LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
ฝั่งขวามองเห็นความศิวิไลซ์ของเมืองพัทยาอยู่ในระยะไกล ฝั่งซ้ายชิดใกล้กับวิถีเรียบง่ายของชุมชนชาวประมง ตรงหน้าประชิดกับชายหาดเงียบสงบซึ่งหาได้ยากมากในเขตนาจอมเทียนพัทยานี้ บนฝั่งปรากฏโครงสร้างสถาปัตยกรรมคอนกรีตเด่นตระหง่านตั้งลดหลั่นกันตามเนินหินแกรนิต “เป็นสถาปัตยกรรมที่คล้ายประติมากรรมหินซ้อนตัวกัน” คุณวสุ วิรัชศิลป์ แห่ง VaSLab Architecture กล่าวถึงผลงาน สถาปัตยกรรมมาสเตอร์พีชชิ้นนี้ของเขา ที่ตั้งใจผสานงานสถาปัตยกรรม ศิลปะ และประติกรรมเข้าด้วยกัน ผ่านการใช้เส้นสาย เท็กซ์เจอร์ และฟอร์มที่เป็นส่วนหนึ่งกับพื้นที่อย่างมีชั้นเชิง ซึ่งอีกไม่นานสถานที่แห่งนี้ จะพร้อมเปิดตัวในฐานะรีสอร์ทชั้นนำแห่งใหม่ของเมืองไทย ภายใต้ชื่อ “Mason Pattaya”
Stunning Site
ด้วยพื้นที่กว้างขวางกว่า 30 ไร่ เริ่มแรกจึงเห็นเป็นทิวสถาปัตยกรรมที่โอบล้อมบดบังสายตาสิ่งที่อยู่ด้านหลังมัน จนเมื่อเข้าใกล้จึงค่อยๆ เผยให้เห็นชายหาดเปิดสู่ทะเล พร้อมเหล่า Pool Villa ที่วางตัวเป็นสเต็ปบนเนิน หินแกรนิตสูงประมาณ 11 เมตร ที่ค่อยๆ ลาดเอียงสู่ทะเล และโผล่ขึ้นเป็นโขดหินตามชายหาด ลักษณะของไซต์ภูเขาหินที่ไม่ค่อยพบเห็นนักแถบนาจอมเทียน ทำให้สถาปนิกเกิดไอเดียสร้าง “งานสถาปัตยกรรม ที่สัมพันธ์ กับพื้นที่” ขึ้น
“เคยเกิดความคิดว่าถ้าเราแกะสลักหินที่ไซต์ ซึ่งมีร่องรอยบากจากการกัดเซาะตามธรรมชาติ ให้มันเกิด เป็นงานสถาปัตยกรรมแบบถ้ำหินล่ะ มันจะน่าสนใจขนาดไหน แต่ในความเป็นจริงเราทำไม่ได้ เพราะการจะ Create เราต้อง Reserve ไม่ไปทำลายธรรมชาติ เราเลยต้องใช้วิธีสร้างวิลล่าแต่ละหลังให้ตั้งอยู่บนชั้นหินแทน เพื่อลดการทำลายหินธรรมชาติให้มากที่สุด” คุณวสุใช้วิธีออกแบบตัวสถาปัตยกรรมให้กลมกลืนกับเท็กซ์เจอร์ของหินธรรมชาติ ผ่านเส้นสายเหมือนก้อนหินที่ถูกตัดแต่งให้เป็น Sculpting Stone แทรกตัว อยู่ตามชั้นหิน หากมองจากหาดเข้ามาหาฝั่งจะให้ความรู้สึกเหมือนถ้ำหิน หรือ Cave House เพื่อการพักผ่อน อย่างเป็นส่วนตัวริมทะเล จึงเป็นที่มาของชื่อ “Mason” ซึ่งแปลว่า ช่างแกะหินสลักในสมัยโรมัน สอดคล้องกับบริบทของไซต์ที่เป็นชั้นหินเหมือนถูกแกะสลัก
The Stone Carver
“มิติการมองเป็นเรื่องสำคัญ ผมหลงใหลงานสถาปัตยกรรมที่มีจุด Approach หรือการเข้าถึง การมองออก การมองเข้า รวมถึงระดับ หรือความลึกของมิติในการมองสู่อาคาร ดังนั้นเรื่องของเส้นสาย ผมจึงใช้เทคนิคเล่นเส้นสายมุมทะแยง และเส้นเอียงแทน เพื่อไม่ให้เกิดเส้นตัดแบบ X Y มากเกินไปจนดูไม่เป็นธรรมชาติ และทำให้มีมิติสั้น-ยาว สังเกตได้จากส่วนของบันได หลังคา Rooftop ที่มีสโลปแบบ Lean-To และออกแบบให้มีเส้นเอียงทำมุมองศาจากหลังคาสู่ผนังเป็น Sun Deck ตรงระเบียงที่ขนาด และเชปพอดี ไม่ทำให้เกิดพื้นที่เงามากเกินไป เพื่อให้ผู้พักสามารถอาบแดดได้ ดังนั้นรูปทรงจะสัมพันธ์กับความเป็นประติมากรรม ทิศทางแดด และภาพรวมของอาคารที่ต้องไม่แข็งเกินไปด้วย”
Form & Function
พื้นที่ 10 ไร่ติดชายหาด ถูดจัดสัดส่วนเป็นที่ตั้งของ Pool Villa (มีสระว่ายน้ำในตัว) ทั้งหมด 36 หลัง ที่ประกอบด้วย 4 แบบ คือ Beach Front, 2 Bed Beach Front, Duplex และ Garden View โดยแต่ละวิลล่า มีความพิเศษแตกต่างกัน เริ่มจากโซนของ Beach Front และ 2 Bed Beach Front (สามแถวหน้าติดทะเล) ที่รูปทรงวิลล่าจะเหมือนกล่อง 2 กล่องติดประกบกัน และมีบันไดตรงกลางเป็นทางลงเข้าสู่ห้องพักที่ทุกห้อง สามารถมองเห็นทะเลได้ ความพิเศษของวิลล่าโซนนี้คือการเข้าห้องพักที่ต้องเดินเข้าจากด้านหลังที่เป็นระดับ Rooftop (ซึ่งสามารถนั่งเล่นได้) ผ่านบันไดลงเข้าสู่ตัวห้อง ดังนั้นโซนด้านหลังจึงไม่สามารถมองเห็นด้านหน้าห้องพักได้เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้พัก ทั้งยังเกิดสเปซใต้บันไดที่แปลกตาด้วย “การออกแบบสถาปัตยกรรมที่ปิดด้านหลัง เปิดด้านข้างบางส่วน และด้านหน้าซีทรูเปิดสู่ทะเลนั้น สอดคล้องกับแรงบันดาลใจของเรา ในเรื่องของงานแกะสลักหินและสเปซถ้ำหินด้วย”
ถัดไปเป็นแนวห้องพักแบบ Duplex ซึ่งเป็นวิลล่า 2 ชั้นเพื่อให้สามารถมองเห็นวิวทะเลได้ มีกิมมิคคือบันได ทางเข้าอยู่ระหว่างห้องนอนชั้นบน และห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ที่ทำให้การเข้าสู่วิลล่าไม่เหมือนตึกสูงสองชั้นทั่วไป สำหรับโซน Garden View สถาปนิกจินตนาการไว้ให้เป็น Stone Carver Village หรือหมู่บ้านของช่างแกะหิน โดยออกแบบเป็นห้องสตูดิโอที่ดีไซน์เปิดช่องแสงจากหลังคาจรดผนังในห้องน้ำเพื่อเปิดให้เห็นวิวสวนสีเขียวภายนอก และมีทางลงสระว่ายน้ำในตัวได้เลย สุดท้ายคือส่วนของอาคาร Beach Club สิ่งอำนวยความสะดวก ให้กับผู้มาพักพร้อมทิวทัศน์ชมทะเลได้อย่างเต็มตา
The Community
โครงการนี้ไม่ใช่แค่บอกเล่าเรื่องของการแกะสลักหินผ่านรูปทรงสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่สถาปนิกยังศึกษาไปถึงบริบทของประวัติศาสตร์จังหวัดชลบุรี ที่มีแหล่งผลิตงานช่างฝีมือแกะสลักหินเก่าแก่อยู่ในชุมชนอ่างศิลาด้วย “เราเข้าไปคุยกับชุมชนอ่างศิลา แต่ก็พบว่าน่าเสียดายมาก ที่ตอนนี้ช่างแกะสลักหินเหลืออยู่เป็นรุ่นสุดท้ายแล้ว และความรู้ภูมิปัญญาคงจะหายไป เพราะไม่มีช่างรุ่นใหม่สืบทอดทักษะงานฝีมือต่อ เราจึงอยากทำรีสอร์ท ที่ไม่ใช่มองแค่เรื่องคอมเมอร์เชียลอย่างเดียว แต่อยากเชื่อมโยงกับชุมชนด้วย”
งานแกะสลักอ่างล้างหน้าหินในส่วนบีชคลับ แจกันหินรูปทรงธรรมชาติภายในห้องพัก รวมถึงงาน ประติมากรรมหิน สำหรับประดับตกแต่งแลนด์สเคปของรีสอร์ทแห่งนี้ จึงใช้งานฝีมือจากช่างแกะสลักใน ชุมชนอ่างศิลา ส่วนเศษหินที่โรยตกแต่งพื้นภายในวิลล่านั้นก็ได้จากในพื้นที่ละแวกนี้ “เราไปที่ Stone Cemetery (สุสานหิน) ที่คนจะนำเศษหินไปแกะสลักที่นั่นแล้วทิ้งไว้ แล้วคัดเลือกหินมาสำหรับเป็นวัสดุตกแต่งพื้นด้วย ดังนั้นวัสดุที่ใช้ในโครงการนี้ จึงเป็นวัสดุธรรมชาติ อย่างหิน และไม้เท่านั้น”
ทิวประติมากรรมวิลล่าไหลต่อเนื่องจนบรรจบกับอาคารสูงที่เป็นตัวจบสมบูรณ์ทางสายตา แต่ในแง่ของ ประสบการณ์แล้ว เชื่อว่าเมื่อโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์จะทำให้ผู้มาเยือนได้ประหลาดใจไม่รู้จบแค่มิติเดียว
VaSLab Architecture
MASON / THE STONE CARVER
/
การก่อสร้างยังคงดำเนินต่อไป พื้นไม้ ผนังคอนกรีต และโครงหลังคาค่อยๆ ประกอบกันจนเผยให้เห็นเค้าโครงของบ้านเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ม.ล.วรุตม์ วรวรรณ จาก Vin Varavarn Architects (VVA) พา EVERYTHING Team เข้าไปสำรวจบ้าน Iron House ในช่วงเวลาที่งานออกแบบค่อยๆ เดินทางจากจินตนาการสู่การเป็นสถาปัตยกรรมที่สมบูรณ์ขึ้นอย่างช้าๆ
/
ด้วยวิสัยทัศน์ขององค์กรที่ต้องการกำหนดทิศทางวัฒนธรรมองค์กรใหม่เพื่อหล่อหลอมพนักงานให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว ทั้งด้านการทำงาน ความสุข และคุณภาพชีวิต ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มศักยภาพให้พนักงานทุกคนได้สร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ พร้อมทั้งสร้างความพึงพอใจและการอยู่อาศัยให้กับลูกค้าเป็นสำคัญ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “รู้ใจ” โดยยึดถือหัวใจหลัก “สร้างทุกเช้าที่ดีให้กับลูกค้าทุกคน” เป็นภารกิจสำคัญ ไปทำความรู้จักกับ CO.Lab พื้นที่สร้างสรรค์งานแห่งใหม่ของพนักงาน SC Asset ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กร สู่การต่อยอดเป็น Living Solutions Provider
/
อานนท์ ไพโรจน์ ทำโปรเจกท์ร่วมกับ Samuel Wilkinson ทำโปรดักท์ชิ้นใหม่ที่ผลิตด้วยโรงงานช่างฝีมือของไทย
/
ลึกเข้าไปผ่านผืนป่า ห้อมล้อมไปด้วยสวนกล้วย ของขวัญชิ้นใหญ่สำหรับนักอ่านในชุมชนแก่งกระจานใกล้จะถึงเวลาได้แกะกล่องในไม่ช้า
/
"ทางสามแพร่ง" คงเป็นตำแหน่งที่ตั้งของบ้านที่คนไทยหลายคนพยายามจะหลีกเลี่ยง แต่ลึกเข้าไปในซอยสุขุมวิท 49 หัวมุมทางสามแพร่งแห่งหนึ่งเป็นสถานที่ที่ช่างภาพชาวเยอรมันเลือกให้เป็นบ้านและแกลเลอรี่ของเขากับภรรยา
/
บ้านหลังแรกที่สร้างขึ้นเองของคุณออมมี่ และคุณแบงค์ -ปรีดากร เมรเกรียงชัย Co-Founder แห่งแบรนด์ Gentle RAM บ้าน ที่ตอบโจทย์รสนิยมของทั้งสองที่หลงใหลในความ Timeless และการอยู่อาศัยที่อยู่สบาย เรียบง่าย พร้อมจัดระเบียบชีวิตในบ้านได้อย่างลงตัว บ้านที่ทุกพื้นที่ และทุกฟังก์ชั่นที่ทาง THE OTHERS ผู้ออกแบบได้ขบคิดมาอย่างพิถีพิถันไม่ต่างกับเสื้อผ้าที่เทรลเลอร์เมดให้พอดีกับเจ้าของบ้าน
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )