเหลวไม่เป็นท่าในตลาดใหญ่ และคนที่จำภาพเธอกับอัลบั้ม Erotica จะไม่ถูกใจสิ่งนี้ ครั้งแรกที่ซิงเกิ้ลอย่าง Frozen ออกอากาศทางช่องดนตรีสมัยนั้น ทำให้หลายคนแปลกใจแต่ไม่ชินกับ Madonna ในลุคนี้ขาว-ดำนี้เท่าไหร่ เครื่องสายบรรเลงขึ้นอย่างช้าๆ เย็นยะเยือกและน่าเกรงขาม ในเนื้อเพลงมีการอุปมาอุปไมยได้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความรัก หรืออีกสองซิงเกิ้ลฮิตอย่าง Ray of Light
อินโทรของกีต้าร์สวยๆปนซาวด์อิเล็กทรอนิกส์แบบที่เราไม่คุ้นเคยในงานไหนๆของมาดอนน่ามาก่อน หรือ Nothing Really Matters ที่เธอลงทุนทาหน้าขาว ใส่กิโมโนสีแดงสดของเพื่อนรัก ฌอง พอล โกลติเยร์ ที่ออกแบบให้เฉพาะกิจ อัลบั้มนี้เป็นการค้นพบตัวตนที่ลงตัวทางดนตรีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของมาดอนน่าและโปรดิวเซอร์ วิลเลี่ยม ออบิท เป็นชัยชนะที่หาใครเสมอเหมือน และแน่นอนนี่อาจจะเป็นอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเธอ เพราะ Ray of light มีทุกอย่างเท่าที่อัลบั้มดีๆอัลบั้มหนึ่งจะมีได้



ในปลายยุค 90 ไม่มีใครไม่รักอัลบั้มนี้ หรืออีกความหมายหนึ่ง อาจพูดได้ว่าถึงคุณจะไม่ได้ชอบ Fatboy Slim หรือ Norman Cook เป็นการส่วนตัว แต่เพลงใดเพลงหนึ่งในอัลบั้มนี้ต้องเป็น One Hit Wonder ของทุกคนในช่วงปีนั้นแน่ๆ
You’ve Come a Long Way, Baby กับหน้าปกเด็กจ้ำม่ำใส่เสื้อรัดติ้วที่เรานึกว่านี่คือ Fatboy Slim ตัวจริงในเวลานั้น ดึงเราให้เข้าสู่โลกแห่งความหฤหรรษ์ของเขาแบบไม่รอช้า เริ่มต้นด้วย Right Here, Right Now อินโทรที่เปรียบได้กับบทสวดภาณยักษ์ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ไหน กับใคร ความสนุกแบบเกินเลยมักเกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเพลงนี้เริ่มหน้าที่ของมัน เขาเข้าใจอารมณ์ของที่กำลังปาร์ตี้ บวกพื้นฐานการฟังเพลงที่หลากหลาย ตั้งแต่ New Wave ไปจนถึง Punk ทำให้งานและสไตล์การรีมิกซ์ของเขาโดดเด่นในเรื่องของการผสมผสานเอาความดิบและเนื้อแท้ของดนตรีเต้นรำที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น เบรกบีท ร็อก ทรานซ์ เฮาส์ หรืออาร์แอนด์บี
ดนตรีของคุกคือตรงกลางที่ใครก็สนุกกับมันได้ มันเป็นสรรพเสียงสุดมหัศจรรย์และพลังของดนตรีเต้นรำในช่วงยุคนั้น ความแพรวพราวในด้านเทคนิคและการนำเสนอที่คุกเคยกล่าวว่า “ผมขอทำเพลงแบบที่คนจะสนุกสุดเหวี่ยงและหัวเราะไปกับมัน ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใดเลย หรือแม้แต่จะโชว์ว่าผมกำลังพยายามเสี้ยมสอนอะไรใคร” ความสนุกและบันเทิงเริ่มต้นขึ้นทันทีเมื่อเรากดปุ่ม Play เพลงแรกยันเพลงสุดท้าย ที่ฟังจบแล้วถึงกับต้องร้องหายาดม ดนตรีของเขาคือสัญลักษณ์แห่งความสุดเหวี่ยงของปลายยุค 90 เป็น Intensive Course ของคนที่ไม่คิดจะฟังดนตรีเต้นรำ เป็นอัลบั้มที่เราสามารถหยิบมาฟังเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อคุณคิดถึงผู้ชายที่ชื่อ Fatboy Slim



ไม่แปลก...หากหลายคนจะรักอัลบั้มนี้มากเป็นพิเศษเพราะมันคือสิ่งที่แมนสันตั้งใจที่จะสร้างสรรค์มันออกมาให้ดีที่สุดโดยการช่วยเหลือจาก Michael Beinhorn และ Sean Beaven ปั้นแต่งให้ Mechanical Animals กลายเป็นยุคทองของเขา ซิงเกิ้ลแรกอย่าง The Dope Show คือการเปิดตัวอย่างหวือหวาและหลายคนทึ่งไปกับความปราณีตในพาร์ทดนตรีของเขาเป็นอย่างมาก แม้แต่ภาพยนตร์ Sci-Fi อย่าง The Matrix ก็ยังนำเอาเพลง Rock Is Dead มาเป็นเพลงประกอบ จนดังเป็นพลุแตกและคนเริ่มคุ้นเคยงานของแมนสันมากขึ้น ความเกรี้ยวกราดและการเป็นตัวแทนของความมืดดำ นำพาไปสู่การมีสาวกแฟนเพลงที่คลั่งในคาแรกเตอร์ของเขามากพอสมควรหลังจากนั้น รวมทั้งเหตุการณ์ความวุ่นวายและคดีสะเทือนขวัญต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากที่อัลบั้มนี้ถูกปล่อยออกมา ทุกคนมองว่าเขาคือตัวการและแรงจูงใจ
แต่ลึกๆแล้วสิ่งที่บทเพลงสะท้อนออกมาคือความเปราะบางของจิตใจ มันถูกเติมแต่งด้วยซาวด์กีต้าร์ที่งดงาม เช่นเดียวกับภาพลักษณ์ภายนอกของแมนสัน หลายคนเกลียดชังในใบหน้าและความหลุดโลกแบบฉุดไม่อยู่ของเขา แต่หากได้เปิดใจรับฟังงานนี้สักหน่อย เราจะเข้าใจว่าคนอย่างมาริลีน แมนสัน ไม่ใช่ปีศาจร้ายบนโลกมนุษย์แต่งอย่างใด เพราะอย่างน้อยที่สุด สิ่งสวยงามที่เขามอบให้คนฟังอย่างเราก็ยังมีอยู่ เฉกเช่น Mechanical Animals



ต้องขอบคุณภาพยนตร์เรื่อง Cruel Intentions ที่ทำให้ Every You Every Me ดังเปรี้ยงปร้างไม่แพ้ความแรงของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพลงเดียว แต่ Without You I’m Nothing คือความทะเยอทะยานอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ Plcebo ทำไว้อย่างน่าทึ่งกับอัลบั้มแรกของพวกเขาในปี 1996
วง 3 ชิ้นจากเกาะอังกฤษที่สามารถไปโด่งดังในฝั่งอเมริกาได้ และความลึกลับของภาพลักษณ์บางอย่างของวงดันไปต้องตาโดนใจศิลปินระดับ Legend ผู้ล่วงลับอย่าง เดวิด โบวี่ ให้มาร่วมแสดงในเพลง Without You I’m Nothing ได้ จริตของ Placebo คือจุดเด่นที่ทำให้เขาแตกต่างกว่าใครๆ ถึงแม้ว่าพยายามจะสร้างคาแรคเตอร์ให้ตัวเองเป็นเพศที่สาม แต่บุคลิกของไบรอัน โมลโก คือการไว้เนื้อไว้ตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใครง่ายๆ
Pure Morning คือความเท่ที่เราสัมผัสได้ทันทีเมื่อเริ่มฟังอัลบั้มนี้ “A friend in need’s a friend indeed, A friend with weed is better” ประโยคเด็ดที่กล่าวว่า “เพื่อนยามยากย่อมเป็นเพื่อนแท้ แต่เพื่อนที่มากับ xxx ล่ะ? มันดีกว่าอยู่แล้ว”
และเพลงอื่นๆ ที่แทรกอารมณ์เกรี้ยวกราดที่เราจะได้ยินตลอดทั้งอัลบั้ม การเป็นตัวแทนความแสบสันแห่งยุค 90 การเขียนขอบตาดำ แฟชั่นไร้เพศเป็นสิ่งที่ทำให้ Without You I’m Nothing เป็นสัญลักษณ์แห่งการหลอกล่อให้เราจมดิ่งไปตามความหมายของชื่อวง ถึงแม้การกลับมาหลายๆครั้งของเขาจะทำให้เรารู้สึกไม่ประทับใจนัก แต่เราคงไม่ใจร้ายจนเกินไปที่จะไม่พูดถึงอัลบั้มนี้ ที่ยังคงความคลาสสิกตลอดกาล
1998 : ปีนี้มีแต่อัลบั้มที่เรา(ต้อง)รัก Part 2
/
Check this out
/
Check this out
/
เมื่อเสียงดนตรีคืออวัยะวะชิ้นที่ 33 ของวง “The Jukks” จึงไม่แปลกใจที่แม้ผ่านเวลาไปเกือบ ๆ 13 ปี (จากอัลบั้มแรกจนถึงซิงเกิลปัจจุบัน) พวกเขาเหล่าศิลปินจากค่ายเพลงห้องเล็ก ก็ยังสื่อสารกับทุกคนในทุกช่วงเวลา ผ่านเสียงดนตรีที่สะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของวง ด้วยเนื้อหา แนวคิด และมุมมองทางดนตรีใหม่ ๆ ได้อย่างมีสไตล์ และยังโดดเด่นด้วยการใช้ภาษาในการเขียนเพลง
/
Check this out
/
Check this out
/
Check this out
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )