LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
ภาพยนตร์ทรงพลังที่ท่วมท้นด้วยคำชื่นชมจากทั้งในและนอกฮ่องกง

ความสำเร็จด้านรายได้กว่า 100 ล้านเหรียญฮ่องกงของ A Guilty Conscience จากการกำกับของ แจ็ค อึ่ง (Jack Ng) สร้างปรากฏการณ์ใหญ่ที่นับได้ว่าเป็นความหวังใหม่ของอุตสาหกรรรมภาพยนตร์ของฮ่องกง และทำให้บรรยากาศของแวดวงนี้ดูจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในสายตาของแฟนหนังทั่วโลก พอ Hong Kong Film Gala Presentation หรือที่ในปีนี้ใช้ชื่อเต็มว่า Hong Kong Film Gala Presentation & Dynamic Cityscapes of Hong Kong Films “งานภาพยนตร์ฮ่องกงพลังหนังขับเคลื่อนเมือง กับนิทรรศการหนังฮ่องกง” ได้กลับมาจัดอีกครั้งในประเทศไทย ก็ทำให้ลิสต์ในปีนี้เต็มไปด้วยภาพยนตร์คุณภาพที่น่าจับตามองจากฝีมือการกำกับของผู้กำกับรุ่นใหม่ และจากพลังของนักแสดง
หนึ่งในคือ Time Still Turn The Page (2023) จากการกำกับของผู้กำกับและนักเขียนบท Nick Cheuk (นิค เฉ็ก) ที่ได้รับการสนับสนุนด้านทุนการผลิตจาก Hong Kong Film Development Council’s ‘First Feature Film Initiative’ ซึ่งเป็นโครงการภายใต้รัฐบาลฮ่องกง โดยภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าถึงเรื่องราวของครูหนุ่มคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเองอีกครั้ง จากจดหมายลาตายของนักเรียนในชั้น ที่ชวนให้ผู้ชมไปสำรวจความบอบช้ำพร้อมตั้งคำถามถึงสังคมฮ่องกงถึงความรุนแรง ความกดดัน และปัญหาอันเกินช่วงวัยที่เด็กฮ่องกง (และเชื่อว่ารวมถึงเด็ก ๆ ในครอบครัวเอเชีย) จะต้องพบเจอ ซึ่งเรียกได้ว่าทรงพลังมากเสียจนสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยระยะเวลาการฉายในโรงภาพยนตร์ที่ต่อเนื่องกว่า 4 เดือน พร้อมกวาดทั้งรายได้ คำชม และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลทัั้งในฐานะภาพยนตร์และผู้กำกับไปมากมาย
เมื่อมีโอกาส EVERYTHING จึงชวน นิค เฉ็ก มานั่งพูดคุยถึงภาพยนตร์ที่เปลี่ยนชีวิตของเขา และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในกับแวดวงภาพยนตร์ฮ่องกง

ทำไมถึงตัดสินใจหยิบเอาประเด็นหนัก ๆ ทั้งเรื่องการฆ่าตัวตาย ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว หรือปัญหาเรื่องสุขภาพจิต มาเล่าผ่านภาพยนตร์
นิค : ย้อนกลับไปในสมัยที่ผมยังเรียน Cinema Art อยู่ในมหาวิทยาลัย ในตอนนั้นผมสูญเสียเพื่อนคนหนึ่งจากการฆ่าตัวตาย ซึ่งผมในตอนนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อนคนนี้กำลังเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่บ้าง หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ผมเฝ้าถามตัวเองว่า ‘ทำไมถึงไม่เคยสังเกตเห็นปัญหาด้านจิตใจของเขาก่อนหน้านี้เลย’, ‘บางที ถ้ามันมีอะไรเปลี่ยนไปจากในตอนนั้น เขาก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ก็ได้’ ประกอบกับจดหมายลาที่ทิ้งเอาไว้ให้ผม มันเหมือนทำให้ผมมองย้อนกลับมาถึงตัวเอง มันช่วยเตือนให้ผมมองเห็นถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในระบบการศึกษาของฮ่องกงที่เต็มไปด้วยความกดดันและการแข่งขัน ถึงแม้เราจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน แต่ในขณะเดียวกันเราก็เป็นคู่แข่งกันได้ แล้วเราจะรับมือกับความสัมพันธ์แบบนี้ยังไง?


ในช่วงที่กำลังเรียนผมเองก็เผชิญกับความกดดันแบบนี้มาตลอด และพอโตขึ้น เพื่อน ๆ ของผมบางคนมีครอบครัวมีลูก พอกลับมาเจอและพูดคุยกันอีกครั้ง เรากลับพบว่าเด็ก ๆ ในปัจจุบันนี้ ก็ยังคงเจอกับความกดดันในการใช้ชีวิตและการเรียนอยู่เหมือนเดิม ปัญหาการฆ่าตัวตายของเด็กฮ่องกงก็ยังคงมีอยู่ และอาจจะมีแนวโน้มที่แย่ลงกว่าเดิมอีกด้วย ผมจำได้ว่ามีช่วงนี้ในปี 2018 ที่มีข่าวการฆ่าตัวตายต่อเนื่องทุกวัน แต่กลับไม่มีการรายงานข่าวเลยเพราะกลัวว่าจะยิ่งสร้างผลกระทบต่อจิตใจเด็กคนอื่น ๆ

ซึ่ง ณ ตอนนั้น ผมก็ทำงานในฐานะนักเขียนบทภาพยนตร์มาได้กว่า 10 ปีแล้ว แต่ผลงานที่เขียนก็ยังไม่ได้มีโอกาสได้สร้างภาพยนตร์มากเท่าไหร่ มันเลยมีการตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เหมือนกันว่า ‘ผมเหมาะจะทำสิ่งนี้ต่อไปใช่ไหม?’ ดังนั้นผลงานครั้งต่อไปจึงเป็นสิ่งที่ผมอยากทำให้ดีที่สุด เพราะถ้ายังไม่ผ่านหรือไม่มีโอกาสอีก ผมก็คงจะไปเป็นคนขับอูเบอร์อยู่ที่ไหนสักทีในฮ่องกงแทน (หัวเราะ) แล้วประเด็นที่ผมให้ความสำคัญหรือสนใจจริง ๆ ก็คือประเด็นเหล่านี้ ที่ยังคงติดอยู่ในใจของผม ผมเลยเลือกหยิบมาเขียนเป็นบทของ Time Still Turn The Page
ประเด็นเหล่านี้ค่อนข้างอ่อนไหวมาก ๆ ในสังคมยุคนี้ คุณเจอกับความท้าทายในการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้บ้างไหม
นิค : การฆ่าตัวตาย เป็นประเด็นที่คนฮ่องกงไม่กล้าพูดถึง เพราะคนฮ่องกงมีความเชื่อที่ว่าจะไม่พูดถึงเรื่องการตายหรือสิ่งที่เป็นอัปมงคล คนฮ่องกงเชื่อเรื่องนี้มากจนถึงขั้นไม่มีชั้น 4, 14 และ 24 ในอาคารบางแห่ง เพราะ เลข 4 ภาษาจีนกวางตุ้งอ่านว่า /เสย/ ที่ดันออกเสียงคล้ายคำว่า 死 /เสย/ ที่แปลว่าตาย ผมก็ลังเลอยู่เหมือนกันว่าควรจะพูดถึงเรื่องเหล่านี้ออกมาผ่านภาพยนตร์หรือเปล่า กับในอาชีพสายนักข่าวเองก็ยังมีการตั้งกฏในทำนองที่ว่าห้ามรายงานข่าวการฆ่าตัวตายอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อมีการใช้กฏนี้ไปนานร่วมปี การฆ่าตัวตายก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี ดังนั้นการเลือกที่จะไม่พูดถึงมันตั้งหากที่อาจจะผิด

ในส่วนระหว่างการถ่ายทำ สิ่งที่ยากและท้าทายผมจริง ๆ คือการทำงานกับนักแสดงเด็ก ผมกลัวว่าหากพูดบางอย่างผิดไปแล้ว มันอาจจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของเด็ก ๆ ได้ เพราะปัญหาเหล่านี้เกินกว่าที่นักแสดงเด็กสองคน ซึ่งในตอนนั้นเพิ่งจะอายุ 9 และ 10 ขวบ จะเข้าใจได้ ‘จะพูดเรื่องนี้ให้เด็กเข้าใจได้อย่างไรโดยที่ไม่ไปกระทบจิตใจพวกเขา’ เลยเป็นคำถามที่ทำให้ผมต้องทำงานกับมันอยู่ตลอด แต่ต้องบอกว่าเป็นโชคดีที่เด็ก ๆ เข้าใจว่านี่คือการแสดง เมื่อสั่งคัทแล้วทุกอย่างจบ ไม่มีคาแรคเตอร์อีกต่อไป เด็ก ๆ เลยพอจะปรับอารมณ์ได้ แต่พวกเขาก็แอบมาเล่าให้ฟังทีหลังว่ามีบางครั้งที่พวกเขาก็ยังคงคีพอารมณ์ของคาแรคเตอร์ไว้อยู่ เพราะเห็นทีมงานยังคงทำหน้าเคร่งเครียด การพูดคุยกันในครั้งนั้นทำให้ผมและทีมงานรู้ถึงวิธีการจัดการกับอารมณ์ของเด็ก ๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ตั้งแต่ปี 2566 ที่ภาพยนตร์เข้าฉายเป็นครั้งแรก จนถึงปีนี้ ทั้งนักรีวิวภาพยนตร์และสื่อต่างประเทศต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Time Still Turns the pages เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีมาก ๆ คุณในฐานะผู้กำกับรู้สึกอย่างไรบ้าง
นิค : มันเกินความคาดหวังของผมไปมากจริง ๆ เพราะอย่างที่บอกไป ประเด็นปัญหาเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซีเรียสมาก ๆ ในสายตาของผู้คนในฮ่องกง ซึ่งมันมีความเป็นไปได้ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะยิ่งทำให้ผู้ชมหลาย ๆ คนกลัวมากขึ้น พวกเราเลยคิดกันอยู่เสมอว่าต้องทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาดีที่สุด มีความหมายมากที่สุด ในตอนที่ได้รับการตอบรับที่เกิดความคาดหมาย ในหัวของผมเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากมายและซับซ้อนมาก ๆ สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้จากผลตอบรับเหล่านั้นคือ ในตอนแรกผมคิดเพียงแค่ว่ามุมมองที่ผมเลือกนำเสนอไปในภาพยนตร์ มันคงจะเป็นมุมมองที่เกิดขึ้นสำหรับผมแค่เพียงคนเดียว แต่กลับกลายเป็นว่ามันเป็นมุมมองที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศด้วยเหมือนกัน นอกจากเรื่องคำชมแล้ว มันก็สะท้อนให้เห็นจริง ๆ ว่าเรื่องเหล่านี้ยังคงเป็นปัญหาสำคัญจริง ๆ ในสังคม

รู้สึกอย่างไรบ้างที่ Time Still Turns the pages ได้มาฉายในประเทศไทย
นิค : อย่างแรกเลยคือผมหวังว่าไทยจะไม่มีปัญหาเรื่องนี้มากเท่าที่ฮ่องกง รวมถึงหวังว่าผู้ชมทุกท่านจะได้อะไรจาากภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน และผมคิดอยู่ตลอดการถ่ายทำเลยว่าบางทีมันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะผู้กำกับของผมแล้วก็ได้ เพราะการทำภาพยนตร์ในฮ่องกงถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากมาก ๆ ดังนั้นการที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มาฉายต่างประเทศรวมถึงไทย มันเลยเป็นเรื่องที่น่าดีใจมาก ๆ ครับ
Nick Cheuk ผู้กำกับและนักเขียนบท Time Still Turn The Page ภาพยนตร์ทรงพลังที่ท่วมท้นด้วยคำชื่นชมจากทั้งในและนอกฮ่องกง
/
ถ้าเอ่ยชื่อของ เปโดร อัลโมโดวาร์ (Pedro Almodóvar) หลายคนอาจรู้จักเขาในฐานะผู้กํากับเจ้าของ ฉายา “เจ้าป้าแห่งวงการหนังสเปน” ที่นอกจากหนังของเขาจะเต็มไปด้วยลีลาอันจัดจ้าน เปี่ยมสีสัน เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันแปลกประหลาดพิลึกพิลั่นพิสดารเหนือความคาดหมาย และถึง พร้อมไปด้วยศิลปะภาพยนตร์อย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ด้วยความที่อัลโมโดวาร์หลงใหลในศิลปะอย่างลึก ซึ้ง ทําให้มักจะมีงานศิลปะปรากฏให้เห็นในหนังของเขาอยู่บ่อยครั้ง และนอกจากเขาจะหยิบงาน ศิลปะเหล่านั้นมาใช้ในหนังเพราะความหลงใหลและรสนิยมส่วนตัวอันวิไลของตัวเองแล้ว ในหลายๆ ครั้ง ผลงานศิลปะเหล่านั้นยังทําหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว ขับเน้นบุคลิกภาพของตัวละคร และเป็นสัญลักษณ์ที่สัมพันธ์กับเนื้อหาในหนังอย่างแนบเนียน
/
ท่ามกลางลิสต์ภาพยนตร์ต่อสู้ระทึกขวัญ หรือภาพยนตร์ดราม่าเรียกอารมณ์ผู้ชม ใน Hong Kong Film Gala Presentation & Dynamic Cityscapes of Hong Kong Films “งานภาพยนตร์ฮ่องกงพลังหนังขับเคลื่อนเมือง กับนิทรรศการหนังฮ่องกง” ที่เดินทางกลับมาฉายในไทยอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังมีภาพยนตร์กลิ่นอายโรแมนติกอีกหนึ่งเรื่อง ที่น่าจับตามองไม่แพ้กันอย่าง Love Lies ที่นำเสนอความสัมพันธ์ของแพทย์หญิงหม่าย ที่รับบทโดย Sandra Ng Kwan-Yue (อู๋จินหยู) ผู้ร่ำรวย และมีหน้าที่การงานที่ดี ซึ่งบังเอิญตกหลุมรักกับวิศวกรชาวฝรั่งเศสวัยกลางคน ที่คอยหยอดคำหวานและคำห่วงใยผ่านแชทมาให้ตลอด จนกระทั่งเธอค้นพบความจริงว่าเบื้องหลังแชทเหล่านี้เกิดขึ้นด้วยคำลวงจากฝีมือเด็กหนุ่มมิชฉาชีพ ที่รับบทโดย MC Cheung (เอ็มซีเจิ้ง) ดังนั้นเรื่องราวต่อจากนี้ในภาพยนตร์จึงเป็นการค้นหาคำตอบของเธอในสมการความสัมพันธ์ครั้งนี้ว่าจะจบลงอย่างไร
/
ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้สามารถเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะบอกเล่าแก่คนรุ่นหลังได้ว่าพวกเราซึ่งเป็นประชาชนภายในประเทศนี้ผ่านอะไรกันมา กำกับโดย “เอกพงษ์ สราญเศรษฐ์” (เอก) ผู้กำกับภาพยนตร์อิสระจากสงขลา เอกเริ่มกำกับสารคดีสั้นเกี่ยวกับความตายของ กฤษณ์ สราญเศรษฐ์ ลุงของเขาในชื่อเรื่อง “คลื่นทรงจำ” (2561) ซึ่งได้รับรางวัลสารคดีสั้นยอดเยี่ยมในงานเทศกาลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติ DMZ ที่ประเทศเกาหลีใต้ และได้เข้าฉายในเทศกาลต่างประเทศอีกหลายแห่ง และผู้กำกับอีกคน คือ “ธนกฤต ดวงมณีพร” (สนุ้ก) ผู้กำกับภาพยนตร์และผู้กำกับภาพ ที่ได้เข้าชิงรางวัลช้างเผือกจากเทศกาลภาพยนตร์สั้นแห่งประเทศไทยครั้งที่ 21 จากเรื่อง “ทุกคนที่บ้านสบายดี” (2560) และได้รับเลือกฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติไห่ หนาน
/
Inside (2023) หนังทริลเลอร์จิตวิทยาของผู้กำกับสัญชาติกรีซ วาซิลลิส แคตซูพิส (Vasilis Katsoupis) ที่เล่าเรื่องราวของของนีโม (วิลเลียม เดโฟ) หัวขโมยที่ลักลอบเข้าไปในเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของสถาปนิกชื่อดัง เพื่อขโมยงานศิลปะราคาแพงที่สะสมอยู่ในนั้น แต่ดันบังเอิญโชคร้ายถูกระบบนิรภัยขังอยู่ภายในคนเดียว ท่ามกลางงานศิลปะที่อยู่รายรอบ จนเขาต้องหาทางเอาชีวิตรอดอยู่ข้างใน โดยอาศัยข้าวของรอบตัว หรือแม้แต่งานศิลปะที่อยู่ในนั้นมาใช้เป็นเครื่องมือก็ตาม เรียกได้ว่าเป็น Cast Away เวอร์ชันอาชญากรก็ได้
/
ฮ่องกง เมื่อราวสิบยี่สิบปีก่อน นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามองมาก ๆ ในฐานะประเทศที่ส่งออกภาพยนตร์ออกสู่สายตาของประชาคมโลก ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ต่อสู้กำลังภายใน ภาพยนตร์มาเฟีย หรือแม้แต่ภาพยนตร์ชีวิตที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้งของหว่องกาไว จนเรียกได้ว่าเป็นยุคทองของอุตสาหกรรมฮ่องกง แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทำให้ความคึกคักของภาพยนตร์ฮ่องกงเริ่มเงียบเหงามากขึ้นเรื่อย ๆ จนแฟนหนังฮ่องกงหลายคน ออกปากบ่นคิดถึงความรุ่งเรืองในอดีต ดังนั้นเมื่อเกิดปรากฏการณ์ความนิยมระดับ 100 ล้านเหรียญฮ่องกง ของภาพยนตร์อาชญากรรมอย่าง A Guilty Conscience ขึ้นมาแล้ว แสงที่เคยริบหรี่ก็อาจจะกลับมาสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง
/
นักธุรกิจชั้นนำหลายคนใช้เวลาว่างจากการทำงานไปกับความหลงใหลที่แตกต่างกัน บางคนใช้เวลาไปกับความหลงใหลในการท่องเที่ยวทั่วโลก บางคนใช้เวลาไปกับความหลงใหลในการล่องเรือตกปลา ขับรถซูเปอร์คาร์ หรือปาร์ตี้สุดเหวี่ยง แต่มีนักธุรกิจผู้หนึ่งที่มีความลุ่มหลงที่แปลกแตกต่างออกไป เขาผู้นี้คือนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ผู้บริหารรุ่นที่สองของ โก๋แก่ แบรนด์ถั่วอบกรอบระดับแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง ต้น จุมภฏ รวยเจริญทรัพย์ ผู้หลงใหลในการทำหนังอย่างเข้าเส้น ลงลึกถึงกระดูกดำจนลุกขึ้นมาตั้งค่ายหนังอิสระของตัวเองในนาม โก๋ฟิล์ม ฝากผลงานหนังมันส์ๆ ดิบๆ ห่ามๆ ไม่แคร์ตลาด ไม่แยแสรางวัล ประดับวงการมาแล้วหลากหลายเรื่อง
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )