คุยกับ Cupnoodle ผู้ที่ซื่อสัตย์และมั่นคงในดนตรีของตัวเอง ท่ามกลางความคิดแสนนานาจิตตัง บนเส้นทางสู่เป้าหมายชีวิตที่เรียกว่า “ศิลปิน” | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

คุยกับ Cupnoodle ผู้ที่ซื่อสัตย์และมั่นคงในดนตรีของตัวเอง
ท่ามกลางความคิดแสนนานาจิตตัง บนเส้นทางสู่เป้าหมายชีวิตที่เรียกว่า “ศิลปิน”

  แค่ได้อ่านชื่อ ก็เชื่อว่าคิ้วของทุกคนคงต้องผูกกันเป็นปมด้วยความสงสัยแล้วว่า
  ‘บะหมี่ถ้วย ใช้ชื่อนี่เป็นชื่อศิลปินจริงดิ’, ‘มาทำเพลงเอาตลกหรือเปล่าเนี่ย’
  บอกไว้ก่อนเลยว่า ไม่ ไม่ตลกเลย เพราะชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังผลงานเพลงของ Cupnoodle หรือ “ซาช่า โจสท์” นั้น เต็มไปด้วยความพยายาม ความตั้งใจ จนบางครั้งก็ต้องยอมเสียสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ได้ไขว่คว้าความฝันวัยเด็กในการเป็นศิลปิน ที่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านนั้น เธอแทบจะผ่านประสบการณ์การลงมือทำมาหมดทุกอย่างแล้วเพื่อเข้าใกล้วงการดนตรีให้ได้มากที่สุด (ซึ่งเยอะจนเราเชื่อว่าคงเขียนเล่าได้ไม่ครบ) แต่แม้จะมุ่งมั่นออกตัววิ่งบนเส้นทางนี้ไปด้วยความรวดเร็วมากเท่าไหร่ ซาช่า ที่ ณ ตอนนั้นใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอน ก็ยังคงไม่เห็นเส้นชัยของตัวเองสักที

  จนกระทั่ง Covid-19 เข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ทำให้ซาช่าต้องย้ายกลับมาอยู่ไทยในช่วงปี 2020 และช่วงเวลานี้เองที่ทำให้เธอมีโอกาสค้นพบว่า แวดวงดนตรีไทยที่เดิมไม่เคยอยู่ในความสนใจมาก่อนนั้น กลับเต็มไปด้วยคนเก่ง คนที่มีความสามารถอยู่มากมาย และน่าสนใจเกินกว่าจะมองข้าม ซาช่าจึงตัดสินใจเลือกออกวิ่งบนเส้นทางศิลปินอีกครั้งที่ประเทศบ้านเกิดในฐานะศิลปินอิสระ ที่แต่งเนื้อและโปรดิวเซอร์เพลงด้วยตัวเอง ในชื่อศิลปินว่า Cupnoodle ที่แม้จะดููขี้เล่นและตลกบ้างในบางมุม แต่เมื่อไหร่ที่คุณได้ลองสัมผัสกับผลงานเพลงอันเป็นเสมือนยาขมเคลือบน้ำตาลของเธอ ชื่อนัั้นก็แทบจะเป็นแค่สิ่งผิวเผินไปโดยทันที
  ซึ่งตั้งแต่ปี 2020 เธอก็ปล่อยผลงานเพลงออกมาอย่างต่อเนื่องให้เราได้ติดตาม ไม่ว่าจะเป็น nothing nothing nothing, 2+2 หรือ piece of ming จนกระท่ังการมาถึงของ EP แรก ที่ชื่อว่า “YUM” ในช่วงต้นปี 2568 ที่ผลักดัันให้ชื่อของเธอปรากฏบนหน้าสื่อมากยิ่งขึ้น จากสไตล์และรสชาติทางดนตรีที่หลากหลาย แตกต่าง และจัดจ้านสมชื่อยำ

  ล่าสุด ซาช่าก็กลับมาตอกย้ำถึงตัวตนที่ไม่เหมือนใครของเธออีกครั้ง ผ่านผลงานเพลงใหม่ “นานาจิตตัง” ที่ถ่ายทอดความจริงของชีวิตที่ว่ามนุุษย์นั้นล้วนมีความคิดที่แตกต่าง หลากหลาย และนานาจิตตังเกินกว่าจะตัดสินหรือถูกจำกัดอยู่ภายใต้กรอบหรือกฏเกณฑ์ใด พร้อมกับการกลับไปยังความเป็นไทย อันเป็นส่วนหนึ่งในรากเหง้าของเธออีกครัั้ง ผ่านเนื้อเพลงและมุขตลกภาษาไทยที่อ่านแล้ว ‘เออเนี่ยโคตรจะไทย!’
  และนี่คือบทสนทนาระหว่างเรา และ Cupnoodle ถึงช่วงเวลาบนเส้นทางการเป็นศิลปินในปีที่ 5 ด้วยใจที่ซื่อสัตย์และมั่นคงในดนตรีของตัวเองมากยิ่งขึ้น

Cr. cupnoodleofficial

ตัวตนของศิลปินที่ชื่อว่า “Cupnoodle”
  Asian, Instant และ Worldwide คือสามสิ่งที่ ซาช่าเลือกใช้นิยามความเป็น Cupnoodle
  โดย “Asian” มีที่มาจากรากเหง้าความเป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน แต่ด้วยหน้าตาที่มีความเป็นยุโรปชัดเจน ทำให้หลายคนมักจะประหลาดใจทุกครั้งเมื่อรู้ว่าเธอเป็นลูกครึ่งไทยด้วย ซาช่าจึงอยากนำเสนอตัวตนความเป็น Asian นี้ออกมา
  ขณะที่ “Instant” สะท้อนถึงผลงานเพลงที่ต้องพาให้ผู้คนรู้สึกถึงอารมณ์บางอย่างได้อย่างง่ายดาย มีความปัจจุบันเร่งด่วน ที่ก็คล้ายกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั่นแหละ แค่เติมน้ำร้อนก็กินได้ทุกที
  ส่วน “Worldwide” มาจากเนื้อเพลงภาษาอังกฤษที่ทุกคนทั่วโลกเข้าใจได้ ยิ่งได้อินเตอร์เน็ตที่เชื่อมโยงโลกในทุกมุม ยิ่งก็ส่งเสริมให้ผลงานเพลงของเธอสามารถเดินทางข้ามพื้นที่ได้อย่าง Worldwide

  “ถึง 3 คำนี้จะเป็นเหมือน Tagline ที่ถูกใช้บอกความเป็นเรา แต่สิ่งที่เราอยากให้ทุกคนมองเห็นในตัวตนและเข้าใจความเป็น Cupnoodle จริงๆ คือคุณเองก็สามารถเป็นได้ ไม่จำเป็นต้องเกิดมาพร้อมกับความสามารถนั้น ๆ เลย สำหรับเรา เราอยากให้คนมองทะลุผ่านทักษะการร้องเพลง ให้เห็นไปยังเบื้องหลังว่ากว่าเราจะร้องเพลงเก่งได้เท่านี้ เราผ่านการฝึกฝนมานานเท่าไหร่ Cupnoodle มีความตั้งใจของเราอยู่เยอะมาก ๆ ดังนั้น Cupnoodle เลยเป็นตัวตนที่แทนถึง Creation แทนถึง Determination และการไม่ยอมแพ้”
  ขณะที่ตัวตนทางดนตรี ก็ต้องบอกว่ายากที่จะให้คำนิยาม เพราะหากคุณไล่เรียงฟังผลงานเพลงของ Cupnoodle ก็จะพบว่าเต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งเพลงป็อป, R&B, โซล, อิเล็กทรอนิกส์ หรือ EDM ซึ่งสำหรับบางคนแล้ว สิ่งนี้ชวนให้ตั้งคำถามว่า Cupnoodle คือศิลปินแนวไหนกันแน่ ทำไมถึงไม่ทำเพลงในแนวเดียวกัน

  แต่สำหรับซาช่า นั่นไม่ใช่วิธีเสพดนตรีของเธอ เธอเชื่อว่าคนฟังยุคนี้ไม่จำเป็นต้องฟังเพลงแค่แนวเดียว และการคิดแทนคนฟังแบบนั้นก็ไม่อาจนับได้ว่าถูกต้อง เพราะในหนึ่งวันอารมณ์ของมนุษย์ยังเปลี่ยนแปลงขึ้นลงเลย แล้วทำไมแนวเพลงที่ฟังจะมีการเปลี่ยนแปลงไม่ได้
  Cupnoodle จึงไม่ถูกจำกัดอยู่กับขอบเขตของแนวเพลงใดเพียงแนวเดียว แต่กลับเต็มไปด้วยความหลากหลาย ที่พร้อมทดลองค้นหาแนวและรูปแบบอันแปลกใหม่อยู่เสมอ ซึ่งช่วยสะท้อนให้เราได้เห็นอย่างชััดเจนถึงรสนิยมทางดนตรีส่วนตัวของเธอ พร้อมกัับความตั้งใจในการถ่ายทอดอารมณ์อันแตกต่างของมนุษย์ผ่านเนื้อเพลงภาษาอังกฤษอันแสนเรียบง่าย แอบแฝงการอุปมาอุปไมยถึงเรื่องราวที่ไม่ใช่แค่ความรัก แต่ยังคงชวนให้ตั้งคำถามถึงชีวิตในบางแง่มุม จนหลายคนก็นิยามสิ่งที่เธอทำว่าเป็นเพลงป็อปเพื่อชีวิต

  “สิ่งที่เราทำคือศิลปะ เราอยากทำให้คนฟังเห็นถึงความแตกต่างผ่านผลงานจริง ๆ มากกว่าจะไป Hard Sale หรือออกมาพูดโต้งกัับทุกคนว่าเออเราแตกต่างนะ เพราะเราไม่ได้ตัั้งใจจะทำเพลงสำหรับคนทั้งโลก เราเลือกทำเพลงเพื่อค้นหาคนที่ชอบในตัวตนของเราจริง ๆ และชอบฟังเพลงหลากหลายแนวเหมือนกันกับเรา ซึ่งเราคิดว่าเราไม่จำเป็นจะต้องลดทอนรสนิยมหรือสิ่งที่ชอบลงเลย แม้ทำแบบนี้แล้วจะมีคนฟังแค่หลักพันคน แต่ถ้าเป็นหนึ่งพันคนที่เหนี่ยวแน่น เราก็มองตัวเองว่า Strong แล้วนะ”
  แต่เธอก็พูดต่อด้วยความเข้าใจที่มีต่อของอุตสาหกรรมเพลงในยุคปัจจุบันว่า ในแง่หนึ่งถ้าอยากทำให้เพลงให้ติดหูคนฟัง หรือมีความเป็นไปได้ในการใช้งานเชิง Commercial มากยิ่งขึ้น ยังไงศิลปินก็จะต้องยอมยึดโยงการทำงานไปกับโครงสร้างในการเขียนเพลงแบบเดิม ที่มักจะต้องมีท่อนจำหรือการ Repetitive เนื้อเพลง ในการทำงานเพลงทุกวันนี้ซาช่าจึงต้องพยายาม Compromise ให้ได้ ระหว่างโครงสร้างเพลงอันเป็นสูตรสำเร็จ กับความคิดสร้างสรรค์ที่ยังคงต้องสะท้อนถึงตัวตนของเธอ
  “เราเคยถามตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะเรียกตัวเองด้วยชื่อ Cupnoodle จริง ๆ หรอ คนที่ได้ยินส่วนใหญ่ก็สงสัยเหมือนกันว่าตลกหรือเปล่า แต่สิ่งที่เราทำมันไม่ตลกนะ ถ้าได้ลองฟังเพลงอ่านทำความเข้าใจเนื้อเพลงที่เราเขียน จะรู้ได้เลยว่าเราเอาจริง I take life unseriourly seriourly. และถ้าหากเราทำให้ยอมรับในความเป็นศิลปินของเราได้ แม้จะใช้ชื่อว่า Cupnoodle นั่นแปลว่า Art ที่เราทำ มันมีความหมายลึกซึ้งมากกว่านั้น”

“Being an artist is a lifelong journey”
  เบื้องหน้าที่ซาช่าทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง จนหลายคนยกให้เธอเป็นศิลปินอิสระที่มีพลังงานเยอะ แต่ความจริงแล้ว การเป็น Cupnoodle ต้องแลกมาด้วยการเสียสละสิ่งอื่นในชีวิต เพราะการเป็นศิลปินสำหรับซาช่า คือสิ่งที่จะไม่มีวันหยุด “ใครไม่เห็น เราทำ ใครหยุด เราก็ยังทำต่อ” เพราะเธอเชื่อว่า เราไม่สามารถมีทุกอย่างไปพร้อมกันได้ ซาช่าจึงเลือกตั้งความฝันไว้เป็นอันดับที่สูงกว่าวันหยุดหรือเพื่อนฝูง
  แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอคือครอบครัว เพราะแหล่งที่มาของพลังใจอันเหลือล้นที่ทำให้เธอไม่เคยหยุด หรือยอมแพ้ไปเสียก่อน คือจิตวิญญาณความเป็นนักสู้ของครอบครัวที่แวดล้อมรอบตัวเธอ อย่างคุณตาและคุณพ่อผู้ที่ผ่านหลากหลายเหตุการณ์มาได้จนถึงทุกวันนี้ ทำให้พอต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ต้ังคำถามกับตัวเองหรือเริ่มรู้สึกท้อแท้ แค่มองย้อนกลับไปถึงชีิวิตที่เคยผ่านมาของพวกเขา เธอก็แทบจะสลัดทิ้งความท้อแท้ออกไปได้ทันที

  “ถ้าคุณเริ่มต้นเดินบนเส้นทางการเป็นศิลปิน เราเชื่อว่าในปีสองปีแรกคุณจะต้องรู้สึกเสียเวลาไปกับการท้อแท้จากความผิดหวัง เมื่อค้นพบว่าสิ่งที่คาดหวังกับความเป็นจริงมันไม่ตรงกัน แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือมันให้ได้”
  “ไม่ว่าจะเป็นอาชีพอะไร ย่อมต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่แล้ว อย่างน้อยในตอนนี้เรายังโชคดี ได้มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่อยากทำอยู่ เราจึงอยากพยายามต่อไป เพื่อไม่ให้ตัวเราในวัยเด็กที่ฝันอยากเป็นศิลปินต้องผิดหวัง เพราะคนที่จะรับผิดชอบชีวิตของเราได้ ก็มีแค่ตัวเราเองเท่านั้นแหละ”
  เหตุผลจริง ๆ ในการอยากเป็นศิลปินคืออะไร? คือคำถามที่ซาช่าถามตัวเองเสมอ เพื่อไม่ให้ตัวเธอเองหลงลืมว่า ความฝันนี้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นด้วยความตั้งใจที่อยากฝึกฝนทักษะการร้องเพลง พัฒนารูปแบบวิธีการทำงานเพลง เพื่อเชื่อมโยงเรื่องราวและความรู้สึกของผู้คน แม้จะมีชื่อเสียงหรือมีเพลงดังเป็นพลุแตก แต่หากไม่สามารถกลัับไปตอบความตั้งใจเหล่านั้น คงไม่ใช่ศิลปินที่ชื่อ Cupnoodle

  ซาช่าจึงมัักจะหันกลับมาดูผลงานของตัวเองอยู่เสมอว่าต้องปรับปรุงอะไร รับฟังฟีดแบคว่าสิ่งไหนในผลงานที่คนฟังยังไม่เข้าใจ แม้คำชมเป็นดั่งน้ำทิพย์ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้จิตใจ แต่มันก็คงอยู่แค่ชั่วคราว ฟีดแบคต่างหากที่จะช่วยพัฒนาทักษะของเธอต่อไปได้
  ส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเปิดใจรับกับฟีดแบคอย่างกล้าหาญ มาจากประสบการณ์ช่วงหนึ่งที่ได้มีโอกาสในการทำงานเพลงประกอบโฆษณา ซาช่าเล่าให้ฟังว่านักแต่งเพลงส่วนใหญ่มักจะต้องเผชิญกับคำวิจารย์ว่าไม่ชอบ ยังไม่ถูกใจ หรือยังไม่ติดหู ซึ่งหากคนทำงานเผลอตัวไปกับอารมณ์ที่แฝงอยู่ในคำพูดเหล่านัั้น มันจะย้อนกลับมาทำร้ายความรู้สึกแน่นอน แต่หากย้อนถอยออกมามองในอีกมุมหนึ่ง เมื่อผู้ฟังบอกว่ายังไม่ใช่ นั่นหมายความว่าเขายังไม่รู้สึกเชื่อมโยงไปกับเพลง

  แล้วจะปรับอย่างไรให้คนฟังรู้สึกเชื่อมโยง? สิ่งที่เป็นตัวช่วยสำคัญก็คือฟีดแบค
  “เราต้องยอมรับก่อนว่าผลงานตัวเองยังดีไม่พอจริง ๆ สิ่งไหนที่ยังทำไม่ได้ ก็ต้องกลับมาพัฒนาต่อให้มันดี ศิลปินต้องมีความเป็น Professional เราต้องพัฒนาต่อไป ห้ามคิดว่าตัวเองเก่งแล้วเด็ดขาด เพราะ Perfection is the killer of creativity”
  สำหรับซาช่าแล้ว การเป็นศิลปินจึงเป็นเหมือนกับ Life long Journey ที่เธอจะยังคงฝึกฝนตัวเองต่อไป แม้จะผ่านเวลาไปจนอายุ 80 ปี แต่การเดินทางบนเส้นทางนี้ก็จะยังดำเนินต่อไปไม่รู้จบ เพราะโลกของดนตรีนั้นกว้างขวางและหลากหลายเกินกว่าที่ศิลปินคนหนึ่งจะเรียนรู้หรือสร้างสรรค์ผลงานได้ครบภายในการทำงานแค่ช่วงสั้น ๆ

“ถ้าเราเชื่อในสิ่งที่กำลังทำอยู่ นั่นแหละคือสิ่งที่จะช่วยสะท้อนความเป็นเรา”

จาก “YUM” สู่ “นานาจิตตัง” ในวันที่เข้าใจถึงความคิดอันแสนนานาจิตตังของผู้คน
  หลังจากห่างหายจากการปล่อยผลงานเพลงไปราว 4 เดือน Cupnoodle กลับมาพร้อมผลงานใหม่อย่าง “นานาจิตตัง” ที่นับได้ว่าเป็นเพลงแรกที่มีเนื้อเพลงผสมผสานระหว่างคำภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
  ซึ่งถ้าพูดถึงจุดเริ่มต้นของนานาจิตตัง คงจะย้อนกลับไปในช่วงที่ปล่อย EP “YUM” ที่เป็น EP แรกในชีวิตของซาช่า รวบรวม 6 ผลงานเพลงที่มีกลิ่นอายของหลากหลายแนวดนตรีไว้ด้วย ที่อาจจะหลากหลายเสียจนบางคนที่ได้ฟังเกิดคำถามขึ้นว่า ทำไมถึงไม่ทำเพลงให้เป็นแนวเดียวกันหมดละ?
  แต่ความหลากหลายที่คล้ายกับรสเปรี้ยว เค็ม ผัดของยำที่มีอยู่ใน YUM นั้นแหละคือตัวตนจริง ๆ ของ Cupnoodle และเพราะไม่มีใครเข้าใจตัวตนของ Cupnoodle ได้ดีไปกว่าซาช่า เธอจึงเลือกปล่อยวางด้วยความเข้าใจกับความจริงข้อหนึ่งว่า ทุกคนต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง แตกต่าง และนานาจิตตัง เกินกว่าจะต้องมาให้ความสนใจ ดังนั้นหากอยากทำอะไรที่แตกต่างไปจากขนบหรือรูปแบบเดิมก็ลงมือทำเลยไม่ต้องกังวล หรือวันหนึ่งคิดอยากจะลุกขึ้นมาซื้อรถเข็นขายของเพื่อใช้โปรโมทก็เอาเลย อย่ากลัว
  โลกนี้นานาจิตตัง งั้นฉันก็จะเป็นฉันนี่แหละ

Cr. cupnoodleofficial

  อีกสิ่งหนึ่งที่ถูกค้นพบในช่วงปีที่ผ่าน ๆ มา และมีอิทธิพลต่อผลงานใหม่ชิ้นนี้ คือคนไทยยังไม่ค่อยเข้าใจการอุปมาอุปไมย (Metaphor) ในผลงานเพลงเก่า ๆ (ที่อาจจะยากไปถ้าไม่ใช่ Native Speaker)
  แล้วจะทำอย่างไรให้ Cupnoodle เข้าถึงคนฟังชาวไทยได้มากกว่านี้?
  ซาช่าจึงตัดสินใจเขียนเนื้อเพลงที่ผสมคำภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยตั้งต้นจากเนื้อเพลงแรกที่ว่า “นานาจิตตัง จะแคร์ what everybody think ทำไม” ก่อนจะได้ “We’re all too young ชีวิตที่ overthink มันดีที่ไหน” ตามมา ซึ่งช่วยขยับขยายภาพของเพลงให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น และตามมาด้วยท่อนแร็ปอันลื่นไหลจนได้เป็น “นานาจิตตัง” ในเวอร์ชั่นเดโม่ยาว 30 วินาที

  แวบแรกเธอลังเลว่าจะปล่อยผลงานออกมาเลยไหม แต่สุดท้ายซาช่าก็เลือกกลับไปเติมเรื่องราวให้นานาจิตตังสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ด้วยการกลับไปหารากเหง้าความเป็นลูกครึ่ง-เยอรมันของตัวเองอีกครั้ง ผ่านเนื้อเพลงใน Verse แรก แต่ที่นับได้ว่าเป็นรสชาติใหม่ ๆ ของ Cupnoodle คือการเติมความตลกจากคำพ้องเสียงบางคำที่อ่านแล้ว ‘เออเนี่ยโคตรจะไทย’ อย่างท่อน “ก็ไม่ได้เคร่งศาสนาอะไร แต่ถ้าผีมาก็สวดมนต์แถบไม่ทัน”, “สิ่งเน่าๆ if you keep it มันก็คาว (COW) ไม่ใช่วัวแต่กลิ่นตัวมันไม่ดี”
  แม้แต่สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยินอย่าง “ใครที่พูดแล้วไม่น่าฟัง เราก็ tell them hold your tongue Or I’m gonna have to บัง หน้าเธอด้วยกะละมัง” ในช่วง Verse 2 ก็ถูกซาช่าเรียบเรียงออกมาได้อย่างสนุกสนาน จน “นานาจิตตัง” กลายเป็นผลงานเพลงที่ EVERYTHING มองว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ ให้เห็นถึงตัวตนที่แตกต่าง และความพยายามพัฒนาเพื่อก้าวข้ามตัวเองของศิลปินที่ชื่อ Cupnoodle ได้อย่างชัดเจน
  “เราไม่ได้คาดหวังว่าเพลงนี้จะต้องได้รางวัลหรือต้องยอดสตรีทดี เพราะสุดท้ายความคาดหวังนั้นจะกลับมากดดันเราในภายหลังได้ แต่เราอยากให้ ‘นานาจิตตัง’ เป็นสะพานที่เชื่อมให้คนไทยได้เข้าใจตัวตนความเป็น Cupnoodle และโลกทางดนตรีของเรามากยิ่งขึ้น รวมถึงคนฟังคนอื่น ๆ เองก็จะได้เข้าใจถึงตัวตนรากเหง้าของเราว่าเป็นอย่างไร”

  ถ้าเปรียบตัวตนของ Cupnoodle ในตอนนี้ เป็นบะหมี่ถ้วยแล้ว คิดว่ามันจะเป็นบะหมี่ถ้วยรสชาติประมาณไหน? — เราจบบทสนทนาด้วยคำถามสุดท้าย
  “คิดว่ามันเป็นรสชาติเปรี้ยว เผ็ดร้อน แบบต้มแซ่บ เพราะซาช่ารู้สึกว่าตััวเองมีไฟในการทำเพลงที่แรงกว่าช่วงที่ผ่านมา ตััวเรานำเอาความท้อแท้และบทเรียนชีวิตในอดีตมาปรับใช้มากยิ่งขึ้น เรารู้สึกว่าตัวเองโฟกัสกับการทำเพลงมากขึ้น รับมือกับสิ่งต่าง ๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้น มันเลยเป็นรสชาติที่เหมือนต้มแซ่บ ที่ใครก็ห้ามเราไม่อยู่แล้ว เราจะเดินหน้าพัฒนาผลงานเพลงต่อไปเรื่อย ๆ เราคิดว่าคนฟังยังไม่ได้ผลงานเพลงที่ดีที่สุดของเราเลย ยังมีสิ่งให้ต้องพัฒนาและพิสูจน์อีกเยอะ และตัวช่าเองก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยค่ะ”

Writer: Sittichai Srimuang
Photographer: Suppha-riksh Phattrasitthichoke
Photographer Assistant: Papawarin Suriya-aumporn
    TAG
  • people
  • interview
  • artist
  • Cupnoodle

คุยกับ Cupnoodle ผู้ที่ซื่อสัตย์และมั่นคงในดนตรีของตัวเอง ท่ามกลางความคิดแสนนานาจิตตัง บนเส้นทางสู่เป้าหมายชีวิตที่เรียกว่า “ศิลปิน”

PEOPLE/INTERVIEW
12 days ago
CONTRIBUTORS
EVERYTHING TEAM
RECOMMEND
  • PEOPLE/INTERVIEW

    มองสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยในฐานะวัฒนธรรมที่มีชีวิตผ่าน ART TOYS เจาะลึกแนวคิดความสนุกจาก DUCTSTORE the design guru Co.,Ltd.

    ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ

    EVERYTHING TEAMJanuary 2025
  • PEOPLE/INTERVIEW

    อุ้ม-วัลลภ รุ่งกำจัด นักแสดงภาพยนตร์อิสระ สู่เส้นทางของ Cannes Film

    วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว

    EVERYTHING TEAM7 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    พูดคุยกับ “MAMIO” บนหน้ากระจกสะท้อนตัวตนที่ถูกซ่อนมาทั้งชีวิต “อาจใช้เวลานานถึง 30 ปี แต่ก็ดีกว่าไม่มีโอกาสได้รู้เลย”

    คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ

    EVERYTHING TEAM8 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    THE ROARING SOUND OF BANGKOK EVILCORE

    Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia

    EVERYTHING TEAM8 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    Nat Inksmith (ชณัฏฐ์ หวังบุญเกิด) มากกว่าความสวยงามคือการนำเสนอผลงานที่เป็นตัวตนผ่านศิลปะลายสัก

    ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน

    EVERYTHING TEAM8 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    KIKI กับการเดินทางก้าวต่อไปของความคิดสร้างสรรค์บนเส้นทางดนตรี

    ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีวงดนตรีสัญชาติไทยที่ชื่อ KIKI ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ก็เพราะด้วยเสียงเพลงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาได้อย่างชัดเจน

    EVERYTHING TEAM10 months ago
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )