โด่ง - พงษธัช อ่วยกลาง ศิลปินผู้ใช้ประติมากรรม เชื่อมร้อยพรมแดน ระหว่างศิลปะกับพื้นที่สาธารณะ และสถาปัตยกรรม | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

โด่ง - พงษธัช อ่วยกลาง ศิลปินผู้ใช้ประติมากรรม เชื่อมร้อยพรมแดน ระหว่างศิลปะกับพื้นที่สาธารณะ และสถาปัตยกรรม
  โดยปกติ เมื่อพูดถึงการชมงานศิลปะ หลายคนอาจนึกไปถึงการเข้าไปดูชมนิทรรศการศิลปะในพื้นที่ทางศิลปะอย่าง หอศิลป์, พิพิธภัณฑ์ หรือสถาบันทางศิลปะต่าง ๆ แต่อันที่จริง งานศิลปะไม่จำเป็นต้องถูกจัดแสดงอยู่ภายในพื้นที่ทางศิลปะเท่านั้น หากแต่ศิลปะสามารถออกไปอยู่ได้ในทุกสถานที่ และเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ทำให้ผู้คนเข้าถึงศิลปะได้ง่ายขึ้น ด้วยการเปลี่ยนสถานที่เหล่านั้นให้กลายเป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะ ไม่่ว่าจะเป็นบนท้องถนนหนทาง, สวนสาธารณะ, อาคารบ้านเรือน, ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่โรงแรมต่าง ๆ
  ดังเช่นผลงานของศิลปินผู้หนึ่งที่มีชื่อว่าโด่ง - พงษธัช อ่วยกลาง ประติมากรชั้นนำชาวไทยผู้มีชื่อเสียงในระดับสากล เขายังเป็นเจ้าของบริษัท Dong Sculpture และบริษัท โด่ง โด่ง จำกัด (Dong Dong Company Limited) ที่สร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมบนพื้นที่สาธารณะ หรือในพื้นที่ชุมชนอย่าง โครงการบ้านจัดสรร, สำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า และโรงแรมชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ทั้ง สำนักงาน ยูโอบี พลาซา กรุงเทพ, ห้างสรรพสินค้า ICONSIAM, The PARQ, โรงแรม Four Season, Aman, Rosewood, Cheval Blanc ฯลฯ

MBK Skywalk

  พงษธัชเล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้นของเขาในการเข้าสู่เส้นทางสายศิลปะว่า “เดิมทีผมเป็นคนจังหวัดนครราชสีมา อำเภอเสิงสาง ตอนเด็กผมเข้าเรียนมัธยมที่โรงเรียนเสิงสาง พอจบชั้นมัธยมต้น ผมก็เดินทางไปสอบเข้าเรียนระดับ ปวช. ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตนครราชสีมา ตอนแรกผมตั้งใจสอบเข้าเรียนด้านสถาปัตยกรรม แต่ด้วยความที่การเรียนสาขานี้มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง บ้านผมไม่มีสตางค์พอ ผมก็เลยหันไปเรียนสาขาที่ใกล้เคียงกันแทนอย่างศิลปกรรม เพราะต้องวาด ๆ เขียน ๆ เหมือนกัน พอดีคณะศิลปกรรมที่ผมเข้าเรียนนั้นมีครูที่มีวิธีคิดทางศิลปะค่อนข้างก้าวหน้าไปสอน เป็นแหล่งรวมนักคิด นักสร้างสรรค์ทางศิลปะ ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์ทวี รัชนีกร, อาจารย์ศรีวรรณ เจนหัตถการกิจ, อาจารย์สมเกียรติ เสวิกุล ฯลฯ ทำให้นักเรียนที่นั่นมีความคิดและทักษะการทำงานค่อนข้างสูง”

W Hotel Muscat, Oman

  ในการทำงานศิลปะ ไม่เพียงต้องอาศัยฝีไม้ลายมืออันเจนจัดเชี่ยวชาญเท่านั้น ความคิดความอ่านอันลึกซึ้งก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน และสิ่งหนึ่งที่บ่มเพาะให้พงษธัชมีความคิดลึกซึ้งกว้างไกลยิ่งขึ้น ก็คือการเดินทางออกสู่โลกกว้างนั่นเอง

  “ตอนเรียน ผมมีจุดมุ่งหมายตามค่านิยมของนักศึกษาศิลปะสมัยนั้นว่า ต้องทำงานส่งประกวดเพื่อให้ได้รางวัล และหาโอกาสเป็นอาจารย์สอนศิลปะ เพื่อมีเงินเดือนเลี้ยงชีพ และได้ทำงานศิลปะบ้าง ผมคิดว่าผมสามารถทำอย่างที่คาดหวังได้ไม่ยาก แต่ประสบการณ์ทำให้ผมเริ่มตั้งคำถามกับจุดมุ่งหมายของเรา ว่าแน่ใจแล้วเหรอ? เพราะตอนเรียนปี 3 ผมบังเอิญได้ทุนไปเป็นศิลปินพำนักที่เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น พอปี 4 ผมก็ได้ทุนไปเป็นศิลปินพำนักที่เมืองโอกินาวะ พอเราได้ออกไปเจอสังคมภายนอก เราก็เริ่มเห็นเมือง, เห็นพื้นที่, เห็นสวนสาธารณะ, ได้เห็นว่าศิลปะสามารถอยู่ได้กับทุกพื้นที่ในสังคม, ในชุมชน จุดมุ่งหมายเราก็เริ่มสั่นคลอน พอได้ยินสิ่งที่คนที่นั่นพูด ทำไมเขาไม่ได้พูดอย่างที่เราเรียนมา ทำไมเขานำเสนอในสิ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อน สิ่งที่เขานำเสนอไม่ได้อยู่ในหอศิลป์แต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป อย่างตัวผม เขาก็เอาไปโยนอยู่ตรงมุมของตึกตึกหนึ่ง แล้วก็ให้เราทำศิลปะ ให้ศิลปินพำนักทุกคนออกไปทำกิจกรรมที่เปลี่ยนแปลงมุมต่าง ๆ ในเมืองด้วยศิลปะ สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมกลับมาถามตัวเองว่าเราคิดอะไรอยู่ ผมเจอภัณฑารักษ์ถามคำถามหนึ่งว่า เราคิดสิ่งนี้ตอนไหน? ผมตอบไปว่าเพิ่งคิดตอนนี้ เขาบอกว่า สิ่งที่คุณคิดนั้นถูกคิดมาเมื่อ 70 ปีที่แล้ว ผมก็งงมากว่าคืออะไร ไม่เข้าใจ เหมือนทุกครั้งที่เราเปิดหนังสือศิลปะ ส่วนใหญ่เราดูแค่รูป แล้วก็อ่านนิดหน่อย เพราะเราไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่สิ่งหนึ่งที่เราลืมดูไปคือปี ค.ศ. ที่ถูกบันทึกไว้ในมุมเล็ก ๆ ของหนังสือเล่มนั้น ว่าผลงานชิ้นนั้นถูกคิดขึ้นเมื่อไหร่ สิ่งนี้ทำให้เราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองโง่ เริ่มคิดว่าวิธีคิดนี้ถูกคิดเมื่อ 70-100 กว่าปีที่แล้ว คำถามนี้ของเราทำให้เราต้องคิดใหม่ ทำให้เราเริ่มมีประสบการณ์ เริ่มตั้งคำถามมากขึ้น”

The Residences at Mandarin Oriental, Bangkok

    การได้ออกไปเห็นโลกกว้างนี่เองที่ทำให้พงษธัชค้นพบว่า ศิลปะนั้นเป็นอะไรมากกว่าสิ่งที่จัดแสดงอยู่ในนิทรรศการในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวในหอศิลป์แต่เพียงเท่านั้น “การได้เห็นโลกทำให้ผมเปลี่ยนไปเยอะมาก เริ่มรู้ว่าความคิดในโลกศิลปะนั้นมีอะไรที่หลากหลายมากขึ้น สิ่งที่ผมได้เห็นอย่างชัดเจนคืองานศิลปะในพื้นที่สาธารณะ ได้เห็นงานประติมากรรมในสวน ประติมากรรมกับสถาปัตยกรรม หน้าอาคาร ตึกรามบ้านช่อง สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงวิธีคิดต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทำให้ผมได้มุมมองใหม่ ๆ ขึ้นมา ทำให้ผมเริ่มไม่ชอบประติมากรรมหรืองานศิลปะที่มีเชือกกั้นคนดู ผมรู้สึกอยากให้คนเข้าไปนั่ง ไปนอน ไปพิงกับงานศิลปะของเรา พอเราทำงานเสร็จ ก็กลายเป็นของคนในชุมชนในท้องถิ่นเหล่านั้น”

  “หลังจากนั้นผมก็กลับมาเรียนจนจบ 3 เดือน ให้หลัง ผมก็ทำนิทรรศการแสดงเดี่ยว แล้วก็พยายามใช้ชีวิตในฐานะศิลปิน ทำงานศิลปะต่อ ทั้ง ๆ ที่ขายไม่ได้ ก็ทำงานรับจ้างบ้าง ทำงานจัดแสดงบ้าง หลังจากช่วงเวลาหนึ่งปีที่เป็นสุญญากาศ ผมก็กลับไปสอบเข้าเรียนปริญญาโทที่คณะจิตรกรรมฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร แต่เขาไม่รับ ผมก็เลยเปลี่ยนไปสอบปริญญาโทที่คณะสถาปัตยกรรม ในสาขาการออกแบบผังเมืองแทน ผมก็ไปคุยกับอาจารย์สถาปัตยกรรมว่า ถ้าเรามีพื้นฐานทางด้านประติมากรรม แล้วเราเอางานประติมากรรมมานำเสนอไปสู่ผังเมือง ก็น่าจะเชื่อมโยงกันได้ เพราะถ้าสถาปนิกคิดผังเมืองแบบสถาปนิก ก็จะได้ผังเมืองที่เป็นสถาปัตยกรรม แต่ถ้าประติมากร คิดผังเมืองด้วยการนำศิลปะไปใส่ในผังเมือง งานศิลปะก็จะเชื่อมตัวเข้ากับผังเมือง เขาสนใจ ก็เลยรับผมเข้าเรียน เรียนอยู่เกือบปี ก็พบว่าเพื่อนที่เรียนปริญญาโทสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่เป็น สถาปนิกอาชีพกันแล้วทั้งนั้น พอรู้จักกันเขาก็เรียกผมไปช่วยงานโครงการนี้โครงการนั้น กลายเป็นว่าผมไม่เรียนต่อแล้ว ออกมาทำงานเลย ผมก็เริ่มเรียนรู้ระบบการทำงานสถาปัตยกรรม ว่าแต่ละโครงการเกิดขึ้นตอนไหน ใช้เงินทุนกันอย่างไร หลังจากนั้นผมก็เปิดบริษัทขึ้นมา เพราะคิดว่าต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไม่งั้นจะช้าเกินไป”

Cheval Blanc , Seychelles

  “บริษัทแรกที่ผมเปิดคือ Dong Sculpture เพื่อทำงานด้านประติมากรรม ต่อมาผมเปิดบริษัท โด่ง โด่ง จำกัด ที่ดูแลเกี่ยวกับงานที่มีสเกลค่อนข้างใหญ่ พื้นที่ค่อนข้างเยอะ อย่างโครงการโรงแรม ทั้งในตัวอาคารสถาปัตยกรรม หรือพื้นที่ภูมิทัศน์ต่าง ๆ ก็จะใช้บริษัทนี้ในการเข้าไปดูแล ถ้าดีไซเนอร์แต่ละคนอยากเติมเต็มให้โครงการมีพื้นที่ทางศิลปะเกิดขึ้น เขาก็จะมาคุยกับผม ข้อดีก็คือผมได้เริ่มต้นทำงานในโครงการเหล่านั้นตั้งแต่ตอนเริ่มต้นคิดโครงการ”

  พงษธัชยังเป็นประติมากรชาวไทยคนแรกที่ได้ร่วมงานกับ ฌอง-มิเชล แกธี่ (Jean- Michel Gathy) ดีไซเนอร์ชื่อดังเจ้าของบริษัท Denniston Architects ผู้ออกแบบโรงแรมหรูชั้นนำของโลกมากมาย ล่าสุด เขายังสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมให้โรงแรม Cheval Blanc Randheli ของเครือธุรกิจ LVMH เจ้าของแบรนด์หรูระดับโลกอย่าง Louis Vuitton อีกด้วย“พอดีในช่วงที่โครงการโรงแรม Four Seasons Bangkok เกิดขึ้นที่บ้านเรา ทางเจ้าของโครงการเขาใช้บริษัทสถาปนิก Denniston Architects ของ ฌอง-มิเชล แกธี่ ตอนนั้นผมทำงานให้ Central Embassy และโรงแรม Hilton Pattaya ร่วมกับ Department of Architecture และ SO/ Bangkok ร่วมกับ PIA Interior และโรงแรม Rosewood แล้ว ทีนี้ทาง Four Seasons เขาก็หาว่า ในประเทศไทยจะมีใครที่สามารถจะทำงานประติมากรรมให้โรงแรม 6 ดาวได้ เพื่อนของผมที่รู้จักกับเจ้าของโครงการก็มาติดต่อผม และขอให้ผมส่ง Portfolio ของผมให้ทาง ฌอง-มิเชล แกธี่ดู พอเขาดูเขาก็สนใจ หลังจากนั้น 2 ปี เขาก็บินมาดูบริษัทผม ดูผมทำงาน ดูสภาพแวดล้อม ดูบรรยากาศ พูดคุยกัน แล้วก็บอกว่า ‘ถ้า Four Seasons Bangkok ยังไม่ตัดสินใจ คุณมาทำงานให้ผมก่อนก็แล้วกัน’ ผมก็เลยได้ทำงานให้ Four Seasons Tokyo พอทำเสร็จ เขาก็เชื่อมั่นว่าเราทำโครงการอื่น ๆ ได้ ทำให้เราได้ทำงานให้โรงแรมในเครือ Four Seasons, Aman และ Cheval Blanc สิ่งที่ดีก็คือ ถึงแม้ ฌอง-มิเชล แกธี่ จะเป็นดีไซเนอร์ระดับโลก แต่เวลาทำงานเขาก็ให้เครดิตและพูดถึงผมตลอด ทำให้เพื่อนหรือคนในสายอาชีพเขา ที่ทำโครงการทั้งที่ดูไบ, มัลดีฟส์ ก็เริ่มเข้ามาติดต่อให้ผมทำงานให้”

AIA Capital Center , Ratchadapisek Road

Four Seasons Hotel Bangkok At Chao Phraya River

  ดังคำกล่าวที่ว่า “เบื้องหลังความสำเร็จของบุรุษ มักมีสตรีคอยสนับสนุนอยู่” เช่นเดียวกับพงษธัช ที่มีภรรยาสุดที่รักที่ยืนหยัดอยู่เคียงข้างคอยเป็นแรงสนับสนุนอย่างมั่นคง
  “ในการทำงานของผม คุณมุก - ณัฎฐิดา เตวิชยางกูร ภรรยาของผมมีความสำคัญมาก ๆ เธอจะคอยช่วยผมเรื่องภาษา เรื่องเอกสาร การพูดคุยเจรจาทางธุรกิจต่าง ๆ คนทำงานศิลปะส่วนมากมักจะตกหล่นเรื่องระบบเรื่องรายละเอียด เธอก็จะดูแลตรงนี้ให้ คุณมุกเองก็เคยทำงานในโรงแรมมาก่อน เธอก็จะรู้ว่าแปลนโรงแรม ห้องแต่ละห้องมีลักษณะอย่างไร ซึ่งใช้เป็นข้อมูลในการทำงานให้ผมได้เป็นอย่างดี ย้อนกลับไปช่วงที่คบกันใหม่ ๆ ผมกับคุณมุกก็จะไปที่งานสถาปนิก คอยจดชื่อ เบอร์โทรศัทพ์ของสถาปนิกจากบริษัทนั้นบริษัทนี้ พวกเราเดินทางออกไปหาสถาปนิก นักออกแบบภายใน หรือแม้กระทั่งนั่งรถเมล์ไปดูป้ายหน้าโครงการก่อสร้างต่าง ๆ จดเบอร์โทร เพื่อนำเสนอผลงานให้เขา เราร่วมด้วยช่วยกันทำมาตั้งแต่แรก”

  ด้วยความที่พงษธัชเป็นศิลปินที่นำพาศิลปะให้มาบรรจบพบกับงานออกแบบและงานสถาปัตยกรรม เราจึงอดถามถึงความเหมือนและความแตกต่างระหว่างงานศิลปะและงานดีไซน์ในมุมมองของเขาไม่ได้ ซึ่งเขาก็ตอบทิ้งท้ายมาอย่างน่าสนใจว่า   “ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้ฟังก็แล้วกัน มีอยู่ช่วงหนึ่งผมเจ็บขา แล้วบังเอิญมีงานประติมากรรมชิ้นหนึ่งล้มอยู่ใกล้ ๆ ผมก็ลงไปนั่งบนประติมากรรมชิ้นนั้น แล้วก็คิดว่า ก็นั่งได้นี่หว่า! เหตุการณ์นี้ทำให้ผมฉุกคิดว่า ในกระบวนการนั่งของคนเรา ทุกสิ่งนั้นสามารถนั่งได้ ทั้งคันนา ก้อนหิน ขอนไม้ที่ล้ม หรือแม้แต่งานประติมากรรมก็ตาม และผมก็เชื่อมโยงต่อไปได้ว่า ทำไมงานศิลปะจะมีฟังก์ชั่นแบบเดียวกับงานดีไซน์ไม่ได้? ผมเชื่อว่าตอนที่คนทำงาน เขาไม่ได้สนใจหรอกว่าจะเป็นงานศิลปะหรืองานดีไซน์ สุดท้ายกระบวนการของการที่มันจะเป็นศิลปะหรือไม่นั้นอยู่ที่เงื่อนไขของการให้มูลค่าของนักสะสมงานศิลปะที่ผลักดันให้มันเป็นงานศิลปะต่างหาก อย่างเก้าอี้ของดีไซเนอร์ที่ผมชอบมาก ๆ ชื่อ มาร์ค นิวสัน เอง ก็มีคุณค่าและมูลค่าพอ ๆ กับงานศิลปะ หรือแม้แต่ศิลปินอย่าง อ้าย เว่ยเว่ย หรือ เจฟฟ์ คูนส์ เอง ก็เคยทำงานสถาปัตยกรรมและงานออกแบบด้วยเหมือนกัน ผมมองว่างานสร้างสรรค์ทุกอย่างในโลกนี้นั้นเชื่อมโยงกันหมด อาจจะเรียกว่าต่างเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศด้วยซ้ำไป”.

    TAG
  • design
  • people
  • DONG
  • DONG SCULPTURE

โด่ง - พงษธัช อ่วยกลาง ศิลปินผู้ใช้ประติมากรรม เชื่อมร้อยพรมแดน ระหว่างศิลปะกับพื้นที่สาธารณะ และสถาปัตยกรรม

PEOPLE/INTERVIEW
May 2023
CONTRIBUTORS
EVERYTHING TEAM
RECOMMEND
  • PEOPLE/INTERVIEW

    คุยกับ Cupnoodle ผู้ที่ซื่อสัตย์และมั่นคงในดนตรีของตัวเอง ท่ามกลางความคิดแสนนานาจิตตัง บนเส้นทางสู่เป้าหมายชีวิตที่เรียกว่า “ศิลปิน”

    แค่ได้อ่านชื่อ ก็เชื่อว่าคิ้วของทุกคนคงต้องผูกกันเป็นปมด้วยความสงสัยแล้วว่า ‘บะหมี่ถ้วย ใช้ชื่อนี่เป็นชื่อศิลปินจริงดิ’, ‘มาทำเพลงเอาตลกหรือเปล่าเนี่ย’ บอกไว้ก่อนเลยว่า ไม่ ไม่ตลกเลย เพราะชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังผลงานเพลงของ Cupnoodle หรือ “ซาช่า โจสท์” นั้น เต็มไปด้วยความพยายาม ความตั้งใจ จนบางครั้งก็ต้องยอมเสียสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ได้ไขว่คว้าความฝันวัยเด็กในการเป็นศิลปิน ที่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านนั้น เธอแทบจะผ่านประสบการณ์การลงมือทำมาหมดทุกอย่างแล้วเพื่อเข้าใกล้วงการดนตรีให้ได้มากที่สุด (ซึ่งเยอะจนเราเชื่อว่าคงเขียนเล่าได้ไม่ครบ) แต่แม้จะมุ่งมั่นออกตัววิ่งบนเส้นทางนี้ไปด้วยความรวดเร็วมากเท่าไหร่ ซาช่า ที่ ณ ตอนนั้นใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอน ก็ยังคงไม่เห็นเส้นชัยของตัวเองสักที

    EVERYTHING TEAM3 days ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    มองสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยในฐานะวัฒนธรรมที่มีชีวิตผ่าน ART TOYS เจาะลึกแนวคิดความสนุกจาก DUCTSTORE the design guru Co.,Ltd.

    ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ

    EVERYTHING TEAMJanuary 2025
  • PEOPLE/INTERVIEW

    อุ้ม-วัลลภ รุ่งกำจัด นักแสดงภาพยนตร์อิสระ สู่เส้นทางของ Cannes Film

    วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว

    EVERYTHING TEAM7 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    พูดคุยกับ “MAMIO” บนหน้ากระจกสะท้อนตัวตนที่ถูกซ่อนมาทั้งชีวิต “อาจใช้เวลานานถึง 30 ปี แต่ก็ดีกว่าไม่มีโอกาสได้รู้เลย”

    คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ

    EVERYTHING TEAM7 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    THE ROARING SOUND OF BANGKOK EVILCORE

    Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia

    EVERYTHING TEAM8 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    Nat Inksmith (ชณัฏฐ์ หวังบุญเกิด) มากกว่าความสวยงามคือการนำเสนอผลงานที่เป็นตัวตนผ่านศิลปะลายสัก

    ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน

    EVERYTHING TEAM8 months ago
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )