LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
“อาจใช้เวลานานถึง 30 ปี แต่ก็ดีกว่าไม่มีโอกาสได้รู้เลย”
- สุทธิภัทร สุทธิวาณิช (มะเหมี่ยว หรือ MAMIO)

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ
ความเหงา ความว่างเปล่า ความรู้สึกโดดเดี่ยว สิ่งเหล่านี้จะยิ่งทวีคูณมากขึ้นเมื่อได้รู้ความจริงว่า สิ่งที่ขาดหายไปใช่สิ่งรอบกายแต่เป็น “ตัวเอง”
หลังจากนี้เราจะขอเรียกคุณพัดว่า “มะเหมี่ยว” ซึ่งก็คือชื่อเล่นจริง ๆ ของคุณพัด แต่เล่นเสียงจากมะเหมี่ยว เป็น MAMIO (มามิโอะ) เป็นชื่อที่ครอบครัวชอบใช้เรียกตั้งแต่เด็ก และจะถือว่าเป็นชื่อที่ใช้เพื่อแสดงออกให้คนได้เห็นถึงอีกตัวตน ในมุมที่เคยถูกซ่อนไว้ไม่มีใครเคยได้รู้

MAMIO
“มามิโอะ” ให้ความรู้สึกเหมือน “กระจก” ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นตัวเองได้ชัดขึ้น เราชมตัวเองได้โดยไม่ต้องรอให้ใครมาบอก เราเองก็เก่งเหมือนกันนะ เราก็ทำได้นะ คนชอบจำกัดความ แต่เราไม่อยากจำกัดความแล้วค่ะ เพียงอยากให้จำเสียงร้องนี้ไว้ เพราะไม่ว่าเราจะอยู่ในรูปแบบใด แต่เสียงร้องของมะเหมี่ยวหรือมามิโอะก็จะเป็นแบบนี้เสมอ
เป็น MAMIO มาเกือบ 1 ปีแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปไหม
เราว่าอินเนอร์ข้างในมันสนุกขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น เพราะเมื่อก่อนเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เราว่าความคิด และ Mindset มันเปลี่ยน เมื่อก่อนเราไม่ได้รู้จักคำว่า Self-Esteem เราติดอยู่กับ Ego ซึ่งมันทำให้เราอยู่ข้างบนได้จริงนะ แต่ตอนนี้เราพยายามเปลี่ยนคำว่า Ego ให้กลายเป็นความมั่นใจที่เป็น Self-Esteem รักและเคารพตัวเองจริง ๆ มากกว่า
#ซ่อน บางคนซ่อนสิ่งของ บางคนซ่อนความรู้สึก และบางคนซ่อน “ตัวเอง”
เมื่อต้นปีเราไปเรียน Acting แต่ไม่ใช่เรียนเพราะอยากเรียนการแสดงนะ เราแค่รู้สึกว่ามันจะช่วยคลายปมอะไรบางอย่างในใจให้เราได้ แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริง เพราะ Acting มันคือการเข้าใจคน พอเราเริ่มเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจตัวละคร เราเลยได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเองด้วย ซึ่งก็ให้โจทย์กับคุณครูไปว่า “อยากเป็นตัวของตัวเองเหมือนเวลาที่เราเมา โดยที่ไม่ต้องเมา” เวลาเมาแล้วเราสามารถอยู่ตรงไหนก็ได้ รู้สึกว่าทุกที่คือที่ของเรา แต่พอเป็นเวลาปกติ ก็จะกลายเป็นคนเก็บตัว introvert ไม่ค่อยมั่นใจ
จึงเกิดการหาต้นตอและตัวแปร ซึ่งตัวแปรที่ได้ออกมาก็คือ ‘คนที่อยู่รอบ ๆ’ เราคิด (มาก) ไปเองว่าเขาจะคิดอย่างไรกับเรา เราเลยไม่กล้าที่จะแสดงตัวตนในเวลาปกติ ก็เลยลองเปลี่ยนใหม่ว่าลองไม่ต้องคิดนะ อยากจะทำอะไรก็ทำ มันพูดเหมือนง่ายแต่ไม่ง่ายนะ
Method แรกที่เราทำคือการหาว่าปัญหาที่แท้จริงมันมาจากไหน ปมของเราคืออะไร ซึ่งของมะเหมี่ยวเองก็เป็นเรื่องวัยเด็กที่มีอะไรติดค้างอยู่ ทำให้เราไม่กล้าแสดงออก ถ้าทำแล้วก็กลัวทุกคนจะไม่ชอบ จึงเหมือนได้นั่งย้อนเวลากลับไปวัยเด็ก เจอคนที่เคยทำร้ายจิตใจเรา แล้วก็ลองทำความเข้าใจเขาว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น…เมื่อพูดคุยกับเขาแล้ว จากนั้นก็ค่อย ๆ ปล่อยให้เขาผ่านไป เพราะมันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว

เมื่อเจอตัวเองแล้วรู้สึกอย่างไร
โอเคมาก ๆ เลย มีความสุข แม้จะใช้เวลานานถึง 30 ปี แต่ก็ดีกว่าไม่รู้เลย มันยังไม่สายเกินไป
พัดและมะเหมี่ยว (MAMIO)
เราว่าพัดกับมามิโอะมันอยู่ด้วยกันและตีกันมาตลอด มามิโอะหรือมะเหมี่ยวเขาก็พยายามตลอดที่จะหาวิธีแสดงตัวตนออกมา จนตอนนี้มันได้วิธีแล้ว แล้วเราว่าพัดจะไม่อยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว พัดเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อให้อยู่ในสังคมได้ พัดเป็นคนเงียบ ๆ ไม่หือ ไม่อือ ในขณะที่มามิโอะกล้าที่จะพูดว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร กล้าทำตามความต้องการของตัวเอง ซื่อสัตย์กับตัวเองมากขึ้น ไม่ทำให้ตัวเองลำบากกับความอะไรก็ได้ อย่างเมื่อก่อนถ้าอะไรที่เราพอทำได้ก็จะทำไป แต่กลับไม่เคยถามตัวเองเลยว่าอยากจะทำไหม นั่นคือพัด ซึ่งจะไม่อยู่ตรงนี้อีกแล้ว

เมื่อวันนี้ค้นเจอมามิโอะ แล้ววันหน้าจะค้นเจอใครอีกไหม
ก็เป็นไปได้นะที่จะเจอ ประสบการณ์ชีวิตก็คงเปลี่ยนและสอนเราไปเรื่อย ๆ ว่าจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างมันกำลังสอนเราให้เป็นเราในเวอร์ชันที่ดีขึ้น และในอนาคตก็คงจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
เป็นไปได้อยากสร้างแรงบันดาลใจให้คน ถ้าเขามีอะไรที่อยากทำก็ให้ลุยเลย และลึก ๆ ก็อยาก Empower ผู้หญิง อยากเป็นเหมือนแม่ที่มีความอ่อนโยนแต่ไม่แข็งกร้าว ไม่ได้ตะโกนใส่หน้าใครให้เขาต้องฟัง แต่จะทำให้เห็นเลยว่าเราแข็งแรงดี
พูดถึงคุณแม่ ได้ยินมาว่ากับข้าวคุณแม่อร่อยมาก ถ้าให้เปรียบตัวเองเป็นเมนูสักหนึ่งอย่างของแม่ คิดว่ามามิโอะจะเป็นเมนูไหน
ต้มแซ่บกระดูกอ่อนค่ะ มันเปรี้ยว มันซ่า! และมีอะไรกรุ๊บกรั๊บให้เคี้ยว (หัวเราะกันทั้งโต๊ะ) ตอนเด็ก ๆ คุณแม่ทำเมนูนี้บ่อยมาก ทำทีเรากินข้าว 3 จานตลอดเลย

ทางด้านของผลงานเพลงที่เป็นมุมมองของ MAMIO ที่อยากแสดงออกมาให้แฟนเพลงได้สัมผัสกับตัวตนลึก ๆ จริง ๆ ผ่านความชอบและแนวเพลงในยุค 70S - 90S ที่หลงใหลมาตั้งแต่เด็ก ผสมกับความโคตรเป็นตัวเอง
“อยู่ไปก็มีแต่ปัญหา อยู่อยู่ไปก็เหมือนไม่มีค่า
ท่าทางเธอคงจะไม่ไหว เนื้อร้ายเกาะกินอยู่ข้างใน
ตัดมันออกไปเลยไหม ปล่อยไว้จะลามเกินไป”
เพลงที่พูดถึงคนที่เห็นแก่ตัว ชอบเอาเปรียบคนอื่น เรารู้สึกว่าคนแบบนี้มันอยู่ทุกหัวมุม เราเจอคนแบบนี้เยอะมาก คนใกล้ตัวก็มี ซึ่งเพลงนี้เราแต่งขึ้นมาตอนที่เรายังโมโหอยู่ ยังไม่ได้เรียนรู้วิธีแก่ปมของตัวเอง ยังมีคำถามกับสิ่งต่าง ๆ ทำไมเรื่องอะไรแบบนี้ถึงเกิดขึ้นกับตัวเอง ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม

มะเร็ง
เอาจริง ๆ มันก็เกี่ยวพันกับเรื่องมะเร็งนะ เพราะเราเคยเป็นเนื้องอกที่หน้าอก ตอนนั้นเราเคยเปิดดู Facebook ไถ ๆ ไปแล้วเจอวิธีตรวจหน้าอกว่าเป็นมะเร็งหรือเปล่า พอลองคลำ ๆ เล่นไป เราดันเจอก้อน ตอนนั้นตกใจรีบไปโรงพยาบาลเลย ก็ไม่ได้เป็นมะเร็งนะ แต่เป็นก้อนเนื้อที่ก็ต้องไปตัดออก อันนี้น่าจะเกิดตอนช่วงอายุ 25-26 มั้ง เขาบอกว่าก้อนเซลล์พวกนี้มีอยู่ทุกที่ในร่างกาย แต่อยู่ที่ว่าตรงไหนมันจะโตขึ้นมา ซึ่งเราก็ไปตรวจดูตลอด กลายเป็นว่าเดี๋ยวข้างนั้นโตบ้าง เดี๋ยวข้างนี้โตบ้าง เราก็เลยเหนื่อยที่จะต้องไปผ่าตัดออกตลอด เลยตัดสินใจตัดหน้าอกทิ้งไปหมดเลย เราเลยคิดว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับเพลงเนื้อร้าย เพราะขนาดหน้าอกเป็นสิ่งที่สำคัญมากเรายังตัดได้เลย แล้วทำไมคนที่เป็นเนื้อร้ายในชีวิตเรา เราจะตัดไม่ได้
“พูดเหมือนจะดี เหมือนจะทำ แต่ไม่ได้ทำอะไร”
เราพึ่งเขียนเรื่องนี้ไป ประมาณว่าคุณเคยเห็นคนจำพวกขายฝัน ขายตรงมั้ย? เราจะรวย เราจะมีอะไรหลาย ๆ อย่าง เราเปรียบคนประเภทนั้นว่าเป็น “มายา” ก็แล้วกัน เพราะที่เขาพูดมามันเหมือนจะดี เหมือนจะทำ แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไร โอกาสที่เราเคยให้ไป เขาก็ไม่เคยเห็นคุณค่า ให้ไปเท่าไรก็สูญเปล่า แต่เมื่อไหร่ที่เราไม่ให้ เราจะกลายเป็นคนร้ายทันที
เก็บเอาไปให้ไกล ที่แล้วมาให้แล้วไป
จากนี้ไปจนวันตาย ไม่ขอเชื่อคำของใคร
บทเรียนอันแสนยิ่งใหญ่ ได้สอนให้จำเอาไว้ ”
“การไม่ยึดติดเป็นอะไรที่ควรจะทำ อย่าไปยึดกับอะไรมาก ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เมื่อก่อนเรายึดติดมากกับทุกเรื่องกับทุกสิ่งอย่าง แต่ตอนนี้ถ้าทำอย่างนั้นได้ หมายถึงการไม่ยึดติด เราว่ามันจะโล่งขึ้น”
“จากนี้จะไปทางใดก็ตามแต่ใจของเธอ ไม่ขอทำการแสดงละครเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ไม่อยากจะเจอเธออีกแล้ว ตอนจบเปลี่ยนบทไปแล้ว ไม่ขอเป็นคนยืนรอเธอต่อไปแล้ว"
ซิงเกิ้ลที่ 4 มามิโอะได้พาคนฟังไปพบความรักที่ฝังลึกไปด้วยความเจ็บปวด จนต้องเลือกที่จะตัดจบ ปิดโอกาสไปต่อ เพื่อที่จะไม่ต้องทนอีกต่อไป เพลงมีการใช้ภาษาที่เรียบง่ายแต่ชัดเจนทุกคำ และร้องออกมาด้วยเนื้อเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก
สุดท้ายแล้วมะเหมี่ยวหรือ MAMIO ได้ฝากข้อความสำคัญถึงจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งเรื่องในชีวิตอย่างการป่วยว่า “ไม่ว่าเราจะป่วยเป็นอะไรก็ตาม แต่มันจะทำให้เราเปลี่ยนการใช้ชีวิตไปเลย เราจะพยายามเปลี่ยนให้มันดีขึ้นแล้วก็จะไม่กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม แต่ก็ไม่อยากให้ใครป่วยแล้วต้องเปลี่ยน เราว่าการดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ กินนอน ให้มันดี” ดูเหมือนเป็นประโยคธรรมดา ๆ แต่ผู้เขียนคิดว่าประโยคนี้แทนคำบอกรักกันได้เป็นอย่างดีที่สุด

และชม Official Visualizer ได้ทาง YouTube : MAMIO
พูดคุยกับ “MAMIO” บนหน้ากระจกสะท้อนตัวตนที่ถูกซ่อนมาทั้งชีวิต “อาจใช้เวลานานถึง 30 ปี แต่ก็ดีกว่าไม่มีโอกาสได้รู้เลย”
/
แค่ได้อ่านชื่อ ก็เชื่อว่าคิ้วของทุกคนคงต้องผูกกันเป็นปมด้วยความสงสัยแล้วว่า ‘บะหมี่ถ้วย ใช้ชื่อนี่เป็นชื่อศิลปินจริงดิ’, ‘มาทำเพลงเอาตลกหรือเปล่าเนี่ย’ บอกไว้ก่อนเลยว่า ไม่ ไม่ตลกเลย เพราะชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังผลงานเพลงของ Cupnoodle หรือ “ซาช่า โจสท์” นั้น เต็มไปด้วยความพยายาม ความตั้งใจ จนบางครั้งก็ต้องยอมเสียสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ได้ไขว่คว้าความฝันวัยเด็กในการเป็นศิลปิน ที่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านนั้น เธอแทบจะผ่านประสบการณ์การลงมือทำมาหมดทุกอย่างแล้วเพื่อเข้าใกล้วงการดนตรีให้ได้มากที่สุด (ซึ่งเยอะจนเราเชื่อว่าคงเขียนเล่าได้ไม่ครบ) แต่แม้จะมุ่งมั่นออกตัววิ่งบนเส้นทางนี้ไปด้วยความรวดเร็วมากเท่าไหร่ ซาช่า ที่ ณ ตอนนั้นใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอน ก็ยังคงไม่เห็นเส้นชัยของตัวเองสักที
/
ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ
/
วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว
/
Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia
/
ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน
/
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีวงดนตรีสัญชาติไทยที่ชื่อ KIKI ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ก็เพราะด้วยเสียงเพลงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )