บทสนทนาปลอดโปร่งกับ บอน-วีรภัฎ โชคดีทวีอนันต์ แห่ง สตูดิโอโตฟู ในบทบาทใหม่ในฐานะ developer | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

“เดอะ บาวด์ เฮาส์” บ้านที่ออกแบบมาให้หายใจโล่งๆ
และบทสนทนาปลอดโปร่งกับ บอน-วีรภัฎ โชคดีทวีอนันต์ แห่ง สตูดิโอโตฟู ในบทบาทใหม่ในฐานะ developer

  เรารู้จัก บอน-วีรภัฎ โชคดีทวีอนันต์ แห่ง Studiotofu กันดีอยู่แล้วในฐานะนักออกแบบผู้คร่ำหวอดในวงการมากว่า 20 ปี แต่อาจจะยังไม่รู้ว่า บอน กำลังจะมีบทบาทใหม่อีกหนึ่งอย่าง นั่นคือในฐานะ real-estate developer กับโครงการแรกที่ชื่อว่า “เดอะ บาวด์ เฮาส์” ประกอบด้วย Premium Townhome และ Shop / House จำนวนพอดีๆ ซึ่งเป็นไปตามความตั้งใจของ บอน ที่ไม่อยากให้โครงการแออัดจนเกินไป และทำให้รู้สึกหายใจหายคอไม่สะดวก เพราะตั้งต้นที่ไอเดียว่าอยากให้บ้านนั้นหายใจได้โล่งๆ นี่เอง ที่พัฒนามาจนกลายเป็นแนวคิดหลัก “บ้านหายใจได้” ในโครงการขนาดพอเหมาะกลางเมืองนครปฐมแห่งนี้

  Everything นั่งคุยแบบเบาๆ โปร่งๆ กับ บอน-วีรภัฎ ถึงที่มาของโครงการ แนวคิดในการออกแบบ และการเปลี่ยนบทบาทจากธุรกิจ design service มาเป็น real-estate developer

โตๆ ฟูๆ แล้วมาสู่ เบาๆ

  “ที่ผ่านมาเราทำงานอินทีเรียมา 20 กว่าปี ก็มีลูกค้าหลากหลายนะครับ โรงแรม รีสอร์ต ช็อปปิ้งมอลล์ ออฟฟิศ รีเทล อะไรต่างๆ” วีรภัฎ เริ่มเล่าถึงงานที่เขาทำกับ สตูดิโอโตฟู บริษัทที่เจ้าตัวก่อตั้งเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผ่านการทำงานมาเป็นร้อยโปรเจกต์จนกลายมาเป็นหนึ่งในสตูดิโอออกแบบชั้นนำของประเทศ “พอทำมาเรื่อยๆ เราก็เริ่มฝันอยากจะมีโครงการที่พักอาศัยเป็นของเราเอง ส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะตอนที่เราไปเรียนที่เนเธอร์แลนด์ เราเห็นวงการ modern housing development ที่นั่นว่ามันน่าสนใจแค่ไหน มันก็อยู่ในใจเรามาตลอด จนเมื่อสองปีที่แล้วที่เราเริ่มรู้สึกว่าเราอยากทำธุรกิจนี้จริงๆ มันไม่ใช่แค่อยากทำตามใจ เราก็เลยเริ่มจากทำแบบบ้านออกมาก่อน เพราะพื้นฐานเราเป็นคนทำงานด้านความคิดความสร้างสรรค์ เราศึกษาว่าบ้านแบบไหนที่ยังไม่ค่อยมีในท้องตลาด ซึ่งนี่เป็นธรรมชาติของเราเวลาจะทำอะไรสักอย่างอยู่แล้ว แล้วก็หาข้อดีของแบบบ้านต่างๆ มาผสมกัน เราศึกษาหนักมากจนได้คำตอบว่าเราน่าจะทำในส่วนที่เป็น eco cluster เป็นบ้านที่ไม่ใหญ่มาก ขนาดกำลังดี เป็นทาวน์โฮมที่หลังใหญ่ขึ้นมาหน่อย จะได้ไม่แออัด อยู่แล้วรู้สึกปลอดโปร่ง เบาๆ” วีรภัฎ เผยถึงที่มาของโครงการอสังหาฯ แรกของเขาเองที่ชื่อว่า “เดอะ บาวด์เฮาส์” (The Bound House) โครงการอันประกอบไปด้วย Premium Townhome 20 ยูนิต และ Shop / House อีก 8 ยูนิต ใจกลางเมืองนครปฐม

  “หลายคนบอกว่าถ้าโครงการเราไปอยู่ที่ทองหล่อ หรือเลียบทางด่วนเอกมัย รามอินทรา ก็คงไม่เป็นไร แต่โครงการเราอยู่ที่นครปฐม หลายคนก็สงสัย พื้นที่ตรงนี้ ทำบ้านโมเดิร์นขนาดนี้มันจะดีหรือ ถ้าเราเป็น developer ทั่วไป เราก็คงไม่กล้าทำโครงการแบบนี้เหมือนกัน แต่ถ้าทำเหมือนเขาเราก็สู้เขาไม่ได้ เราก็เลยคิดว่าฉีกออกมาดีกว่า เราไม่ได้ติสต์หรืออยากแปลกกว่าใครนะ ไม่ใช่เลย เราทำ marketing research มาเป็นอย่างดี ทำ depth interview มาอย่างหนัก เราก็พบว่ามันก็เป็นไปได้เหมือนกัน เพราะนครปฐมเป็นเมืองการศึกษานะ มีมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ 5 แห่ง เป็นเมืองที่มีคนหมุนเวียนเปลี่ยนหน้าอยู่เสมอ และไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แล้วแบบบ้านของเราก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแปลกปลอมหรือว่าสมัยใหม่จนเกินไปนัก”

ลึกซึ้งกว่านั้น - นักออกแบบบ้านกำลังกลับบ้าน

  เพราะนครปฐมเป็น secondary city ที่มีความเจริญไม่ต่างจากกรุงเทพฯ, เป็นเมืองการศึกษา หรือแม้แต่ เป็นเมืองที่มีศิลปวัฒนธรรมและ way of life ที่หลากหลายอาจเป็นหลายๆ เหตุผลที่ทำให้ วีรภัฎ ตัดสินใจเริ่มโครงการแรกที่นี่ แต่ลึกไปกว่านั้น ขุดลงไปในใจของนักออกแบบ เราก็จะพบการเชื่อมโยงเรื่องราวของนักออกแบบเองเข้ากับสถานที่ วีรภัฎ เองก็เป็นเช่นนั้น เพราะแม้ว่านครปฐมจะมีความเหมาะสมด้วยเหตุผลต่างๆ ที่กล่าวไป แต่ที่สุดแล้ว นครปฐม ก็คือบ้านเกิดของพ่อของเขา เป็นบ้านที่ให้กำเนิดนักออกแบบบ้านที่ชื่อ วีรภัฎ โชคดีทวีอนันต์

  “พ่อผมเป็นคนนครปฐม บรรพบุรุษผมก็อยู่ที่นี่ ตอนเรียนเราก็เรียนศิลปากร ก็มาที่ทับแก้ว สนามจันทร์ บ่อยๆ ผมจึงผูกพันกับนครปฐมพอสมควร แล้วก็เห็นความเปลี่ยนแปลงของนครปฐมในทางที่ดีขึ้น ในรอบหลายปีมานี้ อาจเพราะกรุงเทพๆ มันแน่นไปหมดแล้ว พี่ๆ เพื่อนๆ นักออกแบบจึงเริ่มมาทำงานที่นี่ มาเปิดคาเฟ่ ทำร้านอาหาร ที่สามพราน หรือ นครไชยศรี มีโครงการของเพื่อนๆ เราเยอะไปหมด มันทำให้เรามั่นใจขึ้นว่าเราก็น่าจะเริ่มต้นโครงการแรกในเมืองที่เราผูกพันนี้ได้” วีรภัฎ กล่าว

The Bound House บ้านที่ใส่ความหมายลงใน “ขอบ” และ “เขต”

  เพราะทำงานด้าน interior design มานาน ต้องแก้ปัญหาเรื่องพื้นที่ จัดการกับ “ขอบ” และ “เขต” ของสิ่งต่างๆ ทั้งแบบรูปธรรมอันจับต้องได้ หรือแม้แต่ “ขอบ” และ “เขต” แบบนามธรรมที่ใช้ความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยเป็นตัวชี้วัดมานับไม่ถ้วน ในฐานะนักออกแบบนิยามของคำว่า “ขอบเขต” หรือ “Bound” จึงอยู่ในความคิดของ วีรภัฎ มาโดยตลอด เมื่อได้ทำโครงการของตัวเอง เขาจึงนำนิยามของ “ขอบ” และ “เขต” มาท้าทายตัวเองด้วยการตีความผ่านชื่อโครงการ “The Bound House” ที่สื่อถึงหลายขอบเขตของบ้าน และยังล้อไปกับปรัชญาการออกแบบสกุล “Bauhaus” ที่เกิดขึ้นในเยอรมันตั้งแต่ปี 1919 อีกทั้งคำว่า “Bauhaus” ในตัวของมันเองยังแปลว่า “การสร้างบ้าน” อีกด้วย

  “เราคงไม่ตั้งชื่อโครงการเป็นคำไทยๆ เพราะเราไม่ถนัด แล้วตลอดการทำงานของเรา เราจะเจอคำว่า “ขอบเขต” หรือ “Boundary” “ข้างใน” “ข้างนอก” อะไรแบบนี้อยู่เสมอ มันทำให้เราตั้งคำถามว่าขอบเขตจริงๆ ของการอยู่อาศัยหรือชีวิตนี่มันคืออะไร เราก็เลยคิดว่าคำว่า “Bound” นี่แหละเหมาะที่จะนำมาเป็นชื่อโครงการของเรา แล้วมันก็ฟังดูเบาๆ ดีด้วย เรียกง่าย”

บ้านที่หายใจได้ โล่งๆ เบาๆ

  ด้วยความที่อยากให้บ้านโครงการแรกของตัวเองไม่แออัด ความ โล่ง โปร่ง เบา จึงกลายมาเป็นแนวคิดหลักที่ วีรภัฎ นำมาออกแบบบ้านของตัวเอง เป็น “บ้านที่หายใจได้”

  “เราเน้นความโปร่ง เน้นแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาในตัวบ้าน เราให้ความสำคัญกับการอยู่สบาย เลยใช้หน้าต่างบานยาวด้านหน้าที่พอมองออกไปเห็นต้นไม้ เห็นท้องฟ้าเลย” วีรภัฎ เล่าถึงที่มาของการออกแบบบ้านให้หายใจได้ “เราพยายามให้ธรรมชาติเข้ามามีบทบาทในการออกแบบ เป็น passive design เป็น eco design มากกว่า ตรงกลางบ้านเลยเน้นให้แสง sky light เข้ามา ถ้าอยู่ตอนกลางวันคุณแทบไม่ต้องเปิดไฟเลย ไม่ต้องเปิดแอร์ฯ ก็ยังได้ เพราะเราออกแบบ ventilation การระบายอากาศให้ไหลเวียน ทำให้มีลมเอื่อยๆ เข้ามาในตัวบ้านเป็นระยะ ลมวิ่งได้รอบ”

  “ใครอยากปลูกต้นไม้กลางบ้านก็ทำได้เพราะแสงธรรมชาติเข้าถึง ที่สำคัญคือเราออกแบบให้บ้านไม่ร้อน เพราะหลังคาเราใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่เขาทำผนังตู้เย็น คือ sandwich panel ที่กันความร้อนจากข้างนอกเข้ามา และกักความเย็นไว้ข้างในไม่ให้ออกไป เราเว้นที่ใต้หลังคาไว้พอสมควรเพื่อให้ลมร้อนได้ระบายออกผ่านไปได้อย่างสะดวก รวมๆ คือเราอยากให้ The Bound House เป็นบ้านที่อยู่สบาย อากาศถ่ายเท กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม ประหยัดพลังงาน หายใจได้โล่งๆ โปร่งๆ ครับ” วีรภัฎ สรุป

    TAG
  • design
  • architecture
  • culture
  • Studiotofu
  • BoundHouse

บทสนทนาปลอดโปร่งกับ บอน-วีรภัฎ โชคดีทวีอนันต์ แห่ง สตูดิโอโตฟู ในบทบาทใหม่ในฐานะ developer

ARCHITECTURE/INTERVIEW
6 years ago
CONTRIBUTORS
EVERYTHING TEAM
RECOMMEND
  • PEOPLE/INTERVIEW

    คุยกับ Cupnoodle ผู้ที่ซื่อสัตย์และมั่นคงในดนตรีของตัวเอง ท่ามกลางความคิดแสนนานาจิตตัง บนเส้นทางสู่เป้าหมายชีวิตที่เรียกว่า “ศิลปิน”

    แค่ได้อ่านชื่อ ก็เชื่อว่าคิ้วของทุกคนคงต้องผูกกันเป็นปมด้วยความสงสัยแล้วว่า ‘บะหมี่ถ้วย ใช้ชื่อนี่เป็นชื่อศิลปินจริงดิ’, ‘มาทำเพลงเอาตลกหรือเปล่าเนี่ย’ บอกไว้ก่อนเลยว่า ไม่ ไม่ตลกเลย เพราะชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังผลงานเพลงของ Cupnoodle หรือ “ซาช่า โจสท์” นั้น เต็มไปด้วยความพยายาม ความตั้งใจ จนบางครั้งก็ต้องยอมเสียสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ได้ไขว่คว้าความฝันวัยเด็กในการเป็นศิลปิน ที่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านนั้น เธอแทบจะผ่านประสบการณ์การลงมือทำมาหมดทุกอย่างแล้วเพื่อเข้าใกล้วงการดนตรีให้ได้มากที่สุด (ซึ่งเยอะจนเราเชื่อว่าคงเขียนเล่าได้ไม่ครบ) แต่แม้จะมุ่งมั่นออกตัววิ่งบนเส้นทางนี้ไปด้วยความรวดเร็วมากเท่าไหร่ ซาช่า ที่ ณ ตอนนั้นใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอน ก็ยังคงไม่เห็นเส้นชัยของตัวเองสักที

    EVERYTHING TEAMJune 2025
  • PEOPLE/INTERVIEW

    มองสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยในฐานะวัฒนธรรมที่มีชีวิตผ่าน ART TOYS เจาะลึกแนวคิดความสนุกจาก DUCTSTORE the design guru Co.,Ltd.

    ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ

    EVERYTHING TEAMJanuary 2025
  • PEOPLE/INTERVIEW

    อุ้ม-วัลลภ รุ่งกำจัด นักแสดงภาพยนตร์อิสระ สู่เส้นทางของ Cannes Film

    วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว

    EVERYTHING TEAM9 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    พูดคุยกับ “MAMIO” บนหน้ากระจกสะท้อนตัวตนที่ถูกซ่อนมาทั้งชีวิต “อาจใช้เวลานานถึง 30 ปี แต่ก็ดีกว่าไม่มีโอกาสได้รู้เลย”

    คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ

    EVERYTHING TEAM9 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    THE ROARING SOUND OF BANGKOK EVILCORE

    Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia

    EVERYTHING TEAM9 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    Nat Inksmith (ชณัฏฐ์ หวังบุญเกิด) มากกว่าความสวยงามคือการนำเสนอผลงานที่เป็นตัวตนผ่านศิลปะลายสัก

    ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน

    EVERYTHING TEAM10 months ago
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )