LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์ของเฟอร์นิเจอร์วินเทจเข้ามามีอิทธิพลอย่างมากในช่วงหลายปีมานี้ ทั้งในแง่การเป็นของแต่งบ้าน การใช้งาน ทั้งในแง่หนึ่งมันยังเป็น ‘การลงทุน’ ที่มีมูลค่าในตลาดไม่น้อย บวกกับทั้งอิทธิพลจากโซเชียลฯ ที่ยิ่งทำให้ใครหลายคนที่อาจไม่เคยสนใจมันมาก่อน หันมาสนใจ เก็บ สะสม ซื้อขายแลกเปลี่ยน แล้วตลาดเฟอร์นิเจอร์วินเทจก็ยิ่งคึกคักขึ้นไปอีกในยุคหลังโควิดที่ทำให้คนกลับไปให้ความสำคัญกับ ‘บ้าน’ ในความหมายของตัวเองกันมากขึ้น
Photographer: Kraiwitch Tungsomboon

‘ตั้ม - กิตติพงษ์ ไพบูลย์สมบัติ’ ผู้เป็นเจ้าของ Bluewild Warehouse แห่งนี้เล่าว่าเดิมทีเขาเป็น Collector คนหนึ่งที่ชอบเก็บ ชอบสะสม และชอบซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นทุนเดิม จากเสื้อผ้าวินเทจสไตล์อเมริกัน ความชอบของเขากว้างขึ้นเรื่อย ๆ เป็นของแต่งบ้านตั้งแต่ชิ้นเล็กชิ้นน้อย จนถึงเฟอร์นิเจอร์วินเทจชิ้นใหญ่อย่างเช่นทุกวันนี้
แล้ว Bluewild Warehouse ก็เป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ความชอบของเขาที่ถูกเติมเต็มให้สมบูรณ์มากขึ้น นอกจากจะเป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์วินเทจที่ตั้มดูแลเอง ภายในยังมีพันมิตรของเขาอย่างคาเฟ่ชื่อ OOOz.cafe ร้านเสื้อผ้าวินเทจแบรนด์ Usage และมีสินค้าจาก Oyster and Things แบรนด์ของแต่งบ้านกระจุกกระจิกทั้งใหม่และเก่าซึ่งก่อตั้งโดย ‘อ๊อย - วรามล ชนะกิจการชัย’ แฟนของตั้มที่เข้ามาแจมกันในรูปแบบ Sharing Space ในอนาคต เขาตั้งใจว่ามันจะต่อยอดไปเป็นพื้นที่อิสระสำหรับจัดอีเว้นต์ นิทรรศการ ตลาดนัด Flea Market เปิดให้เช่าเป็นพื้นที่ถ่ายทำ และโปรเจ็กต์อื่น ๆ ที่น่าจะเกิดขึ้นได้อีกมากมาย
แต่เดิมที่นี่เคยเป็นโกดังของบริษัทขนส่งเอกชนเจ้าหนึ่ง ซึ่งตั้มบังเอิญผ่านมาเห็นแล้วรู้สึกชอบ เพราะเขาหาพื้นที่แบบนี้แถวสุขุมวิทมานานเกือบปี เมื่อเห็นความเป็นไปได้ของพื้นที่ จึงลงมือรีโนเวทโดยยังคงเก็บรักษาโครงสร้างเดิมของอาคารสไตล์ Industrial Loft เอาไว้แทบทั้งหมด อย่างคานปูนและเสาปูนเดิม ๆ ที่สูงจรดเพดานแบบ High Ceiling โชว์การเดินไฟ ผนังปูนเปลือย และบันไดเหล็กทอดสู่ชั้น 2 ที่เป็นลักษณะชั้นลอยมองเห็นทั่วถึงกันทั้งอาคาร ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ในอพาร์ตเมนต์สักแห่งในย่านโซโห, นิวยอร์ก

เฟอร์นิเจอร์ที่ Bluewild Warehouse นั้นกลับไม่ได้เป็นแนว Loft เหมือนกับตัวอาคารเลยเสียทีเดียว ด้วยความสนใจที่หลากหลายของเจ้าของ ทำให้มันไม่ได้มีสไตล์ที่ตายตัว แต่ปรับเปลี่ยนไปตามความชอบและเทรนด์ของลูกค้า ทั้งสไตล์ Mid-century, Antique, Scandinavian ไปจนถึงงานเหล็ก งานไม้ดิบ ๆ แบบ American Industrial ก็มีให้เห็นผสมกันไป


และด้วยเทรนด์เฟอร์นิเจอร์วินเทจยุค Mid-century Modern ที่บูมมากในกลุ่มนักสะสมของแต่งบ้านคนไทยเมื่อช่วงที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ทำให้เราพบเห็นไอเท็มในตำนานอย่าง Togo Sofa เก้าอี้ Cesca Chair โปสเตอร์ Skovshoved Gas Station ของ Arne Jacobsen ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ยุค Retro - Space Age อีกหลายชิ้น ที่ทั้งหมดนำเข้าจากทั่วทุกพื้นที่ในโลก ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ในไทย
ตั้มบอกว่าหลักการในการ ‘Select’ ของของเขาไม่มีอะไรซับซ้อน แค่เลือกจากความชอบและรสนิยมของตัวเองเป็นหลัก และจากประสบการณ์จากการเป็นนักสะสมที่ทำให้เขาพอจะคาดเดาได้ว่าเทรนด์ไหนกำลังจะมา เทรนด์ไหนกำลังจะไป ถึงเวลาไหนที่ต้องมูฟออนไปหาสิ่งใหม่
เขามองว่าเฟอร์นิเจอร์เป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคลที่อาจไม่ได้วัดกันว่าใครมีงบมากหรืองบน้อยเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ การบริหารงบที่มี และความพยายามในการเสาะหาของที่คุ้มค่าที่สุด นอกจากที่ว่ามา เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านยังเหมือนกับการลงทุนที่ไม่มีทางขาดทุน เผลอ ๆ อาจได้กำไรด้วยซ้ำหากของชิ้นนั้นเป็นที่ต้องการของตลาดในอนาคต
“แต่กำไรที่คุณจะได้แน่ ๆ คือกำไรจากการใช้งาน กำไรจากการที่คุณได้เสพมัน ได้จับต้องมัน เพราะของพวกนี้คือการลงทุนที่อยู่ในชีวิตประจำวัน อยู่ในไลฟ์สไตล์ ซึ่งนอกจากเงินทุนที่จะซื้อของ ผมว่าสิ่งสำคัญคือต้องศึกษา ต้องชอบมันก่อน ต้องรู้ว่าตัวเองชอบอะไร ชอบดีไซน์ หรือชอบการใช้งาน เอาง่าย ๆ เลย สมมติว่าคุณชอบเก้าอี้ตัวนี้ คุณก็แค่ติดตามไปเลยแบรนด์นี้แบรนด์เดียว มันก็มีอะไรให้ศึกษาได้อีกเยอะ แล้วมันจะพาคุณต่อยอดไปสู่สิ่งอื่น ๆ เอง”


ข้อดีของ Bluewild Warehouse คือการเป็นร้านเฟอร์นิเจอร์แบบ Stand Alone ที่มาแล้วได้ประสบการณ์การซื้อแบบ ‘Physical’ ได้นั่งเก้าอี้ ได้ลองจับ ได้ลองอยู่ในบรรยากาศ ได้ใช้เวลา ได้นึกภาพออกว่าพอของชิ้นนั้นไปอยู่ในบ้าน แล้วจะออกมาเป็นอย่างไร ต่างจากการซื้อของออนไลน์ที่อาจสะดวกสบายกว่า แต่จะไม่ได้รับประสบการณ์เหล่านี้กลับไป
“ยิ่งของมูลค่าสูง ยิ่งต้องมาเห็น มาพิจารณาด้วยตัวเอง ดูของจริง แล้วค่อยตัดสินใจว่าชอบมันจริง ๆ ไหม วัสดุแบบนี้ชอบหรือเปล่า หรือมันเหมาะกับคุณบ้านแค่ไหน คุณจะไม่ได้แค่มาซื้อของที่อยากได้แล้วกลับไป แต่จะได้ความรู้ด้วย เพราะความชอบอย่างเดียวไม่พอ”

ที่สำคัญคือมา Bluewild Warehouse แล้วไม่มีทางเบื่อ ถ้าคิดจะซื้อของสักชิ้นแต่ยังลังเลใจ ก็แวะไปจิบกาแฟให้ใจร่ม ๆ เดินเล่นสัก 2-3 รอบ ไม่แน่คุณอาจได้คำตอบว่าของชิ้นนั้นควรค่าแก่การยกกลับไปตั้งไว้ตรงมุมใดมุมหนึ่งของบ้านหรือเปล่า
เข้าได้ทางซอยวชิรธรมสาทิต 6 สุขุมวิท 101/1 (BTS ปุณณวิถี)
หรือเข้าซอยอุดมสุข 7 (BTS อุดมสุข) เปิดทุกวัน เวลา 10.00 - 18.00 น.
เปิดแบบ Walk-in เข้าไปเดินเล่นดูของได้เลย หรือหากต้องการข้อมูลของสินค้าชิ้นไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถนัดชมสินค้ากับทางร้านได้ที่ :
โทร. 091 - 765 - 3963
Facebook : @Bluewild Warehouse
‘Bluewild Warehouse’ พื้นที่ของคนรักของแต่งบ้านวินเทจและอยากมาสัมผัสไอเทมในฝันด้วยตัวเอง
/
ถ้าเอ่ยชื่อของ เปโดร อัลโมโดวาร์ (Pedro Almodóvar) หลายคนอาจรู้จักเขาในฐานะผู้กํากับเจ้าของ ฉายา “เจ้าป้าแห่งวงการหนังสเปน” ที่นอกจากหนังของเขาจะเต็มไปด้วยลีลาอันจัดจ้าน เปี่ยมสีสัน เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันแปลกประหลาดพิลึกพิลั่นพิสดารเหนือความคาดหมาย และถึง พร้อมไปด้วยศิลปะภาพยนตร์อย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ด้วยความที่อัลโมโดวาร์หลงใหลในศิลปะอย่างลึก ซึ้ง ทําให้มักจะมีงานศิลปะปรากฏให้เห็นในหนังของเขาอยู่บ่อยครั้ง และนอกจากเขาจะหยิบงาน ศิลปะเหล่านั้นมาใช้ในหนังเพราะความหลงใหลและรสนิยมส่วนตัวอันวิไลของตัวเองแล้ว ในหลายๆ ครั้ง ผลงานศิลปะเหล่านั้นยังทําหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว ขับเน้นบุคลิกภาพของตัวละคร และเป็นสัญลักษณ์ที่สัมพันธ์กับเนื้อหาในหนังอย่างแนบเนียน
/
ท่ามกลางลิสต์ภาพยนตร์ต่อสู้ระทึกขวัญ หรือภาพยนตร์ดราม่าเรียกอารมณ์ผู้ชม ใน Hong Kong Film Gala Presentation & Dynamic Cityscapes of Hong Kong Films “งานภาพยนตร์ฮ่องกงพลังหนังขับเคลื่อนเมือง กับนิทรรศการหนังฮ่องกง” ที่เดินทางกลับมาฉายในไทยอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังมีภาพยนตร์กลิ่นอายโรแมนติกอีกหนึ่งเรื่อง ที่น่าจับตามองไม่แพ้กันอย่าง Love Lies ที่นำเสนอความสัมพันธ์ของแพทย์หญิงหม่าย ที่รับบทโดย Sandra Ng Kwan-Yue (อู๋จินหยู) ผู้ร่ำรวย และมีหน้าที่การงานที่ดี ซึ่งบังเอิญตกหลุมรักกับวิศวกรชาวฝรั่งเศสวัยกลางคน ที่คอยหยอดคำหวานและคำห่วงใยผ่านแชทมาให้ตลอด จนกระทั่งเธอค้นพบความจริงว่าเบื้องหลังแชทเหล่านี้เกิดขึ้นด้วยคำลวงจากฝีมือเด็กหนุ่มมิชฉาชีพ ที่รับบทโดย MC Cheung (เอ็มซีเจิ้ง) ดังนั้นเรื่องราวต่อจากนี้ในภาพยนตร์จึงเป็นการค้นหาคำตอบของเธอในสมการความสัมพันธ์ครั้งนี้ว่าจะจบลงอย่างไร
/
ความสำเร็จด้านรายได้กว่า 100 ล้านเหรียญฮ่องกงของ A Guilty Conscience จากการกำกับของ แจ็ค อึ่ง (Jack Ng) สร้างปรากฏการณ์ใหญ่ที่นับได้ว่าเป็นความหวังใหม่ของอุตสาหกรรรมภาพยนตร์ของฮ่องกง และทำให้บรรยากาศของแวดวงนี้ดูจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในสายตาของแฟนหนังทั่วโลก พอ Hong Kong Film Gala Presentation หรือที่ในปีนี้ใช้ชื่อเต็มว่า Hong Kong Film Gala Presentation & Dynamic Cityscapes of Hong Kong Films “งานภาพยนตร์ฮ่องกงพลังหนังขับเคลื่อนเมือง กับนิทรรศการหนังฮ่องกง” ได้กลับมาจัดอีกครั้งในประเทศไทย ก็ทำให้ลิสต์ในปีนี้เต็มไปด้วยภาพยนตร์คุณภาพที่น่าจับตามองจากฝีมือการกำกับของผู้กำกับรุ่นใหม่ และจากพลังของนักแสดง
/
ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้สามารถเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะบอกเล่าแก่คนรุ่นหลังได้ว่าพวกเราซึ่งเป็นประชาชนภายในประเทศนี้ผ่านอะไรกันมา กำกับโดย “เอกพงษ์ สราญเศรษฐ์” (เอก) ผู้กำกับภาพยนตร์อิสระจากสงขลา เอกเริ่มกำกับสารคดีสั้นเกี่ยวกับความตายของ กฤษณ์ สราญเศรษฐ์ ลุงของเขาในชื่อเรื่อง “คลื่นทรงจำ” (2561) ซึ่งได้รับรางวัลสารคดีสั้นยอดเยี่ยมในงานเทศกาลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติ DMZ ที่ประเทศเกาหลีใต้ และได้เข้าฉายในเทศกาลต่างประเทศอีกหลายแห่ง และผู้กำกับอีกคน คือ “ธนกฤต ดวงมณีพร” (สนุ้ก) ผู้กำกับภาพยนตร์และผู้กำกับภาพ ที่ได้เข้าชิงรางวัลช้างเผือกจากเทศกาลภาพยนตร์สั้นแห่งประเทศไทยครั้งที่ 21 จากเรื่อง “ทุกคนที่บ้านสบายดี” (2560) และได้รับเลือกฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติไห่ หนาน
/
เมื่อเสียงดนตรีคืออวัยะวะชิ้นที่ 33 ของวง “The Jukks” จึงไม่แปลกใจที่แม้ผ่านเวลาไปเกือบ ๆ 13 ปี (จากอัลบั้มแรกจนถึงซิงเกิลปัจจุบัน) พวกเขาเหล่าศิลปินจากค่ายเพลงห้องเล็ก ก็ยังสื่อสารกับทุกคนในทุกช่วงเวลา ผ่านเสียงดนตรีที่สะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของวง ด้วยเนื้อหา แนวคิด และมุมมองทางดนตรีใหม่ ๆ ได้อย่างมีสไตล์ และยังโดดเด่นด้วยการใช้ภาษาในการเขียนเพลง
/
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคอลแลปคอลเล็กชั่นสุดพิเศษของปี 2567 เลยก็ว่าได้ กับ “SEIKO 5 SPORTS MAMAFAKA LIMITED EDITION” ที่เปิดวางจำหน่ายเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ก็ Sold out และกลายเป็นอีกหนึ่งคอลเล็กชั่นแรร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่นอกจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือเบื้องหลังงานดีไซน์ของเรือนเวลา ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความเป็น Mr. HELLYEAH! และตัวตนของ MAMAFAKA อยู่อย่างอัดแน่น ซึ่งในงานนี้ก็ได้ครอบครัวมุกดาสนิทและเพื่อนของตั้มมาร่วมกันแชร์ไอเดียเบื้องหลัง พร้อมกับการแบ่งปันความทรงจำ ความประทับใจ รวมถึงสิ่งที่เขามอบให้วงการศิลปะ จากมุมมองของเพื่อนศิลปินที่มีต่อ “ตั้ม - พฤษ์พล มุกดาสนิท”
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )