LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING

LALALOVE และ CHADA
ในยุคสมัยที่การอัปเดตเทรนด์ใหม่ๆ สำคัญไม่แพ้การรักษาความเป็นตัวเอง สองแบรนด์ดัง LALALOVE และ CHADA ใช้พลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ในการฉีกกรอบกฎเกณฑ์เดิมๆ เพื่อสร้างสีสันให้วงการแฟชั่นและความงามทั้งในและต่างประเทศ เรื่องราวของพวกเขาจะสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับใครหลายๆ คน


มาถึงตอนนี้ มันกลายเป็นความ Contrast ที่ว่า เราเป็นแบรนด์สตรีทที่บวกความยั่งยืนเข้าไปด้วย เรามีการออกแบบชุดว่ายน้ำที่ดูแฟชั่นจ๋ามาก แต่ในส่วนของผ้าเป็นเส้นใยที่ทำจากขวดพลาสติกที่เป็นขยะอยู่ในทะเล เราพยายามทำอะไรที่มันดีต่อโลก และจะทำไปเรื่อยๆ”
สำหรับคุณลินดา เจริญลาภ เจ้าของแบรนด์ LALALOVE เธอเชื่อว่าไม่มีคำว่า “ชอบที่สุด” ในโลกของคนที่ทำงานด้านแฟชั่น “บางครั้งดีไซน์คอลเล็คชั่นใหม่ออกมาสักประมาณสามเดือนก็เริ่มรู้สึกเบื่อจนต้องมีการพัฒนาขึ้นใหม่อีกแล้ว” คุณลินดากล่าว “เรามีการอัปเดตตลอดเวลา เราต้อง Keep it going”

ราวสิบปีแล้วที่ LALALOVE ก้าวเข้าสู่ตลาดเสื้อผ้าแฟชั่น โดยเริ่มต้นที่ประเทศอังกฤษก่อนที่จะขยายไปที่อิตาลี ผลตอบรับดีกลายเป็นแรงกระตุ้นให้คุณลินดาเปิดบริษัทอย่างเต็มตัว เธอเรียนรู้จากประสบการณ์และพัฒนาแบรนด์ของเธอขึ้นทุกปีจนเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง “เราจะ Keep it going แบบนี้ไปเรื่อยๆ คือให้มันเติบโตอย่างสวยงาม และเป็นธรรมชาติ เราไม่ได้รีบร้อนที่จะเติบโตจนเกินไป คือเรามีกำลังคนประมาณนี้ เราก็ทำ ประมาณนี้” คุณลินดากล่าว “นั่นคือความยั่งยืน ค่อยๆ พัฒนาไปด้วยกันกับทีมของเรา ไม่ได้คาดหวังล่วงหน้าเป็น 10 - 20 ปี เป้าหมายของเราอยู่แค่ว่าต้องพัฒนาไปอย่าง มีความสุข และอารมณ์ดี แบบนั้นคือ LALALOVE ค่ะ”
“สตรีทแวร์จะไม่หายไปหรอก แต่จะพัฒนามากขึ้นไปอีก” คุณลินดากล่าว ในยุคของโลกโซเชียลมีเดีย เธอมองว่าทุกคนมีความมั่นใจในการแต่งตัวมากขึ้น ไม่มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูก นั่นคือสิ่งที่ทำให้สตรีทแวร์ยังคงอยู่ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกแฟชั่น เธอมั่นใจว่า LALALOVE จะสามารถยืนหยัดเป็นตัวเลือกในใจของคนที่รักแฟชั่นได้อย่างมั่นคง “เราไม่ได้มองว่าลูกค้าเราเป็นใครมากนัก แต่เราดูที่เรารักที่จะทำอะไรมากกว่า” ลินดากล่าว “จุดสำคัญที่สุดคือต้องทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม อีกทั้งเป็นตัวของตัวเอง”

เมื่อถามคุณลินดาว่า LALALOVE จะเป็นยังไงในปี 2090? เธอตอบอย่างมั่นใจว่า “แบรนด์ LALALOVE คงกลายเป็นเจเนอเรชันที่ 3 แต่ LALALOVE ก็จะยังเป็น LALALOVE นี่แหละ ทั้งคอนเซ็ปต์ ความมั่นคงในสไตล์ และเอกลักษณ์ของเรา เพราะจริงๆ ความขี้เล่นสนุกสนาน อยู่คู่กับมนุษย์ทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นคงต้องมีการพัฒนาในเรื่องเทคโนโลยีและดิจิทัล จากตอนนี้ที่เราเน้นความยั่งยืน เมื่อถึงปี 2090 ก็คงต้องใช้คำว่า ความยั่งยืนที่มาพร้อมเทคโนโลยี เอาปัจจัยสองอย่างนี้มาผสมผสานกัน”

“สนีกเกอร์ที่ชอบคือ Nike Air VaporMax มีหลายคู่มาก เพราะชอบมาก เป็นแฟนตัวจริงเลยค่ะ มีประมาณ 7 - 8 คู่ มีทุกสี เพราะใส่สบาย และตอนนี้จะมีที่ออกใหม่เลยคือ Nike Air Max 2090 ชอบสีสันที่เลือกใช้ของคู่นี้มาก แล้วก็ใส่สบายแถมยังเก๋อีกด้วย



เราให้คุณลินดาจับคู่เสื้อผ้า LALALOVE กับ Nike Air Max 2090 ซึ่งดูจะเป็นโจทย์ที่ง่ายและทำให้เธอสนุกมาก “เซ็ตที่ 1 ใส่เสื้อแจ็คเก็ตบอมเบอร์แบบโอเวอร์ไซส์กับเสื้อผ้าแนวสปอร์ตข้างใน แล้วใส่กับ Nike Air Max 2090 ก็จะแซ่บ สวยค่ะ, เซ็ตที่ 2 ใส่ Trench Coat ตัวเดียวใหญ่ๆ กับรองเท้า Nike Air Max 2090 ก็สวยเหมือนกัน, เซ็ตที่ 3 ใส่เสื้อฮาวายตัวใหญ่ๆ กับชุดเดรสข้างใน แล้วก็ใส่กับรองเท้า Nike Air Max 2090 อันนี้ก็เหมาะสำหรับผู้หญิงค่ะ”


“CHADA (ชาฎา) เป็นแบรนด์ที่นำเสนอสีไทยโทน โดยสินค้าไลน์แรกของเราเป็นน้ำยาทาเล็บ” สองสาว ก้อย-พรชนก จิระเกียรติวัฒนา และ บิว-จุฬาพร อิกิติสิริ เล่าถึงแบรนด์ของพวกเธอ “เราไปเจองานวิจัยของอาจารย์ไพโรจน์ พิทยเมธี ซึ่งเป็นงานวิจัยที่ทำให้เราได้รู้จักกับสีไทยโทน เราหยิบงานวิจัยนี้มาเพื่อที่จะเผยแพร่สู่วงกว้าง แล้วมาตีโจทย์ว่ามันสามารถนำเสนอเป็นสินค้าอะไรได้บ้าง ก็สรุปกันว่า น่าจะทำเป็นสีของน้ำยาทาเล็บเพราะเป็นสินค้าที่สามารถนำเสนอความเป็นสีไทยโทนได้ดี” ด้วยความหลากหลายของสีไทยโทนซึ่งมีมากกว่า 300 เฉดสี CHADA เลือก 80 เฉดสีมาใช้กับน้ำยาทาเล็บ และยังมีโครงการที่จะนำสีอื่นๆ มาใช้กับสินค้าใหม่ๆ ในอนาคตอีกด้วย

หลังจากก่อตั้งมาราว 2 ปี เฉดสีที่ CHADA เลือกใช้ทำให้แบรนด์ได้รับความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง “เราทำคอลเล็คชั่นพิเศษโดยได้แรงบันดาลใจจากนางในวรรณคดี 5 นาง แล้วจัดเซตสีให้เข้ากับคาแรคเตอร์และเรื่องราวของแต่ละนาง ซึ่งก็จะแตกต่างกันไป โดยนำเสนอในมุมที่ดูทันสมัยขึ้น ซึ่งนางในวรรณคดีแต่ละคนที่เราเลือกมาจะเป็นคนที่สวยมากของยุค สวยมากขนาดที่ว่าผู้ชายต้องมาแย่งกันเพื่อที่จะได้หัวใจของหญิงเหล่านั้น(ฮา) อย่างเช่น เซตสีที่เป็นนางมัทนา เค้าจะเป็นตำนานของดอกกุหลาบ ทีนี้เราก็มาตีความว่าดอกกุหลาบจะมีหลายเฉด เราเลยนำเสนอเป็นโทนชมพูถึงสีแดงเข้ม” คุณบิวเล่า “ในส่วนของสีก็จะบ่งบอกถึงนิสัยใจคอของเขาด้วย อย่างนางเอื้อยหรือปลาบู่ทอง ที่เรารู้จักกัน ก็โดดเด่นเรื่องความกตัญญู ความอ่อนหวาน เราก็จะจัดเซตสีให้เป็นสีพาสเทลให้ดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อย หรือถ้ายกตัวอย่างนางรจนา เค้าก็จะมีสติปัญญาล้ำเลิศ เราก็ตีความและนำเสนอด้วยสีโทนม่วงๆ ค่ะ” คุณก้อยเสริม

เมื่อความเป็นไทยถูกนำเสนอในรูปแบบที่ทันสมัยและสร้างสรรค์ CHADA ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความเป็นไทยนั้นอยู่เหนือกาลเวลา “แรงบันดาลใจของแต่ก่อนมันยังคงอยู่ในปัจจุบัน เฉดสีของไทยได้รับความนิยมในวงการความงามมาก เพราะมีการพิสูจน์มาประมาณหนึ่งแล้วว่า สีไทยเป็นสีของเอเชีย คนเอเชียมักจะชอบสีโทนไทยค่ะ จากที่เราได้จำหน่ายสีทาเล็บไป มันก็ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้น กัมพูชา พม่า เวียดนามก็ติดต่อเข้ามา รวมถึงยังมีฝั่งแอฟริกาใต้ก็ยังสนใจเราเหมือนกัน” คุณก้อยกล่าว
เมื่อพูดถึงความนอกกรอบของแบรนด์ คุณก้อยเล่าว่า “แรงบันดาลใจหรือเรื่องราวที่เราหยิบมาใช้มันมีความเป็นไทยอยู่ เวลาหยิบองค์ประกอบต่างๆ มาออกแบบหรือทำให้เป็นไทย เราก็พยายามทำให้มันหลุดจากกรอบเดิมๆ ถ้าเราไม่ใช้ช้าง ม้า ยักษ์ วัดวาอาราม บ้านทรงไทย แล้วเราจะต้องใช้อะไรให้คนรู้ว่าเราเป็นไทย และนี่คือความท้าทาย”
หลังจากการค้นหาสิ่งที่จะสื่อถึงความเป็นไทยและแสดงอัตลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างลงตัว ในที่สุดคำตอบ ก็คือชื่อของแบรนด์ CHADA ที่ตอบโจทย์ทั้งในเชิงความหมายและภาพลักษณ์ “ตอนแรกที่คุยกัน เรายังไม่รู้หรอกว่าจะต้องใช้ชื่ออะไร แล้วบิวก็เสนอขึ้นมาว่า ‘ชฎา’ ไหม เราก็คิดตรงกัน เพราะ 1. ชฎาก็มีความเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงมงกุฏของไทย มันเป็นสัญลักษณ์ที่คนไทยรู้กันอยู่แล้วว่ามันเป็นของไทย 2. ความเป็นมงกุฏนี่มันเหมือนเป็นการพรีเซ็นต์คำว่า Beauty เพราะจากภาพจำของทุกคน สาวที่ได้สวมชฎาคือสวยทุกคน เรียกว่ามงลงน่ะค่ะ” ก้อยเล่า “ทีนี้ตามความเชื่อคือ ชฎามีครู มีความเป็นของสูงในความเชื่อของไทย การนำสัญลักษณ์ชฎามาใช้เราก็กลัวจะมีประเด็นอ่อนไหวของคนไทยเหมือนกัน เราจึงคิดต่อว่าจะนำสัญลักษณ์ของชฎามาลดทอนให้มีความเป็น Silhouette (ภาพเงา) ในโลโก้ ให้มันดูร่วมสมัยขึ้นแต่ก็ยังเห็นได้ว่าเป็นชฎา ส่วนชื่อแบรนด์ที่เป็นภาษาไทยของเราก็ไม่ได้ใช้คำว่า ชฎาตรงๆ เรานำมาปรับเป็น ชาฎา แทนค่ะ”

เมื่อถามถึงสีทาเล็บในปี 2090 คุณก้อยตอบว่า “คนส่วนใหญ่ที่ทาเล็บมักจะเป็นผู้หญิง เราเลยตั้งคำถามว่าผู้หญิงในปี 2090 จะเป็นยังไง แล้วเราก็คิดว่า ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ผู้หญิงมีความมั่นใจขึ้น มีอิสระเสรีมากขึ้น เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และมีจุดยืน เราก็เชื่อว่าจากวันนี้จนถึงปี 2090 ผู้หญิงก็คงจะมีตัวตนที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และเราก็คิดว่าสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยในมนุษย์คือ สามัญสำนึก เช่นเรื่องอารมณ์ ความรู้สึก ความอยาก ความชอบ จึงทำให้เราสรุปสีเล็บของ 2090 ได้ว่าเป็น "Color of your wish” คือ สีเล็บที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ โดยที่ไม่ต้องทาใหม่แต่สามารถปรับได้ตามอารมณ์ ปรับได้ตามดินฟ้าอากาศ แต่สุดท้ายก็ยังจะคงอยู่ในพื้นฐานของสีไทยโทน”



เมื่อถามถึงเสน่ห์ของสนีกเกอร์ คุณบิวตอบว่า “ในแง่ของอุตสาหกรรมแฟชั่น รองเท้าสนีกเกอร์มีเสน่ห์มาก คนใส่สนีกเกอร์กันเยอะขึ้น เดี๋ยวนี้ไม่ได้ใส่เล่นแค่กีฬา แต่คนใส่เพื่อความสวยงามก็มีด้วย” ส่วนคุณก้อยตอบว่า “คนไม่ได้ซื้อสนีกเกอร์เพื่อแต่งตัวอย่างเดียวแล้ว คนสะสมก็เยอะค่ะ ถ้าพูดถึงสนีกเกอร์จาก NIKE ที่ชอบใส่ ก็ชอบ Nike Air VaporMax เพราะใส่สบาย ถ้าไปเมืองนอกเราก็จะหยิบคู่นี้ไปด้วยทุกครั้ง เวลาถ่ายรูปก็ดูขายาว ขาสวยด้วย” และเมื่อถามถึง Nike Air Max 2090 คุณบิวตอบว่า “จริงๆ แล้วชอบ Air Max อยู่แล้ว ก็รู้สึกว่ามันใส่สบายมาก เป็นรองเท้าที่เบา ใส่เดินแล้วสบายเพราะมีความยืดหยุ่น” ส่วนคุณก้อยตอบว่า “ส่วนตัวชอบสนีกเกอร์สีขาว เพราะสนีกเกอร์สีขาวมีกี่คู่ก็เข้ากับทุกชุด แล้วพอมาเจอ 2090 ด้วยความขาวที่ซ่อนชิ้น Material ที่ต่างกันทำให้มันดูมีเสน่ห์ขึ้น พอแต่งตัวแล้วก็รู้สึกสนุกขึ้น”
การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยทำให้คนต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา การมอบความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้กับตัวเองจึงเป็นเหมือนการเติมพลังให้พร้อมที่จะออกไปผจญกับโลกภายนอก ซึ่งความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนชอบการแต่งตัว บางคนสนใจอาหารการกิน “สำหรับเรา ความสวยความงาม คือความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยให้เราผ่อนคลาย” บิวกล่าว “แต่แบรนด์ CHADA ไม่เคยปิดกั้น เราชอบรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นของลูกค้าหรือคนที่มองเข้ามา เพราะเราสามารถนำความเห็นพวกนี้ไปพัฒนาแบรนด์ต่อได้ คิดว่าเป็นไดเร็คชั่นที่ยังสนุกได้อีกเยอะค่ะ” ก้อยเสริม
จากความคิดสร้างสรรค์และความเชื่อมั่นในเอกลักษณ์ที่ชัดเจน LALALOVE และ CHADA ได้นำแบรนด์ของพวกเขาให้เติบโตอย่างยั่งยืนในแบบของตนเอง แม้ทั้งสองแบรนด์จะมีแนวทางที่แตกต่าง แต่แนวคิดหนึ่งซึ่งพวกเขามีร่วมกันนั่นก็คือ ยิ่งสนุกกับสิ่งที่ทำมากเท่าไหร่ ภาพฝันแห่งอนาคตก็ยิ่งใกล้เข้ามาและชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อพูดถึงอนาคต ในปีนี้ ไนกี้ได้นำเสนอรองเท้า Air Max 2090 รองเท้าแห่งอนาคตซึ่งมีรากฐานมาจากรองเท้าแอร์แมกซ์ 90 ที่มีจิตวิญญาณแบบเดียวกัน โดยสีสันของ Nike Air Max 2090 นั้นเป็นสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยที่รองเท้ารุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากยานพาหนะแห่งอนาคตในปี 2090 ที่ทีมดีไซเนอร์ของไนกี้ได้จินตนาการไว้ Nike Air Max 2090 วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม เป็นต้นไป ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Nike.com
คิดนอกกรอบกับผู้อยู่เบื้องหลัง สองแบรนด์ดัง LALALOVE และ CHADA
/
แค่ได้อ่านชื่อ ก็เชื่อว่าคิ้วของทุกคนคงต้องผูกกันเป็นปมด้วยความสงสัยแล้วว่า ‘บะหมี่ถ้วย ใช้ชื่อนี่เป็นชื่อศิลปินจริงดิ’, ‘มาทำเพลงเอาตลกหรือเปล่าเนี่ย’ บอกไว้ก่อนเลยว่า ไม่ ไม่ตลกเลย เพราะชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังผลงานเพลงของ Cupnoodle หรือ “ซาช่า โจสท์” นั้น เต็มไปด้วยความพยายาม ความตั้งใจ จนบางครั้งก็ต้องยอมเสียสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ได้ไขว่คว้าความฝันวัยเด็กในการเป็นศิลปิน ที่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านนั้น เธอแทบจะผ่านประสบการณ์การลงมือทำมาหมดทุกอย่างแล้วเพื่อเข้าใกล้วงการดนตรีให้ได้มากที่สุด (ซึ่งเยอะจนเราเชื่อว่าคงเขียนเล่าได้ไม่ครบ) แต่แม้จะมุ่งมั่นออกตัววิ่งบนเส้นทางนี้ไปด้วยความรวดเร็วมากเท่าไหร่ ซาช่า ที่ ณ ตอนนั้นใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอน ก็ยังคงไม่เห็นเส้นชัยของตัวเองสักที
/
ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ
/
วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว
/
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ
/
Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia
/
ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )