เราหนีไปดวงอาทิตย์: เดินทางทรหดแล้วไปหยุดที่ MACHU PICCHU | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

เราหนีไปดวงอาทิตย์ : เดินทางทรหดแล้วไปหยุดที่
MACHU PICCHU
การเดินทางไป Peru และ Bolivia สู่ดินแดนอินคาบนที่ราบสูงแห่งอเมริกาใต้ ไปมา 2 ประเทศแต่เหมือนไปมาแล้วทั่วโลก ( Cuzco, Ollantaytambo, Aguas Calientes, Machu Picchu )
Writer : IAMEVERYTHING TEAM
Photograph : Nipat Charoenpala Suppaporn Tantivasin
ทวีปอเมริกาใต้สำหรับชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเรา ถือว่าเป็นอะไรที่เดินทางไกลใช้เวลานาน มีความซับซ้อน แค่ระยะเวลาเดินทางก็สามารถไปทริปสั้นๆ แถบประเทศเพื่อนบ้านได้แล้ว ใช้เงินก็เยอะ ซึ่งหลักๆ ก็หมดไปกับการไปแลนด์ในทวีปซะมาก ถ้าใจไม่พร้อมก็อาจไปไม่ถึงก็ได้
เริ่มต้นทริป สมาชิกในแก๊งค์ เก่ง - ปอย - ไบร์ท
จุดเริ่มต้นของทั้งสามคนเกิดจากไบร์ทอยากไปทริปอเมริกาใต้ ท่อง Peru เป้าหมายคืออยากไป Machu Picchu เที่ยว Rainbow Mountain ไป Bolivia เที่ยว Salt Flat รวมถึงทะเลสาบหลากสี กับกลุ่มรุ่นพี่ที่เคยไป Everest กับไบร์ทมาก่อน จึงชวนเก่งกับปอยเพื่อนร่วมแก๊งค์ โดยไปรวมกลุ่มกับพี่ที่กำลังเตรียมการเดินทางรวมเป็นกลุ่มย่อยๆ จำนวน 10 คน ด้วยกัน สรุประยะเวลาเที่ยวเกือบ 2 สัปดาห์ จนได้ช่วงที่สวยที่สุดคือต้นเดือนมีนาคม และเป็นต้นหน้าฝนด้วย
การเดินทางไปอเมริกาใต้ สามารถไปได้หลายเส้นทาง ทั้งไปทางยุโรป ทางอเมริกา ทางแคนาดา โดยสุดท้ายเราไปเส้นทางผ่านแคนาดา แต่ต้องผ่าน Immigration เข้าออกประเทศ ดังนั้นจึงต้องขอวีซ่าแคนาดาไว้ด้วย ความพีคของการขอวีซ่ากันภายในหนึ่งเดือน ทำให้สมาชิกส่วนใหญ่ได้วีซ่ากันในวันออกเดินทางนั่นแหละ ลุ้นกันแทบบ้า กะว่าถ้าได้ช้าก็ต้องเปลี่ยนเที่ยวบิน ทริปล่าไปหน่อยไม่เป็นไร ยังไงก็ขอให้ได้ไป
บินทรหด 4 ต่อ ใช้เวลาเกือบ 40 ชม.
BKK – CUZ (Cuzco)
เมื่อถึง Lima เราตรวจคนเข้าเมืองแบบไม่ต้องใช้วีซ่า มีแค่ตาประทับก็เข้าได้เลย แล้วเปลี่ยนเครื่องภายในประเทศ ร่นเวลาเดินทางไปเริ่มที่ Cuzco เมืองที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอนดีส ถึงอย่างนั้นหลังจากผ่านมา 40 ชม. หลังก็ยังไม่ได้แตะเตียงจริงๆ สักที เพราะต้องเช่ารถให้ขับลงจากความสูงระดับน้ำทะเล 3,400 เมตร ของเมือง ลงมาอีก 2 ชม. เพื่อให้มนุษย์ที่เคยใช้ชีวิตต่ำกว่าระดับน้ำทะเลไม่ประสบภัยไปซะก่อน

สิ่งหนึ่งที่คนไปอเมริกาใต้ควรรู้เพื่อเตรียมตัวคือทั้งทวีปตั้งอยู่บนที่ราบสูง ยิ่งสูงออกซิเจนยิ่งน้อย แต่คนท้องถิ่นเค้าก็ชินกันแล้ว อย่าง Cuzco นั้นติดอันดับ 4 ของเมืองที่สูงที่สุดในโลก ในขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯ อยู่ต่ำกว่าน้ำทะเล ชนิดห่างกันลิบกิโลไปเลย
เรามุ่งหน้าลงมาทางใต้ของเปรู ระหว่างทางเราแวะทานข้าวจริงๆ จังๆ มื้อแรกในร้านอาหารที่มีวิวภูเขาสวยๆ ไว้ให้ชม ปลื้มอาหารการกินมีความอุดมสมบูรณ์ ผักสดหวาน อโวคาโดลูกใหญ่ๆ มีเมนู Guinea Pig อยู่เคียงข้างเมนูปลาทอดธรรมดาๆ แต่เราก็ไม่ได้สั่งมาชิมได้แต่ถ่ายรูปเก็บไว้

จนมาถึง Ollantaytambo เมืองโบราณของอาณาจักรอินคาในเวลาเช้า เราใช้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของการเที่ยวรอบๆ จึงต้องเข้าๆ ออกๆ เมืองนี้อยู่ในช่วงสามถึงสี่วันข้างหน้า แต่คืนแรกเราก็ยังไม่ได้พักที่เมืองนี้
ระหว่างทางไปขึ้นรถไฟคือตลาดแบกะดินย่อมๆ เรียงไปตลอดทาง
ถนน อาคารบ้านเรือนในเมือง มีหินเป็นวัสดุหลัก แต่เป็นการปิดผิวอาคารอย่างไม่ประณีตนัก
เราขึ้นรถไฟที่สถานีใกล้โรงแรม Ollantaytambo Hotel เดินทางเข้าสู่เมืองอาบน้ำแร่กลางหุบเขา Aguas Calientes เมืองไร้รถปลอดคาร์บอนคล้าย Zermatt มีจัตุรัสกลางเมือง (อิทธิพลจากสเปน) แต่ไม่ได้สงบนัก ออกอารมณ์ข้าวสารมากกว่า
ระหว่างทางเข้าเมืองก็สามารถนั่งชมวิวบนสองข้างทางรถไฟ หากใครเคยไป Switzerland มาแล้วมันคือวิวระดับนั้น ความอลังการของเทือกเขาที่โอบล้อมสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมจริงๆ ส่วนคุณภาพรถไฟก็เทียบได้กับ Bernina Express พูดได้ว่าระบบการท่องเที่ยวของที่นี่เหนือความคาดหมายไปมาก

ถึงที่พักกลางหุบเขา เราเช็คอินเก็บสัมภาระ หามุมของแต่ละคน อัพเดทโซเชียลไปพอหอมปากหอมคอ ในที่สุดหลังเราก็ได้แตะเตียง ได้อาบน้ำที่ไม่ใช่ทิชชู่เปียกแล้ว
ความตั้งใจแรกของการมาเมืองนี้นอกจากเป็นเมืองที่ไม่ไกลจาก Machu Picchu ที่สุดแล้ว (ชนิดแค่ภูเขากั้น) คือการได้ไปลงแช่น้ำแร่ชมความมหึมาของเทือกเขาแอนดีส เซนๆ (Zen) กันไป เอาเข้าจริงพอเห็นปริมาณคน สีของน้ำ ด้วยความเป็น Public Bath แล้วมันเซนไม่ลงจริงๆ เรื่องวิวนั้นกินขาด แต่บรรยากาศกลับดูไม่สงบอย่างที่คิดไว้เท่าไหร่

มาถึงเปรูจะมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอาศัยอยู่บนที่สูงอยู่สองชนิดที่ดังมากๆ แต่ดังมาจากพื้นที่แถบนี้เลยคือ อัลปากากับยามา หน้าก็ดันคล้ายกัน ต่างกันยังไงให้ดูที่ขนาดตัว ขน และหู พวกนี้อาศัยอยู่บนที่สูง ยิ่งสูงยิ่งอยู่กันเยอะ ไบร์ทอยากเจอเจ้าอัลปากามาตั้งแต่บ้าน ยังไม่ทันเจอตัวเป็นๆ คืนที่พักที่ Aguas Calientes มีร้านอาหารเปิดเมนูเนื้ออัลปากาก็เลยจัดกันไปให้สมความอยากไปก่อน
เหมือนฉากในหนังที่ค่อยเปิดตัวเอกของเรื่องออกมาเลย
เช้าวันถัดมาคือหนึ่งในไฮไลท์ของทริปเลย เราตื่นกันแต่เช้าเพื่อไปขึ้นรถบัสพาขึ้นเขาสู่ทางเข้าสู่ Machu Picchu

การเข้าชมต้องทำการจองล่วงหน้า เพราะเป็นโบราณสถานจำกัดการเข้าชมในแต่ละวัน

การเดินทางเพื่อเข้าชม Machu Picchu จาก Aguas Calientes สามารถทำได้สองทางคือนั่งรถใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า หรือเดิน Trekking ขึ้นไป ใช้เวลาประมาณครึ่งวัน วัยรุ่นอย่างพวกเราก็เลือกนั่งรถบัสสิครับ รออะไร
อันที่จริงเพราะต้องการเข้าชมตอนเช้าเป็นกลุ่มแรกๆ เนื่องจากทิศทางการเดินในตัวเมืองจะเป็น One way คือเข้าจากด้านบนแล้วเดินลงเป็นทางออก เข้าได้แค่ทางเดียว ไม่มีการเดินสวน ภาพแรกหลังจากเข้าเมืองไปแล้วจึง Impact เป็นภาพจำ จำเป็นต้องลั่นชัตเตอร์ การเข้ากลุ่มแรกๆ ตอนเช้า คนจะยังไหลไปไม่ถึงกลางเมือง บรรยากาศจึงดูสงบ ดีที่เมื่อเข้าจากที่สูงแล้วมีขั้นสลับลงไปเรื่อยๆ แต่ละกลุ่มจึงสามารถจับจองกันได้โดยไม่มีคนอื่นมาบังฉาก
แต่เพราะเช้ามาก อากาศจึงเย็นขั้นหนาว หมอกลงไปทั้งเมือง แถมฝนตกเมื่อคืน เหมือนยืนอยู่ระดับเดียวกับเมฆ
เรานั่งจองที่และถ่ายรูปไปพลางๆ เพื่อรอจังหวะการเปิดตัวของสภาพอากาศ
แล้วดวงอาทิตย์ก็ขึ้นพ้นกลุ่มเมฆ ฟ้าสีหม่นๆ มันเริ่มสว่างขึ้น แสงส่องลอดผ่านบางช่วงของหมอกกระทบบ้านหิน และพรมพื้นหญ้าสีเขียวบนเนินด้านล่าง
เมื่อโดนไอร้อนเมฆกับหมอกมันค่อยๆ จาง
ภาพข้างหน้าทำให้แถบลืมหายใจไปเลย
เราเริ่มเห็นเมืองชัดขึ้น แต่กำลังรอฉากหลังของภูเขาสูง บรรยากาศมันเหมือนฝัน เสมือนฉากในหนังที่ทุกๆ อย่างค่อยๆ ปรากฏออกมาจากเมฆ และพบวิวที่ตระหง่านอยู่ คล้ายความเร้นลับที่ซ่อนตัวและเผยตัวออกมาทุกเช้าของวันใหม่
Machu Picchu ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่หายสาบสูญแห่งอินคา คาดว่าสร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 1450 โดยจักรพรรดิปาชากูตีของชาวอินคา ด้วยปราการธรรมชาติที่อยู่ลึก และบนหน้าผาสูงชันอันตรายเกินกว่าการเข้าถึงของเจ้าอาณานิคมอย่างสเปน ตัวเมืองไม่ได้ถูกทำลายจากการรุกราน แต่เสื่อมไปกับกาลเวลาและธรรมชาติ เพราะหลังจากโดนปิดล้อมด้วยอาณานิคม เมืองจึงขาดแคลนเสบียง ผู้คนจึงอพยพทิ้งเมือง Machu Picchu จึงถูกปล่อยทิ้งไว้นับร้อยปี แต่ ไฮแรม บิงแฮมค้นพบเมืองร้างแห่งนี้เมื่อปีคศ. 1911 ปัจจุบัน UNESCO กำหนดให้ Machu Picchu เป็นมรดกโลก และได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
ครั้งถัดไป เราจะไปเหมืองเกลือ ชมนวัตกรรมของอารยธรรมอินคาที่ล้ำเหนือวิวัฒนาการณ์ของมนุษย์ไปไกล แล้วไปจบด้วยการขี่ม้าขึ้นเขาไปดู Rainbow Mountain ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลพอๆ กับระดับ Everest Base Camp ที่ทำปอยหน้าซีด เก่งรีบวิ่งลงจากเขา แต่ไบร์ทจะได้เจออัลปากาแล้ว
Story from : Nipat Charoenpala, Suppaporn Tantivasin, Wildwalkstories
    TAG
  • escape
  • travel
  • culture
  • lifestyle

เราหนีไปดวงอาทิตย์: เดินทางทรหดแล้วไปหยุดที่ MACHU PICCHU

TRAVEL/ESCAPE
April 2019
CONTRIBUTORS
EVERYTHING TEAM
RECOMMEND
  • CULTURE&LIFESTYLE/ESCAPE

    TAKE A DEEP BREATH

    ใครที่เคยมาพัทลุงคงรู้ดีว่าเพราะอะไร ถ้าขับรถล่องใต้ลงมาเรื่อยๆ คุณจะผ่านป่าเขาเขียวชอุ่ม สวนยางร่มครึ้ม และสวนปาล์ม ที่ช่วยทำให้บรรยากาศการขับรถรื่นรมย์มากเข้าไปอีก ถ้าบินมาลงตรัง คุณจะเห็นผืนป่าสีเขียวสุดลูกหูลูกตา ส่วนหนึ่งเป็นของเทือกเขาบรรทัด ทัศนียภาพที่หาได้ยากเต็มทนแล้วทางภาคเหนือ ต้องขอบคุณสภาพอากาศร้อนชื้นฝนชุกที่ทำให้ป่าเขียวขนาดนี้

    Tunyaporn HongtongJuly 2019
  • CULTURE&LIFESTYLE/ESCAPE

    เราหนีไปดวงอาทิตย์: ถึง Rainbow Mt. ใจเราต้องนิ่ง

    การเดินทางไป Peru และ Bolivia สู่ดินแดนอินคาบนที่ราบสูงแห่งอเมริกาใต้ ไปมา 2 ประเทศ แต่เหมือนไปมาแล้วทั่วโลก (Ollantaytambo – Pisac Castel – Pisac Market – Salt Mine – Moray – Ollantaytambo – Rainbow Mt.)

    EVERYTHING TEAMApril 2019
  • CULTURE&LIFESTYLE/ESCAPE

    เสียงมอเตอร์ไซค์ในหุบเขากับไร่กาแฟของชาวปกาเกอะญอ

    ช่วงปลายเดือนธันวาคมปี 2561 ได้เจอกับเอิ๊ก (มนัสชัย คงด่าน) เจ้าของโรงคั่วกาแฟ Coffeebark Homeroaster เลยถามถึงทริปหน้าหนาวประจำปีที่เขามักขับรถจากนนทบุรีไปเยี่ยมไร่กาแฟออร์แกนิกที่ภาคเหนือ เพราะหลิงอยากขี่มอเตอร์ไซค์ไปร่วมทริปกับเขาด้วย เอิ๊กเห็นดีเห็นงามและคันมืออยากขี่มอเตอร์ไซค์เช่นกัน งานนี้...รู้เรื่องทันทีค่ะ!!

    Ling BhiradaMarch 2019
  • CULTURE&LIFESTYLE/ESCAPE

    NEW DIVING EXPERIENCE in the middle of the city ประสบการณ์ใหม่กับการดำน้ำใจกลางเมืองในไต้หวัน

    ใครจะไปคิดว่าจะมีคนสร้างสระว่ายน้ำความลึก เท่ากับตึกสูง 7 ชั้น ภายในอาคารย่านใจกลางเมือง เพื่อที่เราจะสามารถดำน้ำลึก แบบสคูบาไดฟ์วิ่ง ได้ !!!

    EVERYTHING TEAMFebruary 2019
  • CULTURE&LIFESTYLE/ESCAPE

    From Dust Till Dawn

    เกอเรเม่ / ปามุคคาเล / วิหารโซเฟีย / ยูชิสา กับความงามที่ซ่อนอยู่ในธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น

    Meamtarn ChuenangkoolJanuary 2019
  • CULTURE&LIFESTYLE/ESCAPE

    Mars on Earth. The Journey to Iceland.

    เที่ยวไอซ์แลนด์ ดินแดนที่เหมือนดาวอังคาร และมีสิ่งมหัศจรรย์มากกว่าแสงเหนือ

    Anupong Kuttikul7 years ago
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )