เสน่ห์และเสียงร้องชวนฝันใน Apple Pie ผลงานเพลงใหม่ จากศิลปินหญิงและนักแต่งเพลงชาวมาเลเซียอย่าง “Talitha” | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

  “ชวนให้ปล่อยใจฝันไปกับท่วงทำนองและเสียงร้อง” คงจะเป็นประโยคอันเรียบง่าย ที่ใช้ นิยามและอธิบายผลงานของศิลปินหญิงชาวมาเลเซียอย่าง “Talitha” ด้วยเสียงร้องในโทนแสน อ่อนหวาน และเนื้อเพลงที่ถ่ายทอดความรักออกมาได้อย่างนุ่มนวลนั้น ทำให้ผลงานของเธอเข้าไปอยู่ในเพลย์ลิสต์ที่เราเปิดฟังวนระหว่างนั่งชิลจิบกาแฟในช่วงวันหยุดอยู่บ่อยครั้ง











  ซึ่งเบื้องหลังของผลงานเหล่านั้นเกิดขึ้นมาจากฝีมือการถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาจาก “ความรัก” ที่ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านสุขหรือเศร้า โดยศิลปินหญิงผู้พ่วงตำแหน่งนักแต่งเพลงมากฝีมือคนนี้ ทำให้ Talitha มีผลงานที่โดดเด่นมาตั้งแต่ผลงานเดบิวต์อย่างเพลง Okay ในปี 2017 มาจนถึงผลงานล่าสุดอย่างเพลง Apple Pie ผลงานแสนหวานที่เธอเปรียบตัวเองเป็นขนมพายแอปเปิล พร้อมเปรยคำหยอกแกมจีบ ชวนให้คนรักหลงใหลไปกับรสชาติอันหอมหวานของ Apple Pie ซึ่ง EVERYTHING ก็มีโอกาสได้ชวน Talitha มานั่งพูดคุยถึงเบื้องหลังผลงานเพลงนี้ ที่ถึงแม้ว่าจะได้ไม่เจอหน้ากันแบบตัวเป็น ๆ แต่แค่บทสนทนาผ่าน Zoom แค่เพียงไม่กี่นาที เราก็สัมผัสได้ถึงตัวตนที่แสนน่ารักของศิลปินหญิงและนักแต่งเพลงคนนี้แล้ว

เล่าถึงผลงานใหม่หน่อย ได้แรงบันดาลใจในการแต่งมาจากความรู้สึกหรือประสบการณ์ไหนของ Talitha

    สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันเขียน Apple Pie ขึ้นมา เกิดจากในช่วงปีที่ผ่านมา (หลังจากประกาศปลดล็อกดาวน์ในมาเลเซีย) ฉันได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวบ่อยมาก ๆ ซึ่งเอาจริงมันก็เป็นช่วงที่ฉันรู้สึกหลงทางนิดหน่อย คือรู้สึกไม่แน่ใจในหลาย ๆ อย่างในชีวิต “จะทำอะไรดี? จะเอายังไงต่อ?” ในระหว่างการท่องเที่ยวนั้นมันก็เป็นโอกาสที่ฉันจะได้ค้นหาไอเดียและแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในการแต่งเพลง และยังเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ฉันได้เจอผู้คนใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้นด้วย

  พอกลับมา ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีพลังที่อยากเขียนเพลง มีความรู้สึกที่อยากถ่ายทอด การทำงานในตอนนั้นของฉันก็คือเข้าสตูดิโอทุกวันเลยค่ะ แต่ตอนนั้นยังไม่รู้หรอกว่าอยากจะเขียนถึงเรื่องอะไร แค่อยากทำเพลงสไตล์ Upbeat ที่มีความสนุก แอบหยอดอารมณ์ Flirting หยอกเย้าเบา ๆ บ้าง โปรดิวเซอร์ของฉันก็เลยลองผสมผสานซาวด์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน จนได้เป็นเพลงล่าสุดที่มีความเป็น Electro Pop

  และฉันเองก็อยากจะร้องแร็ปมาก ๆ ในเพลงนี้ก็เลยมีการใส่ท่อนแร็ปเข้าไปด้วย ถึงแม้ฉันจะยังไม่ชัวร์ว่ามันจะเรียกว่าเป็นท่อนแร็ปได้หรือเปล่า (หัวเราะ) ซึ่งในท่อนแร็ปนี้เป็นการสื่อสารถึงในช่วงปีที่ผ่านมาว่าฉันพบปะผู้คนเยอะมาก ๆ ได้พูดประโยคว่า Hi! I’m Talitha บ่อยมาก ฉันเลยอยากถ่ายทอดประสบการณ์ส่วนนี้ด้วยการเขียนเนื้อเพลงที่เกี่ยวกับการทักทายในภาษาต่าง ๆ ลงไปในท่อนแรกของเพลง จริง ๆ ฉันน่าจะใส่ประโยคภาษาไทยบ้างเหมือนกันนะ ไว้ค่อยลองหาโอกาสในการใส่ดู น่าจะดูเท่มากค่ะ

แล้วทำไมต้องเป็น Apple Pie

  ความจริงคือในตอนที่ฉันกำลังเขียนเนื้อเพลงเพลงนี้อยู่ ฉันดันติดอยู่กับการเขียนเนื้อในท่อน Chorus ว่าจะเขียนยังไง ฉันเลยตัดสินใจลองทักไปคุยกับเพื่อนโปรดิวเซอร์ของฉัน ที่ชื่อ Darren Ashley ให้มาช่วยกันหน่อย พอเขามาถึง ฉันก็บอกเขาไปเลยว่า “ช่วยมาเติมจิ๊กซอว์ที่หายไปหน่อยได้ไหม ฉันไม่รู้เลยว่าจะเขียนเพลงนี้ให้เสร็จยังไงดี” หลังจากนั้นเราสองคนก็นั่งอยู่ในสตูดิโอกันนานมาก ฮัมเพลงด้วยคำอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อย จู่ ๆ ด้วยเหตุผลหรือเพราะอะไรฉันก็จำไม่ได้ ทำให้ในตอนนั้นมีคำว่า Apple Pie ขึ้นมาในหัวของฉัน พอ Darren ได้ยินคำนี้ เขาก็พูดขึ้นมาเลยว่า “ฉันชอบ Apple Pie” ฉันก็ตอบไปว่า “ใช่ฉันด้วย!” เขาก็เลยลองเอาเมโลดี้มาใส่กับคำนี้ พร้อมกับลองใส่กับเสียงร้องของฉันเข้าไป แล้วมันออกมาถูกใจพวกเรามาก พวกเราก็ตกลงใช้คำว่า Apple Pie ค่ะ

พอพูดถึงขนมหวานขึ้นมา เราก็อยากรู้เลยว่าแล้ว Talitha คิดว่าตัวเองเป็นขนมหวานชนิดไหน
  ถ้าให้ฉันตอบ ฉันก็คงจะตอบว่าพายแอปเปิลค่ะ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องเป็น “Apple Pie” ที่ดีที่สุดอย่างแน่นอนค่ะ (หัวเราะ)

Apple Pie มีความเป็น Electro Pop ที่แตกต่างผลงานก่อนหน้านี้มากเลย

  ใช่ค่ะ Apple Pie เป็นผลงานแรกของฉันเลยที่ลองทำดนตรีออกมาในสไตล์ Electro Pop มันค่อนข้างแตกต่างจากผลงานอื่น ๆ ที่จะมีความเป็น Dream Pop ชวนฝัน ชิลล์ ๆ ที่ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างผ่อนคลาย จนเหมาะจะเป็นเพลงที่ใช้เปิดระหว่างการขับรถระยะทางยาว ๆ แต่พอฟังไปแล้วก็อาจจะหลับได้ค่ะ (หัวเราะ) ซึ่งเหตุผลจริง ๆ ที่ลองทำ Apple Pie ออกมาในสไตล์ Electro Pop มันเป็นความตั้งใจของฉันนี่แหละค่ะ ที่อยากทดลองทำเพลงในสไตล์ใหม่ ๆ ออกมาดูบ้าง ซึ่งในใจฉันตอนนี้ก็มีอีกหลายอย่างมาก ๆ ที่อยากลองทำดูค่ะ

  และถ้าไม่ใช่สไตล์ Pop เลย มีเพลงสไตล์ไหนไหมที่ Talitha อยากลองทำเพื่อท้าทายตัวเอง

  ในตอนนี้ฉันสนใจซาวน์ในแบบ Liquid drum 'n' bass ฉันอยากทดลองเอามาทำเพลงดูบ้างเหมือนกัน คิดว่ามันน่าจะออกมาดูเท่น่าดู หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพลงในสไตล์ R&B เพราะในมุมมองของฉัน ฉันรู้สึกว่าผลงานของตัวเองก็มีกลิ่นอายความเป็นเพลงในแบบ R&B อยู่เล็กน้อยเหมือนกัน เอาจริง ๆ อย่างที่ฉันตอบไปก่อนหน้านี้เลยค่ะ ว่ามีอะไรอีกหลายอย่างมากที่อยากลองทำ แต่ถ้าจะให้เลือกจริง ๆ ตอนนี้ก็อยากลอง Liquid drum 'n' bass

เดบิวต์เป็นศิลปินมา 5-6 ปีแล้ว เป้าหมายในการเป็นศิลปินในปัจจุบัน มีความเปลี่ยนแปลงจากในช่วงปีแรก ๆ บ้างไหม

  อืม ถ้าพูดถึงเป้าหมายของฉัน ก็ยังคงอยากทำในสิ่งที่ฉันรักอยู่เหมือนเดิมค่ะ ได้ทำเพลงที่รัก ในสไตล์ที่ชอบ ส่วนอีกเป้าหมายหนึ่งที่ยังเป็นเหมือนเดิมก็คืออยากทำงานเพลงแล้วสามารถซัพพอร์ตคุณแม่ได้ค่ะ เพราะท่านเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ดูแลฉันและดูแลคนอื่นมาโดยตลอด คุณแม่แทบไม่เคยเป็นฝ่ายที่ถูกดูแลบ้างเลย ฉันเลยอยากคอยซัพพอร์ตทุกเรื่องและดูแลคุณแม่ของฉันได้ค่ะ

สุดท้าย อยากให้ Talitha ลองสร้างเพลย์ลิสต์สัก 5 เพลง ที่ใช้บ่งบอกความเป็นตัวเองขึ้นมา มันจะมีเพลงไหนบ้าง
  โอเคค่ะ ได้ยินคำถามแล้วก็เริ่มเครียดเลยค่ะ (หัวเราะ) ไม่รู้จะเลือกเพลงไหนดี แต่ถ้าให้ฉันเลือก ขอเริ่มต้นด้วย “dontyouseeme” ซึ่งเป็นเพลงของฉันเอง เพลงนี้เป็นเพลงที่เราพยายามพูดกับอีกฝ่ายในความสัมพันธ์ว่า “เธอไม่เห็นคุณค่าในตัวฉันเลย” เป็นเพลงในแบบ Self-worth ที่บอกว่า ฉันหนะมีค่ามากนะ ฉันพร้อมจะเดินออกไปจากความสัมพันธ์ ถ้าเธอไม่เห็นค่าฉัน เพลงต่อมาฉันขอเลือก “Midnight Rendezvous” เป็นผลงานเพลงแรกที่ฉันปล่อยในปี 2023 เป็นเพลงที่ค่อนข้างจะ Sweet มาก เป็นเพลงที่ฉันใช้พร่ำบอกคนรักว่า ฉันรักเธอ ๆ ๆ แล้วฉันก็ภูมิใจมากที่ฉันได้รู้สึกรักเธอ (ถ้าเป็นบริบทแบบไทย ๆ ก็คงเรียกว่าสาวน้อยคลั่งรัก)
  เพลงที่สามคือ “Fumble” ของ “Sudley ft. piri” มันเป็นเพลงที่มีทำนองน่ารักมาก ๆ ฉันชอบเนื้อเพลงในส่วน Chorus มาก ๆ ต่อมาคือเพลง “Boy’s a liar” ของ “Pinkpantheress” มันเป็นเพลงฮิตสนุกที่เราเคยได้ยินบ่อย ๆ นั่นแหละค่ะ ส่วนเพลงสุดท้ายก็คือ “OK” ของ “Jeremy Sucker” ค่ะ
    TAG
  • design
  • culture

เสน่ห์และเสียงร้องชวนฝันใน Apple Pie ผลงานเพลงใหม่ จากศิลปินหญิงและนักแต่งเพลงชาวมาเลเซียอย่าง “Talitha”

CULTURE&LIFESTYLE/CULTURE
July 2023
CONTRIBUTORS
EVERYTHING TEAM
RECOMMEND
  • CULTURE&LIFESTYLE/CULTURE

    สำรวจเสน่ห์อันน่าหลงใหลของวัฒนธรรมญี่ปุ่น ที่โดนใจคนไทย!

    ภาพของชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสัน และความสนุกสนาน แต่กลับแอบแฝงไปด้วยมารยาทอันสง่างาม ประวัติศาสตร์อันน่าภาคภูมิใจ และความละเอียดอ่อนที่เกิดขึ้นจากความพิถีพิถันในแบบฉบับดั้งเดิม ธรรมชาติของประเทศหมู่เกาะอันสวยงามเป็นฉากหลัง คือเสน่ห์ของญี่ปุ่นที่ทุกคนประทับใจ จนทำเอาใครหลายคนตกหลุมรัก และหลงใหลไปกับวัฒนธรรมของประเทศแห่งนี้โดยไม่รู้ตัว ก็คงไม่แปลกเลยที่ความเป็นญี่ปุ่นจะแทรกตัวอยู่ในไลฟ์สไตล์ของคนไทย และนี่คือ 3 วัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหลที่ทำให้คนไทยตกหลุมรักมากเสียจนปฏิเสธไม่ได้เลย!

    By NIGAO
    EVERYTHING TEAMJanuary 2024
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    งานศิลปะที่หลอมรวมอยู่ในเนื้อกายภาพยนตร์ The Room Next Door ของ Pedro Almodóvar

    ถ้าเอ่ยชื่อของ เปโดร อัลโมโดวาร์ (Pedro Almodóvar) หลายคนอาจรู้จักเขาในฐานะผู้กํากับเจ้าของ ฉายา “เจ้าป้าแห่งวงการหนังสเปน” ที่นอกจากหนังของเขาจะเต็มไปด้วยลีลาอันจัดจ้าน เปี่ยมสีสัน เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันแปลกประหลาดพิลึกพิลั่นพิสดารเหนือความคาดหมาย และถึง พร้อมไปด้วยศิลปะภาพยนตร์อย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ด้วยความที่อัลโมโดวาร์หลงใหลในศิลปะอย่างลึก ซึ้ง ทําให้มักจะมีงานศิลปะปรากฏให้เห็นในหนังของเขาอยู่บ่อยครั้ง และนอกจากเขาจะหยิบงาน ศิลปะเหล่านั้นมาใช้ในหนังเพราะความหลงใหลและรสนิยมส่วนตัวอันวิไลของตัวเองแล้ว ในหลายๆ ครั้ง ผลงานศิลปะเหล่านั้นยังทําหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว ขับเน้นบุคลิกภาพของตัวละคร และเป็นสัญลักษณ์ที่สัมพันธ์กับเนื้อหาในหนังอย่างแนบเนียน

    Panu BoonpipattanapongJanuary 2025
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    Love Lies เรื่องรักจากคำหลอกของหญิงหม่ายและมิชฉาชีพ ผลงานการกำกับครั้งแรกของ Ho Miu Ki

    ท่ามกลางลิสต์ภาพยนตร์ต่อสู้ระทึกขวัญ หรือภาพยนตร์ดราม่าเรียกอารมณ์ผู้ชม ใน Hong Kong Film Gala Presentation & Dynamic Cityscapes of Hong Kong Films “งานภาพยนตร์ฮ่องกงพลังหนังขับเคลื่อนเมือง กับนิทรรศการหนังฮ่องกง” ที่เดินทางกลับมาฉายในไทยอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังมีภาพยนตร์กลิ่นอายโรแมนติกอีกหนึ่งเรื่อง ที่น่าจับตามองไม่แพ้กันอย่าง Love Lies ที่นำเสนอความสัมพันธ์ของแพทย์หญิงหม่าย ที่รับบทโดย Sandra Ng Kwan-Yue (อู๋จินหยู) ผู้ร่ำรวย และมีหน้าที่การงานที่ดี ซึ่งบังเอิญตกหลุมรักกับวิศวกรชาวฝรั่งเศสวัยกลางคน ที่คอยหยอดคำหวานและคำห่วงใยผ่านแชทมาให้ตลอด จนกระทั่งเธอค้นพบความจริงว่าเบื้องหลังแชทเหล่านี้เกิดขึ้นด้วยคำลวงจากฝีมือเด็กหนุ่มมิชฉาชีพ ที่รับบทโดย MC Cheung (เอ็มซีเจิ้ง) ดังนั้นเรื่องราวต่อจากนี้ในภาพยนตร์จึงเป็นการค้นหาคำตอบของเธอในสมการความสัมพันธ์ครั้งนี้ว่าจะจบลงอย่างไร

    EVERYTHING TEAMAugust 2024
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    Nick Cheuk ผู้กำกับและนักเขียนบท Time Still Turn The Page ภาพยนตร์ทรงพลังที่ท่วมท้นด้วยคำชื่นชมจากทั้งในและนอกฮ่องกง

    ความสำเร็จด้านรายได้กว่า 100 ล้านเหรียญฮ่องกงของ A Guilty Conscience จากการกำกับของ แจ็ค อึ่ง (Jack Ng) สร้างปรากฏการณ์ใหญ่ที่นับได้ว่าเป็นความหวังใหม่ของอุตสาหกรรรมภาพยนตร์ของฮ่องกง และทำให้บรรยากาศของแวดวงนี้ดูจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในสายตาของแฟนหนังทั่วโลก พอ Hong Kong Film Gala Presentation หรือที่ในปีนี้ใช้ชื่อเต็มว่า Hong Kong Film Gala Presentation & Dynamic Cityscapes of Hong Kong Films “งานภาพยนตร์ฮ่องกงพลังหนังขับเคลื่อนเมือง กับนิทรรศการหนังฮ่องกง” ได้กลับมาจัดอีกครั้งในประเทศไทย ก็ทำให้ลิสต์ในปีนี้เต็มไปด้วยภาพยนตร์คุณภาพที่น่าจับตามองจากฝีมือการกำกับของผู้กำกับรุ่นใหม่ และจากพลังของนักแสดง

    EVERYTHING TEAMAugust 2024
  • CULTURE&LIFESTYLE/MOVIE

    บทสนทนาเชิงลึกกับสองผู้กำกับหนังสารคดี Breaking The Cycle

    ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้สามารถเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะบอกเล่าแก่คนรุ่นหลังได้ว่าพวกเราซึ่งเป็นประชาชนภายในประเทศนี้ผ่านอะไรกันมา กำกับโดย “เอกพงษ์ สราญเศรษฐ์” (เอก) ผู้กำกับภาพยนตร์อิสระจากสงขลา เอกเริ่มกำกับสารคดีสั้นเกี่ยวกับความตายของ กฤษณ์ สราญเศรษฐ์ ลุงของเขาในชื่อเรื่อง “คลื่นทรงจำ” (2561) ซึ่งได้รับรางวัลสารคดีสั้นยอดเยี่ยมในงานเทศกาลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติ DMZ ที่ประเทศเกาหลีใต้ และได้เข้าฉายในเทศกาลต่างประเทศอีกหลายแห่ง และผู้กำกับอีกคน คือ “ธนกฤต ดวงมณีพร” (สนุ้ก) ผู้กำกับภาพยนตร์และผู้กำกับภาพ ที่ได้เข้าชิงรางวัลช้างเผือกจากเทศกาลภาพยนตร์สั้นแห่งประเทศไทยครั้งที่ 21 จากเรื่อง “ทุกคนที่บ้านสบายดี” (2560) และได้รับเลือกฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติไห่ หนาน

    EVERYTHING TEAMJune 2024
  • CULTURE&LIFESTYLE/MUSIC

    “คงมี (Maybe I Hope)” เพลงใหม่ดี ๆ จากวง THE JUKKS ที่ปลดล็อคความรู้สึกให้ผู้ฟังได้เกิดใหม่

    เมื่อเสียงดนตรีคืออวัยะวะชิ้นที่ 33 ของวง “The Jukks” จึงไม่แปลกใจที่แม้ผ่านเวลาไปเกือบ ๆ 13 ปี (จากอัลบั้มแรกจนถึงซิงเกิลปัจจุบัน) พวกเขาเหล่าศิลปินจากค่ายเพลงห้องเล็ก ก็ยังสื่อสารกับทุกคนในทุกช่วงเวลา ผ่านเสียงดนตรีที่สะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของวง ด้วยเนื้อหา แนวคิด และมุมมองทางดนตรีใหม่ ๆ ได้อย่างมีสไตล์ และยังโดดเด่นด้วยการใช้ภาษาในการเขียนเพลง

    EVERYTHING TEAMApril 2024
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )