เมื่องาน ดนตรี การเมือง และอุดมการณ์ คือปัจจัย 4 ของ “ณัฐพงศ์ ศรีม่วง” Liberate The People | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

เมื่องาน ดนตรี การเมือง และอุดมการณ์ คือปัจจัย 4 ของ “ณัฐพงศ์ ศรีม่วง”
Liberate The People

  “ณัฐพงศ์ ศรีม่วง” หรือ “นัท Liberate P” แร็ปเปอร์ที่ใช้ไรม์และบีทของดนตรีเชื่อมโยงกับอุดมการณ์ ออกมาเป็นเสียงเพลงที่สื่อสารด้วยเรื่องราว ชีวิต สังคม และการเมือง ซึ่งบ่งบอกถึงความแน่วแน่ในความเชื่อที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงและวิพากษ์วิจารณ์ “ระบบอำนาจนิยม”

  จากเพลง OC(T)YGEN, Capitalism จนถึง ประเทศกูมี (Rap Against Dictatorship / RAD) ชื่อของ นัท Liberate P คือแร็ปเปอร์คนรุ่นใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในการสะท้อนเสียงสังคม โดยผลงานเพลงที่ผ่านมาได้ให้ความหมายในการเป็นพื้นที่แห่งความคิด ซึ่งสามารถสร้างการตื่นตัวทางสังคมและการเมืองให้แก่คนรุ่นใหม่ จากวันนั้นที่กระแสความเชี่ยวกรากในเรื่องของการเมืองได้ดังปะทุไปในผู้คนหลากหลายกลุ่ม จนถึงวันนี้ที่ระบบประชาธิปไตยได้พาประเทศไทยกลับเข้าสู่ห้วงปกติในแบบไทยสไตล์ เส้นทางที่ผ่านมาของ นัท Liberate P จะมีเรื่องราวที่เพิ่มมากขึ้นอย่างไร ไปฟังการบอกเล่าผ่านมุมมองต่าง ๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม

หลังจากเพลง “ประเทศกูมี” อะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างเห็นได้ชัด
  น่าจะเป็นเรื่องคนรู้จักเรามากขึ้นครับ ด้วยตอนแรกผมก็จะมีคนรู้จักในคอมมูนิตี้เพลงแร็ปอยู่แล้ว พอในช่วงสักประมาณปี 2014 –2015 ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการการเมืองแต่ยังเป็นแค่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งพอหลังจากเพลง “ประเทศกูมี” เนี่ย มันกลายเป็นว่าเวลาเราลงมาซื้อของ แม่ค้าขายส้มตํา ก็จะถามว่า ใช่หรือเปล่าเนี่ย ใช่ดิ ต้องใช่แล้ว ก็จะแซวกันครับ (หัวเราะ) หลัก ๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องของคนรู้จักที่เป็นวงกว้างมาก ๆ แล้วก็มีการเยี่ยมเยียนของตำรวจ ในรูปแบบของการเตือน อย่างช่วงหลังม็อบปี 63 เวลา “ผู้มีอำนาจ” ไปจันทบุรี (นัทได้ย้ายไปอยู่จังหวัดจันทบุรี) ตํารวจก็จะมาที่บ้านก่อนเสมอ สอบถามว่าเราอยู่บ้านรึเปล่า ซึ่งท้องที่เขาจะมาเช็คเราเหมือนมันมีแบล็คลิสต์ มีคําสั่งให้ติดตามดูความเคลื่อนไหวของนักกิจกรรมในแต่ละพื้นที่

ผลกระทบจากเพลง “ประเทศกูมี” ทั้งในแง่ดีและแง่ร้าย
   สำหรับในแง่ดี คือมีความรู้สึกทําให้คนแอคทีฟทางการเมืองมากขึ้น เพราะช่วงก่อนหน้านี้ในยุคของ คสช. ผู้คนเหมือนจะไม่ค่อยกระตือรือร้นที่จะออกมาตั้งคําถามกันแล้ว ก็เนื่องจากนักกิจกรรมทางการเมืองหลายคน ก็โดนคดีต่าง ๆ กันมาตลอด แต่พอมันมีปรากฎการณ์ของ “ประเทศกูมี” มันก็เหมือนไปช่วยจุดประกายอะไรบางอย่างให้ฝั่งนักกิจกรรมกลับมาแอคทีฟใหม่ ให้ทางฝั่งพรรคการเมืองก็ออกมาลุยกันมากขึ้น ซึ่งก็เป็นจุดประสงค์ของการทําเพลงนี้ตั้งแต่แรกเหมือนกัน เพราะเราต้องการให้ผู้คนออกมาตื่นตัวกันมากขึ้น ออกมาตั้งคําถามกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องมากขึ้น ส่วนข้อเสียน่าจะเป็นในเรื่องของความใหม่ในการตื่นรู้ในเรื่องนี้สําหรับใครหลายคน มันจึงทำให้สะดุด ไปได้ไม่ต่อเนื่อง มันเหมือนช่วงระยะทางจากประเทศกูมี (ปี61) ที่เราโกยคนมาได้จํานวนหนึ่ง แต่พอมาถึงช่วงม็อบปุ๊บบางจํานวนก็หายมันไม่ใช่ทุกคนที่เขาจะ “ตาสว่าง” แต่โดยรวมมันก็ดีที่หลายคนได้มาร่วมไปต่อในปี 63 และจนถึงปัจจุบัน

การขับเคลื่อนของกลุ่ม Rap Against Dictatorship (RAD) ในปัจจุบัน
   RAD ปัจจุบัน เราลดบทบาททางการทําเพลงน้อยลงเนื่องจากหนึ่งสถานการณ์การเมืองยังฝุ่นตลบอยู่ ด้วยความรู้สึกว่ามันมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างที่เรายังมองไม่เห็นประเด็นที่จะพูดในตอนนี้ และในขณะเดียวกันถ้าเราจะไปพูดเรื่องเดิมมันก็เคยถูกพูดไปหมดแล้วในเพลง “ปฏิรูป” ฉะนั้นมันเลยยังไม่มีการคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ส่วนในพาร์ทการเมืองจริง ๆ แล้วมันก็จะ Follow กัน ระหว่างพาร์ทดนตรีกับไอเดียการขับเคลื่อนของกลุ่ม RAD ซึ่งจะตามมาคู่กัน แต่ถ้าถามว่าหยุดไหม ก็ยังไม่ได้หยุดซะทั้งหมด ยังมีคนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มต่าง ๆ อย่างเช่น แคมเปญนิรโทษกรรมของกลุ่ม iLaw ส่วนในแง่การแสดงความคิดเห็นก็ยังอัพเดตกันต่อเนื่อง การติดตามการเมืองก็ยังตามกันต่อเนื่องอย่างเข้มข้นเหมือนเดิม

เล่าถึงโปรเจกต์ “Liberate The People” ให้ฟังหน่อย
   คือมันเริ่มมาจากผมปล่อยเพลงชื่อ “OC(T)YGEN” ออกมา แล้วก็มีคนรู้จักในวงกว้างมากขึ้น ผมเลยเริ่มทำเพลงที่มันสเกลใหญ่ออกมา โดยเพลงแรกของวงชื่อ “Kill Myself” เพลงที่เล่าถึงเรื่องภาวะซึมเศร้าภาวะดิ่งต่าง ๆ ซึ่งในตอนนั้นวงมันมีอินสไปเรชั่นมาจาก $uicideboy$ ก็เลยพยายามทําแนวเพลงแบบนั้นขึ้น ผมก็เลยชวน พี่จ๊ะThudong มาร่วมร้อง แล้วจึงเกิดเป็นเป็นซิงเกิลแรกขึ้นมา โดยในซิงเกิลแรกก็ยังเป็น Liberate P ฟีเจอริ่ง Thudong อยู่ จนกระทั่งเราไปเล่นงานแสดงงานหนึ่งก็เลยต้องการขยายความ คือทํายังไงให้คนยังรู้ว่าวงนี้เป็นวงเรานะโดยที่ไม่ต้องไปบอกอะไรมาก ก็เลยขยายความจาก “Liberate P” เป็น “Liberate The People” แล้วก็เกิดเป็นวงขึ้นมาตั้งแต่วันนั้นครับ

ที่มาของเพลง “WE FINALLY DIE” Single ล่าสุด
   จริง ๆ เพลงนี้ต้นฉบับจะเป็นของ “MYMINDZ” คือเขาจะทําแนวเพลงคล้ายกันกับของ LTP โดยในช่วงประมาณซักปี 61-62 เราก็จะมีการรวมตัวไปเล่นที่นั่นที่นี่กันบ่อย ไม่ว่าจะเป็น MYMINDZ หรือว่าอีกหลายคนที่เป็นเพลงแนวเดียวกัน ทีนี้พอมายด์เขาเริ่มทําเพลงออกมาเยอะขึ้นเราก็เห็นว่าเพลงนี้มันมีศักยภาพบางอย่างที่พอเราฟังแล้ว เฮ้ย!แม่งเจ๋งว่ะ ก็เลยบอกมายด์ว่าลองเอาเพลงนี้มา Rearranged ใหม่ เพื่อที่จะลองดูว่าถ้ามันเป็นสเกลใหญ่ขึ้นมันจะได้แค่ไหน ก็เลยเกิดเป็นรูปแบบของ Liberate The People X MYMINDZ แล้วก็ฟีเจอริ่ง MAIYARAP ซึ่ง MAIYARAP เนี่ยเราก็เคยร่วมงานกันมาอยู่แล้ว โดยเนื้อหาของเพลงจะมีความเป็น Emotional หม่น ๆ ดิ่ง ๆ หน่อย ซึ่ง LTP ในช่วงหลังเนี่ยจะแตกต่างจากช่วงแรกที่เป็นเพลงการเมืองหมดเลย เพราะช่วงหลังมันเป็นช่วงที่ควบกับ RAD ก็เลยพยายามฉีก LTP มาทางที่เป็นเรื่องราวของชีวิตเพื่อให้มันมีเนื้อหาที่พูดมากขึ้น ซึ่งก็เลยกลายเป็นแนวทางหลักของ LTP ไป

เส้นทางของ “Liberate The People” ในก้าวต่อ ๆ ไปวางไว้แบบไหน
   จริง ๆ LTP มันจะมีความเป็นนิช มาร์เก็ตมาก คล้าย ๆ RAD แต่ว่า RAD มันมีความแมสไปละในแง่ของเพลงการเมือง ส่วน LTP มันเหมือนเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ในเพลงแร็ป แนวทางของ LTP มันเลยไม่ค่อยได้แคร์เรื่องงานจ้างเรื่องยอดวิวอะไรขนาดนั้น มันเหมือนการสร้างงานศิลปะในรูปแบบเสียง ซึ่งหลัก ๆ แล้วพวกผมจะดูแลและมีส่วนตัดสินใจในเรื่องของเพลงทั้งหมด ส่วนการ Mix Master จะมีพี่ต้นเป็นคนจบงาน ส่วนคนทําบีททุกวันนี้คือน้องที่ชื่อ บาส Rubicon ซึ่งก็ทำกันมาเป็นประจำในหลาย ๆ เพลง แล้วล่าสุดนอกจาก ผม (Liberate P) และ Thudong เราก็จะเอา MYMINDZ เข้ามาร่วมด้วย เพราะว่ามูฟต่อไปของ LTP ที่ชัดขึ้น ก็คือจะมีนักร้อง 3 คนเป็นหลัก

ปัจจุบันนอกจากทำเพลงแล้ว แบรนด์เสื้อผ้า NATH เริ่มต้นได้ยังไง
   ผมเป็นคนชอบเสื้อยืดมือสอง พอโตมาก็เริ่มอินเสื้อการ์ตูนญี่ปุ่น แล้วก็ลงลึกหนัก ๆ ไปเจอป้ายเสื้อยุคนั้นป้ายเสื้อยุคนี้ จึงทำให้รู้ว่าเสื้อในแต่ละยุคมันมีหลายทรงหลายคัตติ้ง โดยในตอนแรกกะทำเป็นเสื้อเปล่าเอาไว้ซัพพอร์ตงานแบรนด์อื่น ๆ ของตัวเอง เพราะเราหาเสื้อดี ๆ เนื้อผ้าดี ๆ ไม่ได้ รวมกับระยะเวลาที่ปีนี้มันเข้าสู่ปีที่ 3 ซึ่งราคาฝ้ายมันขึ้นสืบเนื่องมาจากสงครามยูเครน ก็เลยกลายเป็นว่าทิศทางของแบรนด์จากที่เราจะเน้นขายเสื้อเปล่า มันก็ต้องเริ่มทําให้มีลวดลาย คือเราไม่อยากขึ้นราคาเสื้อเปล่าก็เลยใช้วิธีแปรรูปแทน ส่วนสินค้าตอนนี้หลัก ๆ จะมีเป็นเสื้อยืดเปล่าสีขาวดำ ถุงเท้า เสื้อเชิ้ตและกางเกง ซึ่งสองอย่างหลังผมลองทําขึ้นมาเพื่อลองเทสต์ดูว่ามันเวิร์คกับแบรนด์หรือเปล่า โดยจะเป็นสไตล์ที่ใส่ได้ตลอด ใส่ไปทํางานก็ได้ ใส่ไปเที่ยวก็ได้ ใส่ออกกําลังกายก็ได้ เพราะว่าผมไม่ได้ทําแบรนด์ที่มันแฟชั่นจ๋าออกมาเป็นคอลเลคชั่นตามติดขนาดนั้น ส่วนอีกเป้าที่วางไว้ตั้งแต่แรกก็คือ พอเรามีเสื้อเปล่าเราก็อยากจะคอลแลปกับศิลปินต่าง ๆ ที่เขายังไม่มีชื่อเสียงมาออกแบบลวดลายให้ โดยก่อนหน้านี้ก็เคยทำโปรเจกต์คอลแลปกับศิลปินมาแล้วชื่อว่า #5Collabs ซึ่งเราก็อยากจะคอยซัพพอร์ตในรูปแบบนั้น

ความคิดเห็นต่อสถานการณ์การเมืองปัจจุบันของประเทศไทย
   การเมืองในปัจจุบันผมว่ามันค่อนข้างแย่นะ คือผมตามการเมืองมานานพอจะเข้าใจว่ารูปแบบมันไม่ได้สําเร็จด้วยการเลือกตั้ง แล้วก้าวไกลเป็นนายกแน่นอน คือเรารู้ว่ามันมีอะไรที่ชี้นําได้สั่งการได้ก็เลยไม่ได้ผิดหวังอะไรขนาดนั้น แต่มันแย่ตรงที่พอเกิดขึ้นแล้วหลายคนยังเชียร์อยู่ แทนที่จะตั้งคําถามมันกลายเป็นว่าหลายคนก็ยังซัพพอร์ตในฝั่งนั้นอยู่ ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องที่เฟลมาก ๆ เพราะว่าปี 63 เหมือนพวกเราผ่านจุดที่เปิดกันสุด ๆ มาแล้ว ในขณะที่พอมาปีนี้ อ้าว! มันก็เลยเกิดคําถามว่า “แล้วไปม็อบกันทําไม” ถ้าวันนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปจากวันนั้นเลย มันน่าเสียดาย และอีกหนึ่งเรื่องที่อยากให้ทุกคนสนใจ คือการเลือก สว. ในครั้งนี้ เพราะว่าที่ผ่านมาเราเห็นแล้วว่าเสียงของ สว. มีผลกับการเลือกตั้งของประเทศ อยากให้ผู้ที่มีอายุ 40 ขึ้นไปสมัครเพื่อเข้าไปเพิ่มคะแนนเสียงให้กับทางฝั่งของประชาธิปไตยมากขึ้น เพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคนครับ

มีมุมมองอย่างไรต่อการเปลี่ยนแปลงของทางฝั่งประชาธิปไตย คิดว่าถอยหลังกลับ หรือ ค่อย ๆ เดินหน้า
   ผมคิดว่า “มันไม่เชิงถอยหลังแต่มันก็ไม่เชิงเดินไปข้างหน้า” เหมือนประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ มันเดินไปข้างหน้า แต่ประเด็นใหญ่ถอยหลังกลับ อย่างเช่น รัฐบาลที่มีเสถียรภาพมาจากประชาชนมากขึ้นควรจะไปได้ดีขึ้น แต่ดันถอยหลังกลับ แต่ในเรื่องของ Subculture ต่าง ๆ เช่นเรื่อง คราฟต์เบียร์, สุราก้าวหน้า, Sex Worker และ LGBTQ มันกลับดีขึ้น ซึ่งไอ้ตรงนี้มันก็น่ากลัวนิดนึงที่เมื่อโครงสร้างใหญ่มันถอยหลัง อย่างอื่นมันก็มีโอกาสที่จะถอยหลังได้ ถ้าวันหนึ่งผู้คนไม่ได้เข้าใจและยืนหยัดตรงนี้ไว้จริง ๆ

การกลับบ้านของคนที่เราก็รู้ว่าใครเป็นผลดีกับฝั่งประชาธิปไตยไหม
   ต้องถามว่าเขากลับด้วยรูปแบบไหน ซึ่งอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่ได้กลับมาในรูปแบบของกฎหมาย คือผมไม่ได้ติดเรื่องการกลับบ้านนะ ซึ่งผมก็ซัพพอร์ตคนเสื้อแดงเชียร์เสื้อแดงอยู่ฝั่งประชาชนมาโดยตลอด แต่ว่ามันไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ออกไปเที่ยวนอกประเทศไง มันมีอีกหลายคนที่ทั้งสาบสูญ ทั้งตาย ทั้งลี้ภัย ติดคุกก็ยังมีอยู่ มันก็เลยเกิดคําถามว่าเขากลับมาได้ยังไงกลับมาในรูปแบบไหน ซึ่งสิ่งนี้มันเป็นประเด็นสําคัญ แต่แน่นอนว่าอีกฝั่งก็จะมีการสร้างเหตุผลมาใช้ตอบสนองกับความต้องการ ซึ่งฝั่งโน้นเขาฉลาด เขารู้อยู่แล้วว่าคืออะไรแต่ก็ยังทำ มันเลยไม่ได้ทำให้เกิดผลดีอะไร กลับยิ่งดูเหมือนว่า “ระบบกระบวนการยุติธรรมมันล้มเหลว”

เงินดิจิตอลวอลเล็ตเอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนหรือกลุ่มทุนขนาดใหญ่
   จากกติกาวิธีการใช้เงินที่เกิดขึ้น อย่างเช่น สามารถใช้ได้กับร้านชื่อดังต่าง ๆ ที่ร่วมโครงการ ซึ่งถามว่ามันผิดไหม ผมว่าต่อให้มันไม่มีเรื่องเงินดิจิตอลวอลเล็ตเข้ามา เงินมันก็ไหลเข้าไปถึงทุนใหญ่พวกนี้อยู่แล้ว ประเด็นมันอยู่ที่ตอนแรกบอกเพื่อกระจายรายได้เข้าสู่ประชาชน แต่พอมันเป็นอย่างนี้ อ้าว แปลว่ามันไม่ได้กระจายจริงมันผิดตรงนี้ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับประชาชนสักเท่าไหร่ มันเลยมีบางคนที่เขาหยิบกรณีของเป๋าตังค์มาพูดว่า ตอนนั้นเป๋าตังค์ ใช้กับร้านสะดวกซื้อดัง ๆ ไม่ได้นะ ใช้ได้แค่ร้านขายของชํา มันเลยกลายเป็นว่าตอนยุครัฐบาลที่แล้วยังดีกว่า แล้วทําไมของเพื่อไทยถึงทําได้แย่กว่านั้น

ฝั่งอนุรักษ์นิยมเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางแล้วหรือไม่
   ผมว่ายัง เพราะทางฝั่งอนุรักษ์นิยมเองก็เสียหายหนักในเรื่องของมวลชนที่เป๋ จากทั้งปี 63 ที่เปลี่ยนฝั่งกันเยอะหรือว่าในปัจจุบันนี้ผมว่าหลายคนก็อกหัก จนกลายเป็น Ignorance แทน คือเลือกที่จะไม่พูดไปเลยดีกว่า อันนี้ผมว่าเป็นของทางฝั่งมวลชน ถ้าทางฝั่งชนชั้นนําจริง ๆ “เขาเท่าเดิมเขาเป็นปึกแผ่นกันมานานแล้ว” เพียงแค่ว่าในปัจจุบันแรงต้านมันน้อยลง สบายตัวมากขึ้น แต่มันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนแน่ คือผมคิดว่าคนพวกนี้เขาไม่ทําอะไรแบบไม่มีเหตุผล เขาไม่ให้มันออกข่าวก็ได้ แต่ถ้าเขาต้องการให้มันออกข่าวเนี่ย แปลว่ามันเป็นการรีเช็คความคิดประชาชนเพื่อนำข้อมูลมาใช้ปรับกลยุทธ์ พวกเขามองกันระยะยาว มองไปเรื่อย ๆ เพราะหากมองระยะสั้นมันจะเฟลแล้วผิดหวัง ฉะนั้นเขาเองก็มองยาว พวกเราก็ต้องมองยาวแบบเขาเหมือนกัน

สุดท้าย ส้ม, แอปปิ้ล และเบียร์เย็น ๆ ถ้าให้เลือกกินจะเลือกอะไร
   อย่างส้มเนี่ยผมก็แอบผิดหวังตอนหลังช่วงเลือกตั้ง มันรู้สึกว่าทิ้งศักดิ์ศรีไปนิดนึงแทนที่จะแข็งไปเลย แล้วโชว์ไปเลยว่ากูชนะการเลือกตั้งนะแต่จัดตั้งไม่ได้ งั้นกูเป็นฝ่ายค้านไปเลยไม่ต้องไปนั่งง้อใครให้เสียเครดิต ซึ่งมันกลายเป็นไอ้ฝั่งนั้นก็เอาเรื่องนี้มาโจมตีดิสเครดิตไปเรื่อย ๆ คือเขาก็ต้องรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เขาไม่ให้แน่ ๆ แต่ดันแอบมีความหวัง ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เป็นฝ่ายรัฐบาลแต่ถ้าเราทำแบบนั้น ผมว่าเรายังได้เรื่องของพลังใจมวลชนที่ตามอยู่ ส่วนแอปเปิ้ลเนี่ย ผมรู้สึกว่ามันเห็นกันมาตั้งนานแล้ว รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นพรรคของใคร ก็ตามนั้นครับมันด่ากันมาเยอะละ สรุปนั่งคุยเรื่องพวกนี้ด้วยเบียร์เย็น ๆ ดีที่สุดแล้ว เป็นสิ่งที่ประชาชนทําได้ แต่ต้องไม่ใช่ “เบียร์นายทุน”นะครับ (หัวเราะ)

  แม้จะต้องเผชิญกับระบบอำนาจของรัฐพันลึก แต่ “นัท Liberate The People” ก็ยังยืนหยัดในการใช้ดนตรีแร็ปเป็นเครื่องมือสำหรับส่งสารด้วยเรื่องราวต่าง ๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคม ซึ่งเขาตระหนักดีว่าเสียงดนตรีมีพลังอำนาจในการสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้เกิดการปฏิวัติทางความคิด

สามารถติดตามผลงาน Liberate The People ได้ที่
https://www.facebook.com/liberatethapeople


Writer : Samattachai B.
Photographer : Mc Suppha-riksh Phattrasitthichoke
Ass. Photographer : Warisara Kutrakool
    TAG
  • people
  • interview
  • RAD
  • Liberate The People
  • RAP AGAINST DICTATORSHIP

เมื่องาน ดนตรี การเมือง และอุดมการณ์ คือปัจจัย 4 ของ “ณัฐพงศ์ ศรีม่วง” Liberate The People

PEOPLE/INTERVIEW
a year ago
CONTRIBUTORS
EVERYTHING TEAM
RECOMMEND
  • PEOPLE/INTERVIEW

    มองสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยในฐานะวัฒนธรรมที่มีชีวิตผ่าน ART TOYS เจาะลึกแนวคิดความสนุกจาก DUCTSTORE the design guru Co.,Ltd.

    ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ

    EVERYTHING TEAMJanuary 2025
  • PEOPLE/INTERVIEW

    อุ้ม-วัลลภ รุ่งกำจัด นักแสดงภาพยนตร์อิสระ สู่เส้นทางของ Cannes Film

    วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว

    EVERYTHING TEAM6 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    พูดคุยกับ “MAMIO” บนหน้ากระจกสะท้อนตัวตนที่ถูกซ่อนมาทั้งชีวิต “อาจใช้เวลานานถึง 30 ปี แต่ก็ดีกว่าไม่มีโอกาสได้รู้เลย”

    คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ

    EVERYTHING TEAM6 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    THE ROARING SOUND OF BANGKOK EVILCORE

    Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia

    EVERYTHING TEAM7 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    Nat Inksmith (ชณัฏฐ์ หวังบุญเกิด) มากกว่าความสวยงามคือการนำเสนอผลงานที่เป็นตัวตนผ่านศิลปะลายสัก

    ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน

    EVERYTHING TEAM7 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    KIKI กับการเดินทางก้าวต่อไปของความคิดสร้างสรรค์บนเส้นทางดนตรี

    ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีวงดนตรีสัญชาติไทยที่ชื่อ KIKI ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ก็เพราะด้วยเสียงเพลงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาได้อย่างชัดเจน

    EVERYTHING TEAM8 months ago
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )