ทำงานครีเอทีฟ หมดสิทธิ์ที่จะคิดไม่ออก กับ “ระเบิด - ธนสรณ์ เจนการกิจ” ECD แห่ง CJ Worx | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

ทำงานครีเอทีฟ หมดสิทธิ์ที่จะคิดไม่ออก กับ
“ระเบิด - ธนสรณ์ เจนการกิจ”
ECD แห่ง CJ Worx

คนทำงานครีเอทีฟ จะให้หยุดคิดก็นับเป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าจะหยุดคิดไม่ได้ มีหลายวิธีที่จะช่วยให้สมองได้หยุดพัก ซึ่งในแวดวงของอาชีพครีเอทีฟ ก็คงหนีไม่พ้นคนที่ทำงานในบริษัทเอเจนซี่โฆษณา ที่รับโจทย์ใหม่ๆ จากลูกค้าทุกวัน ถ้าลูกค้าบรีฟงานเคลียร์ก็ดีไป แต่ถ้าบรีฟเหี้ยมล่ะ เราจะต้องจัดการกับมันยังไง ไปฟังประสบการณ์จากปากครีเอทีฟมือรางวัล Cannes Lions “คุณระเบิด - ธนสรณ์ เจนการกิจ” ผู้ที่จะทำให้เราเข้าใจหัวอกครีเอทีฟมากขึ้น

ก่อนจะมาเป็นครีเอทีฟโฆษณา

ก่อนจะมาทำงานโฆษณา เราทำงานสร้างสรรค์อย่างอื่นมาก่อน ก็คือรายการทีวี ด้วยที่เราเรียนจบสถาปัตย์ จุฬา เลยมีคอนเนคชั่นกับรุ่นพี่ที่เป็นเด็กถาปัตย์เหมือนกันค่อนข้างเยอะ ซึ่งก็มีหลากหลายอาชีพนะ อย่างที่สนิทเลย ก็จะเป็นพี่ที่ทำโต๊ะกลมโทรทัศน์ เพราะเป็นสายทำละครสถาปัตย์มาเหมือนกัน เรารู้สึกว่าพวกเราเป็นคนเล่าเรื่องนะ ถนัดเรื่องอะไรก็เล่าเรื่องนั้น เรามีเพื่อนที่เป็นนักดนตรี มันก็เล่าเรื่องผ่านเพลง หรืออย่าง "พี่เอ๋ นิ้วกลม" ก็เป็นนักเล่าเรื่องผ่านตัวหนังสือ ทุกคนล้วนใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการเล่าเรื่องของแต่ละคน คือคณะนี้แม่งแปลกตรงที่เวลาคิดอะไรกันรู้สึกว่าตอนคิดมันปัญญาอ่อนจังวะ แต่พอทำออกมาเป็นชิ้นงานแล้วก็เป็นที่ยอมรับนะ ซึ่งตอนนี้เราเป็น Executive Creative Director บริษัทเอเจนซี่ CJ Worx แต่ก็ทำงานในแวดวงโฆษณามา 10 กว่าปีแล้ว

ขายงานยังไงให้โดนใจลูกค้า
สไตล์การทำงานของเราคือ ทำงานเป็นทีมมากๆ เราอยากใช้คำว่า Avengers อ่ะ แต่แม่งโคตรเชยเลย (หัวเราะ) หมายถึงว่าทุกๆ คนมันไม่ต้องเหมือนกัน ทุกคนไม่ต้องเก่งในเรื่องเดียวกัน แต่ใช้ความสามารถของแต่ละคนที่ถนัด เวลาทำงานเป็นทีมแล้วมันได้งานจริงๆ นะ แต่ว่าทุกคนต้องมี Passion เดียวกัน คืออยากให้งานออกมาดี แล้วจุดแข็งของแต่ละคนก็จะช่วยเสริมกันเอง อันนี้คือวิธีการทำงานของเรา

และที่รู้สึกว่าพิเศษกว่าทีมอื่นคือ คาแรคเตอร์ของแต่ละคนในทีมจะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนนี้ชอบฟังเพลงมาก คนนั้นไม่ได้มีสีสันมากมายแต่อ่านหนังสือเยอะ บางคนก็เป็น Blogger ที่มีไลฟ์สไตล์จัดจ้าน พอเคมีต่างๆ มันมาอยู่รวมกันในทีมแล้วเรารู้สึกว่า Vibe ในทีมมันดี มันสนุก แล้วทุกคนก็ Happy คือเราอยากอยู่แบบไหนเราก็พยายามจะเซ็ตทีมให้เป็นแบบนั้น พอทีมสนุกมันก็จะ Reflect ออกมาที่งาน แล้ววิธีที่จะทำให้ลูกค้า Happy กับงาน เราก็ต้อง Proudly ในงานที่เราทำก่อน ถ้าคุยงานกันแล้วทีมรู้สึกสนุก เวลาเราไปขายงานลูกค้าเค้าก็จะ Get feel นั้นเอง แล้วลูกค้าก็จะสนุกไปกับเราด้วย

วิธีการจัดการกับ “บรีฟเหี้ย”

งานที่รู้สึกว่ายาก สำหรับเราคืองานที่ไม่เข้าใจกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งฝั่งเรา หรือลูกค้าเอง เรื่องบรีฟก็สำคัญ มันจะมีบรีฟอยู่ 2 ประเภทคือ “บรีฟเหี้ย” กับ “บรีฟเหี้ยม” คือ บรีฟเหี้ยมมันจะแปลว่าไม่เหี้ย แต่ว่ามันอาจจะเป็นโจทย์ที่ยาก มันชาเลนจ์ หรือความเป็นไปได้มันน้อย แต่บรีฟเหี้ยมันคือการไม่เข้าใจกันมากกว่า มันขึ้นอยู่กับการสื่อสารล้วนๆ เลย การทำงานโฆษณามันต้องมี Communication design หรือออกแบบการสื่อสารที่ดี แปลว่าเราต้องเข้าใจก่อน ต้องเข้าใจคน เข้าใจสินค้า และเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย มันถึงจะสื่อสารได้ ถ้าเกิดว่าบรีฟเหี้ยเนี่ย มันก็อาจจะเกิดจากลูกค้าเค้าไม่เข้าใจโปรดักท์ ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจโจทย์ หรืออาจจะเป็นความไม่เข้าใจจากฝั่งเรา มันก็จะทำให้รู้สึกว่าบรีฟนั้นมันไม่ Make sense มันหลวม มันกว้างเกินไป ซึ่งวิธีแก้ก็คือ มันต้องคุยกันเยอะๆ ทุกฝ่ายมันต้องเคลียร์ เพราะว่าเรากำลังจะทำการสื่อสาร ถ้าเกิดเราไม่เข้าใจก็สื่อสารไม่ได้ แม้กระทั่งบางทีลูกค้าบรีฟเช้าจะเอาบ่าย นั่นก็แปลว่าคนที่บรีฟไม่เข้าใจการทำงานไง ทุกอย่างมันเกี่ยวพันกับความไม่เข้าใจ ถ้าเราทำความเข้าใจลูกค้าได้ว่าที่รีบเอางานนั้น รีบเพราะอะไร มันอาจจะคุยกันได้ บางทีเค้าอาจจะต้องการแค่ไอเดียหรือเปล่า ไม่ได้ Expect อะไรมากมาย ก็แปลว่าบรีฟนั่นเริ่มไม่เหี้ยและ เริ่มเข้าใจกัน เริ่มคุยกันได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับการสื่อสารนั่นแหละ เมื่อคนสองคนไม่เข้าใจกัน ต่างคนก็จะว่าอีกฝ่ายว่าแย่ ซึ่งในมุมของการทำงาน เราก็ต้อง Educate ลูกค้าให้เข้าใจ

ทำยังไงเมื่อคิดงานไม่ออก
ทำงานครีเอทีฟมันหมดสิทธิ์ที่จะคิดไม่ออกอยู่แล้ว แต่มันก็มีวิธีพักสมองบ้างแหละ คนประเภทอย่างเรามันหยุดคิดไม่ได้หรอก แต่ว่ามันสามารถเปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่นได้ บางทีในหัวมันจะคิดไปเรื่อยๆ โปรเจกท์นี้ โปรเจกท์นั้น คิดตลอดเวลา วิธีแก้ของเราก็คือ ไปทำอย่างอื่นซะ เพื่อให้สมองมันไปคิดเรื่องอื่น เหมือนเราตึงกับเรื่องนี้ เราโฟกัสกับมันมากเกินไป จนทำให้เรามองไม่เห็นรอบๆ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องถอยออกมา พอเรา Zoom out ออกมา เราก็จะเห็นบริบทรวมๆ เห็นเรื่องอื่นๆ มันก็จะทำให้เราสบายขึ้น บางทีเรารู้สึกว่าเราแบกรับหลายๆ อย่าง พอเราวางมันลงมันก็สบายขึ้น เราก็จะเห็นพื้นที่ในการให้คิดมากขึ้น ความตึงเครียดมันก็จะน้อยลง
Everything is Design

เมื่อพูดถึงเรื่อง Design เราว่ามันคือทุกอย่างนะ จากที่เราเรียนมามันสอนเรามาว่า ทุกอย่างมันคือการดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นกราฟิก เขียนหนังสือ แต่งเพลง หรือจีบหญิง ทั้งหมดนี้เราก็ต้องดีไซน์ หรืออย่างพี่ที่เรารู้จักเค้าทำงานด้านการจัดคอนเสิร์ต หน้าที่ของพี่เค้าคือ “การออกแบบมวลอารมณ์” ในคอนเสิร์ต เห็นมั้ยว่าทุกๆ อย่างมันมีเรื่องของการดีไซน์อยู่ทั้งนั้น แต่ว่าการดีไซน์ไม่ได้แปลว่ามันต้องสำเร็จนะ อย่างคำที่บอกว่า “รักออกแบบไม่ได้” ก็คือมันไม่จำเป็นว่ากูวางแผนจะจีบผู้หญิงคนนี้แล้วมันจะต้องสำเร็จเสมอไปนี่หว่า ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าการออกแบบของเรามันจะสำเร็จไหม แต่เราก็ทำเต็มที่เต็มความสามารถในการออกแบบของเราไป

อีกบทบาทคือ “ช่างภาพสตรีท”
อีก 1 สิ่งที่เราชอบนอกจากงานโฆษณาก็คือ การถ่าย Street Photo นี่แหละ ด้วยความที่เราเป็นคนชอบถ่ายรูปกิ๊กก๊อกบ้าบอมาตั้งแต่มัธยมแล้ว พอดีพี่ชายเรามีกล้องเราก็เลยถ่ายตามเค้า ถ่ายไปเรื่อยเปื่อย ถึงขั้นที่ว่ากำลังนั่งเรียนๆ อยู่ แล้วรู้ว่ามีไฟไหม้ในตลาด เราก็โดดเรียนเอากล้องไปถ่ายตอนที่ไฟกำลังไหม้ ตอนที่ผู้คนกำลังฉีดดับเพลิงกันวุ่นวาย ทุกวันนี้ฟิลม์ม้วนนั้นก็ยังอยู่ ตอนเด็กๆ เราชอบถ่ายรูปกวนตีนๆ อย่างถ่ายรูปชู 2 นิ้ว ตอนเอาไปล้างแล้วก็บอกว่าเอารูป 2 นิ้ว??? อะไรอย่างเนี่ย ปัญญาอ่อนอ่ะตอนเด็กๆ (หัวเราะ) แต่มันมีอยู่วันนึงมีน้องมาสมัครงาน เราก็ถามน้องว่าก่อนหน้านี้ไปทำอะไรมา น้องมันบอกว่า “ผมลาออกไปถ่ายรูปสตรีทมาปีนึงครับ” เราก็นึกในใจว่า “เหี้ย! ถ่ายรูปสตรีทมันคืออะไรวะ ทำไมคนคนนึงถึงลาออกจากงานไปถ่ายสตรีทอย่างเดียววะ” มันก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้จักกับการถ่าย Street Photo แล้วเราก็เริ่มเสพติดมัน

ถ่ายภาพสตรีท ถ้าอธิบายให้เห็นภาพก็เหมือนกับการออกไปจับโปเกมอนแหละ คือมันมีอยู่ทุกที่เลย แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะจับได้ หรือไม่ได้ แล้วการถ่ายรูปสตรีทมันไม่มีการจัดฉากไง อย่างเราทำงานโฆษณามา เราเซ็ต เราจัดฉากมาตลอดเลย เวลาถ่าย Print ad หรือทำหนัง อยากได้อะไรอยากใส่อะไรก็เสกขึ้นมาได้เลย แต่พอมาถ่ายสตรีทแม่งคนละเรื่องเลย มันเป็นอย่างที่เราต้องการไม่ได้ แล้วมันก็ยิ่งชาเลนจ์เว่ย เราจะเจอโจทย์หน้างานอยู่ตลอดเวลา อย่างเราเดินไปเจออะไรก็จะสร้างโจทย์จากตรงนั้น เราไม่สามารถกำหนดให้คนนั้นมาเดินตรงนี้ได้ ซึ่งนั่นมันคือความสนุกและเสน่ห์ของการถ่าย Street Photo และตอนนี้มันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเราไปแล้ว เราอยากไปถ่ายในหลายๆ ที่บนโลกใบนะ เพราะแต่ละที่มันมีเรื่องราวไม่เหมือนกัน อย่างประเทศอินเดียเราอยากไปนะ แต่ไม่เคยคิดจะไป เพราะกลัว กลัวเรื่องอาหารการกิน การเข้าห้องน้ำ นู่นนี้ แต่พอเราเริ่มถ่ายสตรีท เราตัดสินใจไปเลย พอกลับมาแล้วรู้สึกว่าแม่งโคตรมันเลย แล้วมันก็เปลี่ยนความคิดที่มีต่อประเทศนี้ไปเลย ประเทศที่อยากไปถ่ายก็จะมี คิวบา, เกาหลีเหนือ, ไมแอมี อเมริกา, อังกฤษ แล้วก็มีอีกหลายที่จะพยายามปักหมุดแล้วก็หาโอกาสไป

คนครีเอทีฟเค้าฟังเพลงแบบไหน
ก็เหมือนคนอื่นนั่นแหละ ส่วนตัวเราฟังเพลงเยอะนะ จะคอยถามน้องๆ ในทีมอยู่ตลอดว่าตอนนี้มีเพลงอะไรใหม่วะ คอยอัพเดตอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงเวลาจริงๆ เพลงที่ฟังบ่อยที่สุด ก็จะเป็นเพลงในยุคที่เราวัยรุ่นอย่างวง Oasis, Suede, The Smashing Pumpkins แต่ที่ฮากว่านั้นคือใน Spotify เวลาฟังครบปีมันก็จะจัดอันดับเพลงที่เราฟังบ่อยที่สุดให้ แล้วมันบอกว่าศิลปินคนนั้นคือ “ธงไชย แมคอินไตย์” เว้ย! แต่ก็ไม่แปลกนะเพราะเราฟังจริงๆ (หัวเราะ) เพลงยุคใหม่ๆ ก็ฟัง อย่างเพลงแรปเราก็ชอบนะ เรามีแรปเปอร์ที่ชื่นชอบอยู่ เรียกว่าเป็นแฟนเค้าเลยก็ได้ นั่นก็คือ “พี่กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่” เราว่าเค้าเป็นคนที่เข้าใจโลก เข้าใจคน เราเคยทำงานกับเค้า 2 - 3 ครั้ง เรารู้สึกว่าเพลงเค้ามีคอนเซ็ปต์ ทำให้รู้สึกว่าเพลงแรปมันแจ๋วว่ะ แล้วคนที่จะทำเพลงแรปได้โดนมันต้องมี Insight แล้วก็ใช้คำได้ดี เรียกว่าเป็นนักกวีเลยก็ได้นะ เราชอบแรปแบบไทยๆ อย่างพี่โจ้ โจอี้บอยเนี่ยชอบมาก ยิ่งมีรายการ The Rapper ออกมามันทำให้ทุกคนเข้าใจเพลงแรปมากขึ้นนะ เพลงฮิปฮอปแม่งเล่าอะไรก็ได้นี่หว่า แล้วเราก็เพิ่งมารู้ว่าเพลงแรปมันไม่มีการร้องผิดคีย์เว้ย เพราะมันคือการพูด เราว่ามันโคตรเจ๋งเลย
เพลงไหนที่รู้สึกว่าเป็น Life Soundtrack
อาจจะเก่านิดนึงนะ (หัวเราะ) เป็นเพลงของวงเฉลียงชื่อเพลงว่า “อื่นๆ อีกมากมาย” เรารู้สึกว่าทุกครั้งที่เราลืมอื่นๆ อีกมากมาย ชีวิตมันจะทุกข์ทันทีเลย ลองไปฟังกันดู คือเราชอบวงเฉลียงถึงขั้นช่วงที่มีรายการแฟนพันธุ์แท้ วงเฉลียง เรานั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน เราตอบได้แม่งทุกข้อเลย
การแต่งตัวเราใส่อะไรก็ได้ที่รู้สึกว่า “ไม่ตะโกน”
สไตล์การแต่งตัวของเรา แรกๆ ช่วงค้นหาตัวเองเราก็แต่งตัวไปตามเทรนด์แหละ อะไรมาอะไรฮิตก็ซื้อมาใส่ มันมีอยู่ช่วงนึงที่เราทำโฆษณาให้ลูกค้า แล้วมันมีอยู่คำนึงที่ใช้คือ Understate ถ้าพูดความหมายให้เห็นภาพคือ อะไรที่มันง่ายๆ อาจจะแต่งดำล้วน หรืออาจจะมีหลายเลเยอร์ก็ได้ แต่เวลามองแล้วจะรู้สึกว่าการแต่งตัวมันไม่ได้ตะโกนให้คนอื่นได้ยินว่า “กูแต่งตัวนะโว้ย!” แต่ถ้าตั้งใจดูก็จะเห็นว่ามันมีดีเทลซ่อนอยู่นะ เราชอบอะไรแบบนี้ ทุกวันนี้ตู้เสื้อผ้าที่บ้านก็จะเหลือแค่ขาวกับดำ อย่างที่ไปญี่ปุ่นมาเราก็ซื้อหมวกทรงเดียวกันมา 4 - 5 ใบแต่คนละยี่ห้อนะ เราสนุกกับการที่ได้ Mix & Match เสื้อแจ็กเก็ต รองเท้า แอคเซสโซรี อื่นๆ อยู่
ทำงานโฆษณามันให้อะไรกับชีวิตบ้าง

งานโฆษณามันให้อะไรเราเยอะมากเลยนะ ให้เราได้เรียนรู้คน การที่คนๆ หนึ่งจะซื้อสินค้าชิ้นนึงเค้าต้องมีความต้องการ มันแปลว่าเราต้องเข้าใจเค้า งานโฆษณามันไม่ใช่การไปควักเงินในกระเป๋าเค้ามาแล้วเอาของไป แต่มันคือการฝากแบรนด์ หรือสินค้าไว้ในอ้อมใจผู้บริโภค เราทำได้แค่ให้เค้าชอบมัน ได้เห็น Benefit ของมัน เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจคน คนที่เราอยากคุยด้วยเค้ามีความคิดยังไง ชอบอะไร ยิ่งเราเข้าใจเค้ามากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งคุยกับเค้าได้ชัดเจนและรู้เรื่องมากเท่านั้น ยิ่งเราได้ทำโฆษณาใหม่ๆ เราก็จะได้รู้จักคนที่แตกต่างออกไป หมายถึงว่า เวลาลูกค้าที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์คิดอะไรออกมาสักอย่างนึง แสดงว่าเค้ามองเห็นอะไรบางอย่างของมัน เราก็ยิ่งได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ ได้สนุกกับการที่ได้รู้จักของใหม่ๆ รู้จักคนใหม่ๆ แล้วอีกอย่างที่สำคัญมากเลยก็คือ มันทำให้เรามองโลกในแง่ดี รู้จักหาแง่ดีของสินค้า ซึ่งก็แล้วแต่คนมองนะ บางคนอาจจะมองไม่ดีก็ได้ แต่เรารู้สึกว่ามันสอนให้เรามองอะไรในแง่ดี โฆษณามันอาจจะทำให้คน Consume แต่สำหรับเรามองว่ามันเป็นประโยชน์ต่อ Consumer เมื่อมีสินค้าออกมามากก็จะเกิดการแข่งขันสูง สมมติถ้าโลกนี้มีสินค้าแค่แบรนด์เดียว เราจะต้องจ่ายแพงแค่ไหนเพื่อให้ได้มา แต่การโฆษณาคือการหาข้อดีต่างๆ มาให้ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่น ส่วนลด และประโยชน์ต่างๆ

งานโฆษณาที่ได้รับรางวัลล่าสุดของทีมระเบิด
รางวัลล่าสุดที่ได้รับปีนี้ก็จะมี Bronze ของเวที ADFEST 2019 ลูกค้า “เพรทซ์” แบรนด์ขนมในเครือกูลิโกะ แคมเปญ เมื่อ “เพรทซ์” น้อยใจที่คนจำชื่อแบรนด์ไม่ได้ จึงขอเอาโลโก้ออกจากกล่อง แล้วก็ได้รางวัล Best Social Media Campaing ลูกค้า Netflix แคมเปญ “ไม่ไปไหนไป Netflix” ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา
GET IDEA

การหาไอเดียของเรา ส่วนหนึ่งก็มาจากการอ่านหนังสือ เราจะอ่านหนังสือหลายประเภท ทั้งนวนิยาย (ฤทธิ์มีดสั้น, พันธุ์หมาบ้า ฯลฯ) เรื่องวิชาการยากๆ เรื่องที่สาระน้อยๆ เราอ่านหมด มันทำให้เรามี Bubble อยู่ในหัวเยอะดี เวลาคิดงานก็จะดึง  Bubble เหล่านั้นมาใช้ให้เข้ากับโจทย์ของแต่ละงานที่ได้รับมา 

ป.ล. สุดท้ายนี้ สำหรับน้องๆ นักศึกษาที่อยากมาฝึกงานโฆษณากับทีมพี่ระเบิด ก็ขอให้เตรียมตัวมาเอาความรู้ เพราะพี่เค้าอยากได้เด็กที่มันเอา เอางาน เอาวิชา มาฝึกแล้วอยากได้อะไรกลับไป ไม่ใช่มาฝึกเพื่อเติมเต็มหน่วยกิจอย่างนี้พี่เค้าไม่เอา

ติดตามผลงาน Street Photo ของระเบิดได้ที่
Facebook : Thanasorn Janekankit
Instagram : rabthanasorn
    TAG
  • people
  • interview
  • attitude
  • lifestyle

ทำงานครีเอทีฟ หมดสิทธิ์ที่จะคิดไม่ออก กับ “ระเบิด - ธนสรณ์ เจนการกิจ” ECD แห่ง CJ Worx

PEOPLE/INTERVIEW
April 2019
CONTRIBUTORS
EVERYTHING TEAM
RECOMMEND
  • PEOPLE/INTERVIEW

    มองสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยในฐานะวัฒนธรรมที่มีชีวิตผ่าน ART TOYS เจาะลึกแนวคิดความสนุกจาก DUCTSTORE the design guru Co.,Ltd.

    ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ

    EVERYTHING TEAMJanuary 2025
  • PEOPLE/INTERVIEW

    อุ้ม-วัลลภ รุ่งกำจัด นักแสดงภาพยนตร์อิสระ สู่เส้นทางของ Cannes Film

    วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว

    EVERYTHING TEAM6 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    พูดคุยกับ “MAMIO” บนหน้ากระจกสะท้อนตัวตนที่ถูกซ่อนมาทั้งชีวิต “อาจใช้เวลานานถึง 30 ปี แต่ก็ดีกว่าไม่มีโอกาสได้รู้เลย”

    คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ

    EVERYTHING TEAM6 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    THE ROARING SOUND OF BANGKOK EVILCORE

    Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia

    EVERYTHING TEAM7 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    Nat Inksmith (ชณัฏฐ์ หวังบุญเกิด) มากกว่าความสวยงามคือการนำเสนอผลงานที่เป็นตัวตนผ่านศิลปะลายสัก

    ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน

    EVERYTHING TEAM7 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    KIKI กับการเดินทางก้าวต่อไปของความคิดสร้างสรรค์บนเส้นทางดนตรี

    ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีวงดนตรีสัญชาติไทยที่ชื่อ KIKI ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ก็เพราะด้วยเสียงเพลงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาได้อย่างชัดเจน

    EVERYTHING TEAM8 months ago
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )