Exclusive Talk กับผู้กำกับและนักแสดงนำหญิงจาก “A Guilty Conscience” ภาพยนตร์ฮ่องกงเรื่องแรกที่ทำรายได้ทะลุร้อยล้านเหรียญฮ่องกง | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

Exclusive Talk กับผู้กำกับและนักแสดงนำหญิงจาก “A Guilty Conscience”
ภาพยนตร์ฮ่องกงเรื่องแรกที่ทำรายได้ทะลุร้อยล้านเหรียญฮ่องกง
  ฮ่องกง เมื่อราวสิบยี่สิบปีก่อน นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามองมาก ๆ ในฐานะประเทศที่ส่งออกภาพยนตร์ออกสู่สายตาของประชาคมโลก ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ต่อสู้กำลังภายใน ภาพยนตร์มาเฟีย หรือแม้แต่ภาพยนตร์ชีวิตที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้งของหว่องกาไว จนเรียกได้ว่าเป็นยุคทองของอุตสาหกรรมฮ่องกง แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทำให้ความคึกคักของภาพยนตร์ฮ่องกงเริ่มเงียบเหงามากขึ้นเรื่อย ๆ จนแฟนหนังฮ่องกงหลายคน ออกปากบ่นคิดถึงความรุ่งเรืองในอดีต ดังนั้นเมื่อเกิดปรากฏการณ์ความนิยมระดับ 100 ล้านเหรียญฮ่องกง ของภาพยนตร์อาชญากรรมอย่าง A Guilty Conscience ขึ้นมาแล้ว แสงที่เคยริบหรี่ก็อาจจะกลับมาสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง

  A Guilty Conscience เป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของนักเขียนบทหนังบู๊ชื่อดัง หนึ่งในผู้กำกับรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองของฮ่องกงอย่าง แจ็ค อึ่ง (Jack Ng) ที่บอกเล่าเรื่องราวของการพยายามสืบสวนคดีอาชญากรรมของแม่เลี้ยงเดี่ยวท่านหนึ่ง ที่ต้องจำโทษติดคุกนานถึง 17 ปี จากความประมาทของเอเดรี่ยน ทนายความที่รับบทโดยคอมมาเดียนชื่อดัง ดาโย หว่อง (Dayo Wong) ซึ่งเข้าฉายเมื่อต้นปี 2023 ที่ผ่านมา พร้อมกวาดคำชมและรายได้จนทำลายสถิติสูงสุดของฮ่องกง (นับจากแค่ผู้ชมในฮ่องกงเท่านั้น) ล่าสุดภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีโอกาสฉายในประเทศไทย ให้เหล่าแฟนหนังฮ่องกงได้ดูกันสักที ในเทศกาล Hong Kong Film Gala Presentation งานนี้ #Iameverything เลยชวน แจ็ค อึ่ง และนักแสดงนำหญิงอย่าง เรนซี เหยิง (Renci Yeung) มานั่งพูดคุยถึงผลงานภาพยนตร์ล่าสุดของพวกเขาที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับฮ่องกงกันสักหน่อย

ผลงานการเขียนบทภาพยนตร์ที่สร้างชื่อให้คุณ ที่ผ่านมาจะเป็นภาพยนตร์แอคชั่นต่อสู้ดุเดือด แต่ทำไมพอได้โอกาสได้เป็นผู้กำกับครั้งแรกแล้ว ถึงตัดสินใจเลือกทำเป็นภาพยนตร์แนวอาชญากรรม?
  แจ็ค : ผมชอบภาพยนตร์แนวนี้อยู่แล้วครับ ถ้าถามว่าเหตุผลจริง ๆ คืออะไร ก็คงจะต้องย้อนกลับไปในตอนที่กำลังเรียนอยู่ ตอนนั้นผมได้ดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า In the name of the father (1993) ซึ่งเป็นภาพยนตร์อังกฤษที่ผมชอบมาก แล้วผมก็เลยบอกกับตัวเองไว้ว่า ถ้าในอนาคตได้มีโอกาสได้เป็นผู้กำกับ และมีผลงานเป็นของตัวเองแล้ว จะเลือกทำภาพยนตร์เรื่องแรกของตัวเองเป็นภาพยนตร์แนวอาชญากรรมครับ

  จริง ๆ ก็มีปัจจัยเรื่องงบประมาณด้วยเหมือนกันครับ (หัวเราะ) เพราะถ้าจะทำภาพยนตร์แอคชั่นมันอาจจะต้องใช้งบประมาณสูงมาก ผมก็เลยต้องมาคิดเพิ่มอีกว่า “แล้วจะเลือกทำภาพยนตร์แบบไหนที่ยังให้อารมณ์ดุเดือดได้เหมือนกับภาพยนตร์แอคชั่น?” คำตอบนั่นก็คือภาพยนตร์อาชญากรรมนั่นเอง เพราะเวลาที่อยู่ในศาล คนที่ทำหน้าที่เป็นทนายความ อัยการ หรือผู้พิพากษาเอง พวกเขาจะตอบโต้กันด้วยวาจาอันดุเดือด เหมือนการต่อสู้เลย แต่เป็นเปลี่ยนจากการต่อสู้ที่ดุเดือดด้วยวาจา แทนการใช้หมัดและอาวุธนั่นเองครับ

พอเปลี่ยนสไตล์ของภาพยนตร์ที่ตัวเองเขียนจากแนวแอคชั่นมาเป็นแนวอาชญากรรมแล้ว มันมีความยากต่อตัวคุณบ้างไหม
  แจ็ค : มันไม่ได้ยากมากครับ เพราะผมเองก็มีประสบการณ์การเขียนบทภาพยนตร์มามากอยู่พอสมควร ถึงแม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์ต่อสู้ แต่ในขั้นตอนการเขียนบทแล้ว การเปลี่ยนวิธีการต่อสู้แบบตัวต่อตัวของภาพยนตร์แอคชั่น ให้กลายมาเป็นการเชือดเฉือนด้วยอารมณ์ คำพูดของเหล่าทนายความแล้ว ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากสักเท่าไหร่ครับ ผมก็สามารถจินตนาการการต่อสู้ด้วยคำพูดในศาลของเหล่าทนายได้ชัดเจนเหมือนตอนที่เขียนภาพยนตร์แอคชั่น ซึ่งตอนเขียนผมเองก็อ่านบทกลับไปกลับมาอยู่บ่อยมากครับ เพื่อให้การประโยคที่มันสื่อสารอารมณ์ได้ดี

เรื่องนี้ประสบความสำเร็จมากขนาดนี้แล้ว เรามีสิทธิ์จะได้เห็นผลงานภาพยนตร์แนวอาชญากรรมเรื่องถัดไปของคุณแจ็คอีกแน่นอนใช่ไหม
  แจ็ค : มันอาจจะไม่ได้รวดเร็วทันใจขนาดนั้นหรอกนะครับ (หัวเราะ) อาจจะที่ต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรเลย เพราะในช่วงปีนี้ผมกับทีมก็จะต้องเดินทางไปตามประเทศต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง A Guilty Conscience ให้จบเรียบร้อยเสียก่อน รวมถึงต้องดูปัจจัยเรื่องงบประมาณประกอบด้วยครับว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ถามว่าในตอนนี้มีพล็อตไอเดียคิดเตรียมไว้บ้างไหม ก็มีคิด ๆ อยู่บ้าง คงจะต้องติดตามรอกันต่อไป

ผลงานที่ผ่านมาของคุณอย่าง The Stool Pigeon ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, Cold War II ก็ได้สร้างสถิติรายได้ภาพยนตร์ฮ่องกงสูงสุด ยาวนานถึง ๖ ปี และล่าสุดกับผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกอย่าง A Guilty Conscience ก็ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยรายได้ที่สูงถึง 100 ล้านเหรียญฮ่องกง ความสำเร็จที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเหล่านี้ มันสร้างความกดดันในการสร้างผลงานใหม่ ๆ ของคุณบ้างหรือเปล่า
  แจ็ค : พูดกันแบบตรง ๆ ถ้าผลงานภาพยนตร์เรื่องก่อนมันประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ ผมคิดว่าตัวเองก็ต้องมีความกดดันที่เกิดขึ้นจากความคาดหวังอยู่แล้วแน่นอนครับ แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนมุมมองในการมองเรื่องนี้ใหม่ มามองกันด้วยความจริงแล้ว ถ้าหากผมทำภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วไม่ประสบความสำเร็จ ผมเองก็จะมีความกดดันเหมือนกันครับ (หัวเราะ) เพราะงบหรือโอกาสในการได้สร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ อาจจะยากมากขึ้น ซึ่งจริง ๆ ผมก็มีคุยกับทางบริษัทไว้เหมือนกันว่า ความสำเร็จที่มันเกิดขึ้นกับ A Guilty Conscience มันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับผลงานเรื่องอื่น ๆ หรือ มันอาจจะไม่ได้ทะลุระดับ 100 ล้านเหรียญฮ่องกงแล้วก็ได้

และในตอนที่ได้รู้ว่าสถิติรายได้ของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สูงถึง 100 ล้านเหรียญฮ่องกงแล้ว ตอนนั้นพวกคุณทั้งสองคนรู้สึกอย่างไรบ้าง
  แจ็ค : ผมรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อครับ ถ้าพูดกันตามสถิติของภาพยนตร์ฮ่องกงในช่วงปีที่ผ่านมา หากภาพยนตร์เรื่องไหนทำสถิตได้เกิน 50 ล้านเหรียญฮ่องกงได้ ก็ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จแล้ว แม้จะมีสถิติหรือความเชื่อแบบนั้นเกิดขึ้น แต่ในใจลึก ๆ ของผมแล้วก็มักจะบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่า “สถิติมันมีไว้ทำลาย” ซึ่งพอมันทะลุ 100 ล้านเหรียญฮ่องกงจริง ๆ ไอ่ความดีใจที่เกิดขึ้น มันไม่ได้เกิดขึ้นในฐานะของผู้กำกับเจ้าของผลงานอย่างเดียวเท่านั้น แต่ผมก็ดีใจในฐานะคนฮ่องกงด้วยเหมือนกัน ที่ได้เห็นภาพยนตร์ฮ่องกงยุคใหม่ สามารถทำรายได้ทะลุ 100 ล้านเหรียญฮ่องกงได้ด้วยเช่นกัน (นับเฉพาะแค่ผู้ชมในประเทศ) ทำให้รู้ว่าคนฮ่องกงเองก็ทำได้เหมือนกันนะ ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้มันสร้างก็ความเชื่อมั่นให้กับคนในแวดวงภาพยนตร์ของฮ่องกงในยุคปัจจุบันด้วยเหมือนกันครับ


  เรนซี : สำหรับฉัน มันเซอร์ไพรส์มากค่ะ และมันก็น่าตกใจมาก เพราะฉันเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสร้างรายได้มากถึงขนาดนั้น เอาจริง ๆ ในวันแรกที่ภาพยนตร์เข้าโรงที่ฮ่องกง หลังจากงานแถลงแล้วพวกเราก็ไปกินข้าวกันต่อ ในตอนนั้นพวกเราเองก็ยังคุยเล่น และยังพนันกันเล่น ๆ อยู่เลยค่ะ ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รายได้เยอะขนาดไหน? จะสร้างสถิติเท่าไหร่กันนะ? ในวงกินข้าวตอนนั้นก็มีคนพูดออกมาว่า คงจะได้ 80 ล้านเหรียญฮ่องกง ซึ่งในใจของฉันตอนนั้นคิดว่าได้สักประมาณ 50 – 60 ล้านเหรียญฮ่องกง ก็น่าจะเยอะแล้วแหละค่ะ เรียกได้ว่าพวกเราในตอนนั้นไม่มีใครคาดคิดเลยสักคนว่าจะถึง 100 ล้านเหรียญฮ่องกง พอได้รู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันสร้างรายได้ทะลุ 100 ล้านเหรียญฮ่องกงได้จริง กลายเป็นว่าพนันที่พวกเราเล่นกันไว้ตอนนั้น คือแพ้กันหมดเลยค่ะ (หัวเราะ)

งั้นขอถามทางคุณเรนซีบ้างครับว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์อาชญากรรม สืบสวนสอบสวน เรื่องแรกของคุณด้วยหรือเปล่า
  เรนซี : ใช่ค่ะ สำหรับฉันแล้ว มันเป็นครั้งแรกเลยที่ได้รับบทเป็นทนายความ ซึ่งฉันเองก็แทบไม่เชื่อเหมือนกันค่ะ ว่าตัวเองจะได้รับเลือกให้เล่นบทเอฟเวอลีน เพราะด้วยหน้าตาแนวผู้หญิงอ่อนหวานที่อาจจะไม่ได้ดูดุดัน หรือน้ำเสียงที่ไม่ได้จะขึงขัง ที่อาจจะไม่ค่อยตรงกับบุคลิกภาพของทนายความ ที่เราจำได้เวลาเห็นได้ศาลสักเท่าไหร่ ซึ่งฉันเองก็ต้องขอบคุณทางคุณแจ็คมาก ๆ เลยค่ะ ที่ตัดสินใจเลือกให้โอกาสฉันมารับบทนี้

ถ้าไม่เคยรู้จักกับตัวละครที่ชื่อว่าเอฟเวอลีนมาก่อน และไม่เคยดูตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องนี้มาก่อนด้วยเช่นกัน ในมุมมองของคุณเรนซีแล้ว เอฟเวอลีนเป็นผู้หญิงที่มีนิสัย และความคิดความอ่านแบบไหนครับ
  เรนซี : ฉันคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงเก่งที่มีความสามารถ และมีความเข้มแข็งมาก ๆ คนหนึ่งเลยค่ะ แต่ภายในจิตใจแล้วเธอกลับเป็นผู้หญิงที่มีความอ่อนโยนเหมือนกันนะคะ สำหรับคนปกติที่ไม่ได้สนิทสนมมาก ก็อาจจะไม่รู้สึกถึงมุมหรือนิสัยแบบนั้นของเธอ เพราะเธอจะเปิดเผยด้านนี้ของเธอให้เห็นเฉพาะกับบางคนที่เธอไว้ใจเท่านั้น นอกจากนี้เธอยังเป็นผู้หญิงที่มีความอยากเอาชนะด้วย ถ้าได้ตั้งเป้าหมายใดให้กับตัวเองแล้ว เอฟเวอลีนก็จะต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ประสบความสำเร็จให้ได้

แบบนี้ต้องติวเข้มกันหนักมากแค่ไหน เพื่อให้สวมบทบาทเป็นทนายความได้ดีขนาดนี้
  เรนซี : ช่วงก่อนถ่ายทำก็มีการเรียนรู้การเป็นทนายความค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็จะต้องขอบคุณคุณทนายความหญิงชาวฮ่องกงท่านหนึ่งที่คอยเป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำกับฉันตลอดช่วงระยะเวลาการถ่ายทำเลยค่ะ ฉันได้พูดคุยกับเธอ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเป็นทนายความ ความเป็นมืออาชีพ ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ ของทนายความคนนั้น และเธอเองก็ยังแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองในบางช่วง ที่มันมีความคล้ายคลึงกับตัวละครในเรื่องได้พบเจอ นั่นคือการเรียนจบ และต้องฝ่าฟันอุปสรรค ความยากลำบากต่าง ๆ จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในฐานะทนายความอย่างในทุกวันนี้ มาให้ฉันได้ฟัง จนฉันสามารถนำเอาสิ่งที่ได้ยินมาพัฒนาเป็นเอฟเวอลีนในเวอร์ชั่นที่ทุกคนได้เห็น

ถ้าไม่นับเรื่องความรู้ด้านการเป็นทนายความแล้ว มีสิ่งไหนไหมที่คุณเรนซีรู้สึกว่าเป็นความท้าทายที่สุดในการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้
  เรนซี : คิดว่าเป็นเรื่องบุคลิกภาพนะคะ เพราะถ้าเป็นคนที่เคยได้เจอฉันมาก่อน จะรู้ว่าฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงประเภท Empowering Women มากเท่าที่เอฟเวอลีนเป็น และในตอนที่ได้ไปเจอกับทนายความหญิงที่เป็นที่ปรึกษาของฉันครั้งแรก ตอนนั้นเธอมีความสง่างาม น่าเกรงขาม เหมือนเป็นราชินีเลยค่ะ ฉันเองก็คิดขึ้นมาทันทีเลยว่าตัวเราจะเป็นแบบนั้นได้บ้างหรือเปล่านะ? ในการที่จะต้องมาสวมบทบาทเป็นเอฟเวอลีน เลยจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการแสดง วิธีการพูดของตัวเองใหม่ เอฟเวอลีนจะต้องเป็นทนายความที่พูดจาฉะฉาน ชัดถ้อยชัดคำ มีพลัง น้ำเสียงในการพูดเองก็ต้องเปลี่ยนค่ะ ต้องเลือกใช้เสียงต่ำในน่าเกรงขาม น่าฟัง น่าเชื่อถือ

  อีกอย่างที่ท้าทายก็คงจะเป็นความกดดันค่ะ เพราะในเวลาถ่ายจริงในฉาก จะต้องโต้ตอบ รับส่งบทสนทนาร่วมกับคุณ “ดาโย หว่อง” ที่รับบทเป็นทนายความผู้ดำเนินเรื่องหลัก และนักแสดงคนอื่น ๆ ที่เล่นบททนายความที่ต้องขึ้นว่าความร่วมกันในชั้นศาล ซึ่งพวกเขาก็เป็นนักแสดงที่มีประสบการณ์และมีชื่อเสียงของฮ่องกง ซึ่งทำให้แอบกดดันอยู่เหมือนกัน เพราะตัวฉันเองก็จะส่งพลัง ส่งอารมณ์ได้ให้ดีเท่ากับพวกเขา

คำถามสุดท้ายแล้ว มีคำที่ผู้ชมใช้เล่าถึงภาพยนตร์เรื่องนี้มีหลากหลายมาก ๆ แต่ถ้าจะให้พวกคุณอธิบายภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาเป็นคำเพียงคำเดียวผ่านมุมมองของตัวเองแล้ว มันจะเป็นคำว่าอะไรครับ
 แจ็ค : คำถามนี้มันลึกอยู่เหมือนกันนะครับ (หัวเราะ) ผมคิดว่าน่าจะเป็นคำว่า “สะใจ” ครับ แต่ถ้าถามว่าเป็นความรู้สึกสะใจในด้านไหน มันก็อาจจะแตกต่างกันไปตามความรู้สึกและประสบการณ์ของผู้ชม ผมเลยอาจจะไม่สามารถบอกความหมายของคำ ๆ นี้ได้ตรงกับประสบการณ์ของทุกคน แต่รับรองได้ว่ามันเป็นภาพยนตร์อาชญากรรมที่มันส์ดุเดือดแน่นอนครับ


 เรนซี : คิดว่าเป็นคำว่า “ระบายอารมณ์” ค่ะ เพราะฉันเชื่อว่าคนทั่วไปอาจจะต้องเคยได้ประสบพบเจอกับความไม่ยุติธรรม การโดนเอารัดเอาเปรียบที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน และรู้สึกคับข้องใจ แต่ไม่สามารถระบายมันออกมาในชีวิตจริงได้ ดังนั้น การได้มาดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว มันก็จะช่วยทำให้ทุกคนได้ร่วมแก้แค้น ได้ร่วมกันทวงคืนความยุติธรรมไปพร้อมกันค่ะ

    TAG
  • culture
  • lifestyle
  • movie
  • hongkong
  • A Guilty Conscience

Exclusive Talk กับผู้กำกับและนักแสดงนำหญิงจาก “A Guilty Conscience” ภาพยนตร์ฮ่องกงเรื่องแรกที่ทำรายได้ทะลุร้อยล้านเหรียญฮ่องกง

CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE
6 months ago
CONTRIBUTORS
EVERYTHING TEAM
RECOMMEND
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    งานศิลปะที่รายล้อมตัวละครในหนังทริลเลอร์จิตวิทยา Inside (2023)

    Inside (2023) หนังทริลเลอร์จิตวิทยาของผู้กำกับสัญชาติกรีซ วาซิลลิส แคตซูพิส (Vasilis Katsoupis) ที่เล่าเรื่องราวของของนีโม (วิลเลียม เดโฟ) หัวขโมยที่ลักลอบเข้าไปในเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของสถาปนิกชื่อดัง เพื่อขโมยงานศิลปะราคาแพงที่สะสมอยู่ในนั้น แต่ดันบังเอิญโชคร้ายถูกระบบนิรภัยขังอยู่ภายในคนเดียว ท่ามกลางงานศิลปะที่อยู่รายรอบ จนเขาต้องหาทางเอาชีวิตรอดอยู่ข้างใน โดยอาศัยข้าวของรอบตัว หรือแม้แต่งานศิลปะที่อยู่ในนั้นมาใช้เป็นเครื่องมือก็ตาม เรียกได้ว่าเป็น Cast Away เวอร์ชันอาชญากรก็ได้

    Panu Boonpipattanapong5 months ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    แรงบันดาลใจแห่งศิลปะเบื้องหลังหนัง “Resemblance ปรากฏการณ์” ของนักธุรกิจผู้หลงใหลภาพยนตร์ ต้น จุมภฏ รวยเจริญทรัพย์

    นักธุรกิจชั้นนำหลายคนใช้เวลาว่างจากการทำงานไปกับความหลงใหลที่แตกต่างกัน บางคนใช้เวลาไปกับความหลงใหลในการท่องเที่ยวทั่วโลก บางคนใช้เวลาไปกับความหลงใหลในการล่องเรือตกปลา ขับรถซูเปอร์คาร์ หรือปาร์ตี้สุดเหวี่ยง แต่มีนักธุรกิจผู้หนึ่งที่มีความลุ่มหลงที่แปลกแตกต่างออกไป เขาผู้นี้คือนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ผู้บริหารรุ่นที่สองของ โก๋แก่ แบรนด์ถั่วอบกรอบระดับแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง ต้น จุมภฏ รวยเจริญทรัพย์ ผู้หลงใหลในการทำหนังอย่างเข้าเส้น ลงลึกถึงกระดูกดำจนลุกขึ้นมาตั้งค่ายหนังอิสระของตัวเองในนาม โก๋ฟิล์ม ฝากผลงานหนังมันส์ๆ ดิบๆ ห่ามๆ ไม่แคร์ตลาด ไม่แยแสรางวัล ประดับวงการมาแล้วหลากหลายเรื่อง

    Panu BoonpipattanapongFebruary 2023
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    Doc Club & Pub. คอมมูนิตี้คนรักหนังกับโรงหนังแบบ Stand Alone แห่งใหม่

    Doc Club & Pub. คอมมูนิตี้คนรักหนังกับโรงหนังแบบ Stand Alone แห่งใหม่ของคุณ หมู-สุภาพ หริมเทพาธิป และ คุณ ธิดา ผลิตผลการพิมพ์ สองผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการหนังของเมืองไทยมาเป็นเวลานาน กับบทบาทบรรณาธิการและเจ้าของนิตยสารที่เรียกได้ว่าหากใครที่ชื่นชอบการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้วต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีกับ Bioscope นิตยสารสำหรับ Film lovers (and sick people) อีกทั้งยังเป็นผู้หยิบนำหนังสารคดีรวมไปถึงหนังคุณภาพมากมายเข้ามาให้เราได้รับชมกันกับ Documentary Club และวันนี้ทาง #Iameverything จึงได้มีโอกาสพูดคุยถึงเรื่องราวความเป็นมากับคุณ หมู-สุภาพ หริมเทพาธิป ในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของคนรักหนังอย่างแท้จริงกับ Doc Club & Pub. แห่งนี้นั่นเอง

    EVERYTHING TEAM3 years ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    Collective ภาพสะท้อนหน้าที่ของสื่อในภาวะที่รัฐล้มเหลว

    มีไม่บ่อยครั้งนักที่ภาพยนตร์สารคดีจากยุโรปจะข้ามฟากมาเข้าชิงรางวัลออสการ์ ข้ามทั้งทวีป ข้ามทั้ง genre ของภาพยนตร์ แต่ “Collective” ภาพยนตร์สารคดีจากโรมาเนียของผู้กำกับ อเล็กซานเดอร์ นาเนา ก็ทำสิ่งนั้นได้ กล่าวคือมันคือเข้าชิงรางวัลออสการ์ทั้งในสาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมพร้อมกับเข้าชิงในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมไปพร้อมกัน ปรากฏการณ์นี้คงอธิบายความยอดเยี่ยมของตัวหนังเองได้โดยไม่จำเป็นต้องขยายความอะไรอีก

    EVERYTHING TEAMApril 2021
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    หนังห้าเรื่องที่ เต๋อ นวพล ดูแล้วอุทานว่า “ไอ้สั๊สส!!!” ด้วยเสียงน้าค่อม

    ในฐานะผู้กำกับ เต๋อ - นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ มีลายเซ็นในหนังของตัวเองอย่างชัดเจน แต่เต๋อบอกว่าระยะหลังเขาชอบดูหนังที่ดูแล้วเกิดคำถามต่างๆ ตามมามากกมาย เขาบอกว่า “หลังๆ ผมดูหนังแบบมั่วๆ ไม่ค่อยได้สนใจว่ามันดีหรือเปล่า หรือมันเป็นหนังคุณภาพนะ ผมดูหนังไปเรื่อยมากกว่า สำหรับผมการดูหนังในตอนนี้คือเหมือนเราเก็บกระเป๋าไปทัวร์โลกในหัวผู้กำกับ ว่าในหัวมีอะไรบ้าง กูอยากไปเจอของใหม่ๆ บ้าง ในฐานะคนทำหนังเราไม่ควรติดกับตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ได้หมายถึงว่าเราจะเปลี่ยนแนวนะ แต่เราอยากออกไปจากโลกที่เราคุ้นเคยบ้างมากกว่า” IAMEVERYTHING เลยลองถามเล่นๆ ว่าหนังที่เขาดูแล้วถึงกับเกาหัวอุทานว่า “อะไรของมึงวะเนี่ย” ห้าเรื่องนั้นมีอะไรบ้าง

    EVERYTHING TEAM3 years ago
  • PEOPLE/MOVIE

    พูดคุยกับ “ยอนซังโฮ” ผู้กำกับหนังผู้สร้างปรากฎการณ์จักรวาลซอมบี้ให้คลั่งไปทั่วโลก

    “ยอนซังโฮ” ถือเป็นผู้กำกับเกาหลีหน้าใหม่ที่น่าจับตามองมากที่สุดและเป็นผู้กำกับที่ไม่เคยหยุดท้าทายความสามารถ หลังจากที่ผลงานของเขาเคยสร้างปรากฏการณ์ซอมบี้เกาหลีให้ระเบิดคลั่งมาแล้วทั่วโลก จาก Train to Busan นับเป็นการประกาศศักดาเคซอมบี้ให้โลกได้รับรู้ ทำลายทุกสถิติโดยภาพยนตร์ถูกฉายกว่า 160 ประเทศทั่วโลก ทำรายได้กว่า 140 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มันขึ้นทำเนียบภาพยนตร์เกาหลีที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล

    EVERYTHING TEAM4 years ago
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )