LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING



เมื่อต้องออกแบบบ้านให้กับคู่รักซึ่งวางแผนจะมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสองคนบนที่ดินแปลงเล็กๆ ใกล้บ้านไม้เก่าของพ่อ ผู้ออกแบบก็เริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักกับเจ้าของบ้าน “ผู้หญิงเป็นนักเขียนนักแปล สิ่งแรกที่เธอขอคือที่สำหรับอ่านหนังสือ และเขียนหนังสือ ส่วนผู้ชายเขาชอบทำเค้กให้แฟนกินและชอบถ่ายภาพ” คุณเป้เล่า “ผมคิดว่ามันเหมือนโลกคนละใบ เลยคิดว่าจะหาทางเชื่อมโยงโลกทั้งสองใบด้วยอะไรบางอย่าง”




แล้วการเชื่อมโยงโลกทั้งสองใบก็ถูกออกแบบมาในรูปของสเปชส่วนตัวของทั้งคู่ ซึ่งแม้จะอยู่คนละชั้นแต่ก็ต่อเนื่องถึงกันได้ ชั้นล่างถูกวางให้เป็น Island สำหรับทำอาหารของผู้ชาย ในขณะที่ตำแหน่งเดียวกันของชั้นบนก็คือที่ตั้งของโต๊ะทำงานสำหรับผู้หญิง แล้วพื้นที่ทั้งสองก็ถูกเจาะให้ทะลุมองเห็นถึงกันได้ผ่านกระจกใสบานใหญ่ “พอเขาอยากเจอกันก็แค่หันหน้ามามองกัน” คุณเป้กล่าว “ก็จะเจอกันตรงที่หัวใจของเรา”
หลังจากพื้นที่ส่วนตัวอันเป็นหัวใจของเจ้าของบ้านทั้งสองเชื่อมต่อถึงกันแล้ว แนวคิดนี้ก็ได้รับการออกแบบให้ทวีความมุ้งมิ้งยิ่งขึ้นไปอีก “เราอยากทำบ้านเล็กๆ ที่ไม่ว่าเธอจะอยู่ตรงไหน ฉันก็จะรู้ว่าเธออยู่ตรงนั้น เรามีกันและกันตลอดเวลา” คุณเป้กล่าว “นอกจากหัวใจที่มันตรงกันแล้ว เราทำ Leak Space ซึ่งเหมือนน้ำที่ไหลมาเจอกัน ไม่ว่าจะนั่งห้อยขาหรือนอนดูทีวี คนที่อยู่ด้านในจะมองเห็นกันตลอด แต่เวลาที่แขกเข้ามาจะมองไม่เห็นด้านบน”
การออกแบบ Leak Space นี้เกิดจากการแบ่งพื้นที่ของชั้นบนเป็นสามระดับไล่เรียงสูงขึ้นไป จากบริเวณนั่งเล่นสู่ห้องทำงานไปจนถึงห้องนอนที่อยู่ด้านบนสุด ความเหลื่อมของพื้นทำให้เกิดช่องว่างซึ่งเปิดโอกาสให้พื้นที่ชั้นบนกับชั้นล่างมองเห็นซึ่งกันและกัน นอกจากนั้นยังสร้างมิติที่น่าสนใจให้กับพื้นที่ภายในอีกด้วย “พอเดินเข้ามาในบ้านก็จะเห็นสเปชที่ Volume สูงขึ้นเรื่อยๆ สเปชจะค่อยๆ โล่งขึ้น” คุณเป้กล่าว “งานที่ผมออกแบบมักจะไม่ Decorate Space มันจะออกมาจากตัว Volume และสถาปัตยกรรม พอโครงสร้างเสร็จก็แทบจะจบแล้ว”



ในบ้านที่แทบจะไร้ซึ่งองค์ประกอบทางด้านการตกแต่ง แสง ทั้งจากธรรมชาติ และไฟฟ้ากลายเป็นปัจจัยสำคัญในการแต่งแต้มสีสันให้กับบรรยากาศภายใน “ดาดฟ้าเราเจาะเป็น Skylight เพื่อให้แสงลงมาที่บันไดซึ่งล้อมด้วยชั้นหนังสือ” คุณเป้อธิบาย “ที่ตำแหน่งโต๊ะกระจกที่เชื่อมชั้นบนกับชั้นล่าง เราก็ใส่ไฟลงไปเป็นสายใยบางอย่าง นอกจากนั้น เวลาที่ห้องด้านบนปิดไฟ โต๊ะตัวนี้ก็จะสว่างขึ้นมาจากข้างล่างด้วย”
นอกจากโลกส่วนตัวของคนสองคนในบ้านแล้ว บ้านหลังนี้สะท้อนภาพของบริบทรอบข้างออกมาในมุมมองใหม่ตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอีกด้วย “ด้านนอกเรา Wrap อาคารทั้งหมดด้วยไม้ เพราะบ้านพ่อเขาเป็นบ้านไม้เก่าสีน้ำตาล ของเราก็จะเป็นไม้เหมือนกัน แต่เป็นไม้รุ่นใหม่แบบวัยรุ่น เป็นไม้สีอ่อนๆ” คุณเป้เล่า “มันเป็นไม้ล้อกันเฉยๆ แต่อยู่คนละ Timeline กัน มันต้องบอกเวลาของมันเพราะสถาปัตยกรรมก็จะมีเวลาในยุคของตัวเอง”



A BOX OF LOVE JB HOUSE BY IDIN ARCHITECTS
/
“Pong House” บ้านที่พร้อมเปิดสเปซมากที่สุดสำหรับการเชื่อมปฏิสัมพันธ์สู่ธรรมชาติ และเผยมุมมองน้อยที่สุดสู่พื้นที่สาธารณะ เพื่อความเป็นส่วนตัว โดยมี ‘คอร์ตยาร์ต’ เป็นหัวใจของบ้าน ในการสอดแทรกพื้นที่สีเขียวเข้ากับพื้นที่อยู่อาศัย ภายใต้ดีไซน์ที่คลี่คลายสู่ความเรียบง่าย และพร้อมเป็นพื้นที่ปลอดภัยสบายใจให้แก่ผู้อยู่อาศัยในทุกมุมของบ้าน
/
“One for the Road” หรือ “วันสุดท้าย . . ก่อนบายเธอ” ภาพยนตร์ไทยที่สร้างกระแสตั้งแต่ก่อนเข้าฉาย และได้ผลตอบรับที่ดีทั้งจากตัวหนัง ผู้อำนายการสร้าง ผู้กำกับ บท เพลง นักแสดง ไปจนถึงบ้านของนักแสดงนำซึ่งมีเอกลักษณ์ และถูกพูดถึงมากกว่าเจ้าของ ไอซ์ซึ หรือ คุณณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ เลือกการปลูกบ้านขึ้นใหม่จากสถาปนิกที่เขาเลือกเอง JUNSEKINO A+D เพื่ออาศัยอยู่กับแฟนและแมว
/
HOUSE 362 ของครอบครัวพงษ์สุรพิพัฒน์ อันเป็นฝีมือการออกแบบของเพื่อนสถาปนิกอย่าง จูน เซคิโน จาก Junsekino Architect and Design / Junsekino Interior Design ที่นอกจากจะสวยงามด้วยเค้าโครงสถาปัตยกรรมอันเรียบง่ายแล้ว ยังสร้างการเชื่อมโยงให้สมาชิกภายในบ้าน ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างไร้ขอบเขตผ่านดีไซน์ประตู หน้าต่างบานเลื่อน และหน้าต่างบานกระทุ้งของ Double Space อันเป็นพื้นที่หัวใจหลักของบ้าน
By TOSTEM/
บ้านวิภา 41 เป็นผลงานที่เริ่มต้นโครงการเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ในช่วงยุคเริ่มต้นก่อตั้งสตูดิโอ ANONYM ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงสร้างผลงานบ้าน และเน้นย้ำแก่นเอกลักษณ์ของตนจนมีความโดดเด่นทางผลงานสถาปัตยกรรมประเภทที่พักอาศัยเช่นในปัจจุบัน
/
เมื่อบ้านเดี่ยวสองชั้นเดิมในหมู่บ้านจัดสรรของครอบครัวที่มีสมาชิก 5 คน ของคน 3 รุ่น มีพื้นที่ใช้สอยไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานอีกต่อไป การต่อเติมบ้านบนแปลงที่ดินรูปทรงพิเศษตามการจัดสรรเดิมในรั้วบ้านซึ่งมีโจทย์ของการต่อเติมอย่างไรให้กลมกลืนจึงเกิดขึ้น
/
เอกลักษณ์ของผลงาน ANONYM คือการดึงตัวตนของเจ้าของบ้านออกม่านงานได้อย่างหลากมิติ รวมถึงความใส่ใจในรายละเอียดที่ทำให้ภาพรวมของผลงานออกมาเนี้ยบทุกชิ้น แต่ “ตัวกลาง” ของ “บ้านสายลม” กลายเป็นสิ่งปลดล็อคความเป็น ANONYM อีกแบบที่อนุญาตให้เจ้าของบ้านเข้ามาตัวตนอีกมุมซึ่งแตกต่างจากผลงานชิ้นอื่น
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )