กับการเติบโตของแบรนด์ ที่ Online Market ก็ให้ไม่ได้!
นาทีนี้สายสตรีทและสายรักของวินเทจคงจะต้องรู้จักแบรนด์แฟชั่น Unisex สัญชาติไทยอย่าง Rompboy ที่เป็นแบรนด์จากน้ำพักน้ำแรงของ คุณบู้ Slur - ธนันต์ บุญญธนาภิวัฒน์ และคุณแยม - ศณา ศิริศักดิ์วัฒนา ทั้งสองร่วมพัฒนาแบรนด์นี้อย่างสร้างสรรค์โดยเริ่มจากการขายของออนไลน์และดำเนินถึงวันนี้แบรนด์ Rompboy ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในระยะเวลา 5 - 6 ปีจากการก่อตั้ง Flagship Store ครั้งแรก จนทำให้เสน่ห์และคาแรคเตอร์ของแบรนด์กลายเป็นเรื่องที่จับต้องได้
Writer :
Noinae Sritawan
Photos :
Mc Suppha-riksh Phattrasitthichoke
Special Thanks :
ROMPBOY
Q: จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Rompboy
คุณบู้: “จุดเริ่มต้นเนี่ย คือ ผมเล่นดนตรีแล้วรู้สึกว่าไม่มีรายได้ รายได้มันเริ่มหดลงเรื่อยๆ งานโชว์ก็เริ่มน้อยลง เริ่มไม่มีตังค์กินข้าว เลยต้องทําอะไรสักอย่าง ก็เลยเริ่มจากการไปรื้อรองเท้าที่แม่สั่งให้โละ แล้วลองเอาไปลงอินเทอร์เน็ตดู ตอนนั้นอีคอมเมิร์ซ ร้านค้าออนไลน์ มันยังไม่ได้บูม คนขายของ Facebook มันคือเรื่องใหม่มากการขายของ Instagram เป็นเรื่องใหม่มาก ปรากฏว่า เฮ้ มันขายได้เว้ย ตอนนั้นมันเป็น Nike, Converse รุ่นธรรมดาๆ ก็ขายได้แล้ว ขายเร็วมากเลยนะลงปุ๊บขายปั๊บ ทีนี้ของที่เอามาขายเนี่ยมันเริ่มหมดละ ก็เริ่มไปหาของมือสองมาขายจากการจับเสือมือเปล่าก่อน ก็คือไปดีลตามร้านพวกเสื้อผ้ามือสอง แบบไปบอกพ่อค้าว่าผมขอยืมกางเกงขายลงใน Facebook ส่วนตัวก่อน ขายไปขายมาก็เห็นว่ามันเริ่มขายได้ว่ะ เรารู้สึกว่า เราจะต้องตั้งชื่อแบรนด์อะไรสักอย่างขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นที่สำหรับขายของมือสองก็เลยกลายเป็น Rompboy ขึ้นมา”


Q: การขายของมือสองมันบอกอะไรกับเรา?
คุณบู้: “จากการที่ซื้อสิบตัวแล้วขายหมดบ้าง ยี่สิบตัวแล้วขายหมดบ้าง เราก็เลยมาคิดว่าอาชีพนี้มันเริ่มบอกอะไรสักอย่าง เสื้อผ้ามันเริ่มจุดประกายให้เรารู้แล้วว่ามันเหมาะกับเรานะ เรามีกลุ่มที่เป็นแฟนกันเองเราอยู่ หรือว่ากลุ่มที่เริ่มที่จะ Follow เสื้อผ้ามือสองจากเราแล้ว พอทำไปทำมาก็รู้สึกว่าไอ้การถ่ายรูปเสื้อผ้ามือสองลงขายเนี่ย บางทีก็หาของได้ บางทีก็หาไม่ได้ บางทีขายหมดเร็วเกินไป เพราะมันเริ่มคล่อง ก็เป็นจุดที่ทำให้เราหันมาทำแบรนด์ตัวเอง”
Q: Rompboy ใส่ใจในสไตล์เสื้อผ้าที่แม้แต่มือสองก็ทำไม่ได้
คุณบู้: “ทำแบรนด์แรกๆ ก็เริ่มต้นจากกางเกงขาสั้น คือเราเริ่มหันมาสนใจเสื้อผ้าที่มือสองทำไม่ได้ คือมี Element แปลกๆ เอากางเกง Hunting มาผสมกับกางเกงแบบ British Army แบบของอังกฤษ กลายเป็นสินค้า Type แรกของแบรนด์ คือตอกชื่อแบรนด์ตัวเองว่า Rompboy แล้วก็เริ่มขาย ปรากฏว่ามันยิ่งชัดมากขึ้นไปอีก เริ่มมี FC แบรนด์เสื้อผ้าจริงๆ ทำไปทำมาเรื่อยๆ จนมันกลายแบรนด์ของเราไปแล้ว สินค้าที่ทำให้คนรู้จักเราก็จะเป็นรองเท้า คือทำออกมาขายแล้วก็บูม คนแชร์กันเยอะ อาจเพราะมันไม่มีรองเท้าสไตล์นี้ในยุคนั้นในยุคเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา มันเป็นรองเท้าแฮนด์เมดแบบวินเทจสนีกเกอร์ยุค 60s เอากลับมาทำใหม่ ส่วนเสื้อผ้าส่วนใหญ่ใน Rompboy ก็จะเป็นการผสมผสานแมททีเรียลของยุคต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยมีกลิ่นอายของความวินเทจในทุกๆ ชิ้น”
Q: แบรนด์ที่เต็มไปด้วยสินค้า Unisex
คุณบู้: “พัฒนาการของแบรนด์จริงๆ น่าจะเป็นเรื่องของลูกค้านะ คือผมรู้สึกว่าจุดเริ่มต้นเนี่ยเราทำเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายโดยเฉพาะชื่อมันชัดเจน Rompboy เนี่ยมันคือเด็กผู้ชายวิ่งเล่นวิ่งไปเรื่อยๆ วิ่งไปข้างหน้า อะไรแบบนั้น ช่วงแรกมันยังเป็นผู้ชาย 100% ผมพูดเลยว่าเมื่อก่อนนั้นผมไม่มีลูกค้าที่เป็นผู้หญิงเลย แต่พอทำไปทำมาเนี่ย ที่บอกว่ารองเท้ามันบูม คือรองเท้ามันเป็นตัวจุดประกายว่าหลังจากนี้ไอเท็มของผมจะเป็น Unisex ตั้งแต่รองเท้าออกมาปุ๊บก็เริ่มมีผู้หญิงมาซื้อ เริ่มมีการแชร์ไปถึงกลุ่มลูกค้ากลายผู้หญิงมากขึ้น แล้วก็จะมีผู้หญิงที่มาซื้อกางเกงผู้ชายไปใส่เองเยอะมาก กางเกงทรงผู้ชายนี่แหละทั้งที่เราไม่ได้สำหรับผู้หญิงเลยด้วยซ้ำ กระเป๋าที่ออกมาเนี่ยตอนนี้ผู้หญิงซื้อมากกว่าแล้ว ทีนี้ก็เริ่มที่จะมี Item ที่คิดถึงผู้หญิงเยอะขึ้น ปีที่ผ่านมาเพิ่งแตกแบรนด์อีกแบรนด์หนึ่งที่ชื่อว่า Rompboy Girlfriend คือผู้หญิงเนี่ยสามารถซื้อไปใส่ได้หรือว่าซื้อเป็นแบ่งกับผู้ชายใส่ได้ คือเป็นแฟนของ Rompboy นั่นเอง”
Q: ประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในออนไลน์
คุณบู้: “เรามีหน้าร้านครั้งแรกในรอบ 5 ปีเกือบจะ 6 ปี คือมันเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ว่า ลูกค้าเค้าจะได้มาเห็นความชัดเจนของแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การซื้อของออนไลน์แล้วก็เปิดซองไปรษณีย์มา แล้วก็เจอของของเรา ครั้งนี้ลูกค้าจะได้เดินเข้ามาแล้วก็รู้ว่า กลิ่นในร้านเป็นยังไง เราใช้เพลงประมาณไหน ถุงในร้านเราเป็นยังไง ไม้แขวนเสื้อเป็นยังไง พนักงานต้อนรับพูดจาอะไรกับเราบ้าง ทุกอย่างมันจะเป็นความเรียลที่เกิดขึ้นจริง คือผมได้สะสมประสบการณ์งูๆ ปลาๆ ของผมมาเรื่อยๆ จนรู้สึกว่า เราต้องทำในสิ่งที่เป็นนามธรรมจากการขายออนไลน์ให้เป็นรูปธรรมที่สุดโดยการสร้างหน้าร้านขึ้นมา”

การได้ร่วมพูดคุยกับคุณบู้ ธนันต์ บุญญธนาภิวัฒน์ ก็คงเพียงพอสำหรับการแชร์ประสบการณ์ด้านแรงบันดาลใจของแบรนด์นี้ แต่ถ้าจะให้สมบูรณ์มากขึ้นก็ต้องคุยกับบุคคลสำคัญอีกหนึ่งท่านอย่าง คุณแยม - ศณา ศิริศักดิ์วัฒนา แฟนสาวของเขา ที่ได้มาแชร์รายละเอียดของ Flagship Store ครั้งแรกของแบรนด์ที่เต็มไปด้วยการออกแบบที่น่าสนใจและเสน่ห์บางอย่างที่คุณจะได้รับมากกว่าการช็อปปิ้งผ่านทางออนไลน์แน่นอน

Q: การตกแต่งร้านที่เห็นเป็นสไตล์อะไร?
คุณแยม: “Concept เหรอ ก็คือ เราเรียนจบด้านนี้โดยตรง เกี่ยวกับการตกแต่งภายใน แล้วปกติชอบไปเที่ยวแบบเวลาเรากับพี่บู้ไปต่างประเทศ เราก็จะได้เห็น ได้ดูร้านต่างๆ แล้วเก็บมาเป็นไอเดียตลอด แล้วก็คิดว่าเราอยากจะมีหน้าร้าน โดยเป็นร้านที่ลูกค้าเดินเข้ามาแล้วเขารู้สึกเหมือนๆ ตอนที่เราเดินเข้าร้านต่างประเทศที่เราชอบ โดยสไตล์ของการตกแต่งร้านคือยืนพื้นด้วย Mid Century ซึ่งสอดคล้องกับโลโก้ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าโลโก้ของเราจะมีความเป็น Mid Century ในเรื่องการใช้สีพื้นๆ หรือสีไม้ คือความเป็น Mid Century มันมีดีไซน์ที่ดูอบอุ่น ลูกค้าเดินเข้ามาก็จะไม่เขิน ฟีลจะเหมือนอยู่บ้าน มีเพลง มีกลิ่นที่มันสบายๆ เหมือนอยู่บ้าน ไม่ต้องกังวลหรือเกร็งในการเดินดูสินค้า”
Q: ทำไมต้องเป็นโลเคชั่นนี้?
คุณแยม: “เราตั้งเอาไว้แต่แรกว่า เราอยากวางขายที่สยาม ซึ่งจริงๆ ต้องย้อนกลับไปขอบคุณร้าน Frank ตอนแรกคือเค้าให้ไปฝากวางขาย ก็เลยไปลองขายดูซึ่งทำให้เราเห็นว่า จริงๆกลุ่มลูกค้าเราอ่ะเขาสะดวกที่จะมาสยาม แต่ที่นี้เราก็เจอปัญหาตรงที่ว่า มันจะมีลูกค้าต่างประเทศมาถามเรา ซึ่งเราก็อธิบายไม่ถูกว่าเราอยู่ในพาร์ทนึงของ Frank นะอะไรแบบนี้ ก็เลยอยากลองมีร้านของตัวเองซึ่งมันก็เป็นความฝันของเราทั้งคู่มาตั้งนานแล้วเหมือนกันค่ะ ก็เลยมาเดินหาที่สยาม แล้วก็ฝากเรื่องเขาไว้ว่าถ้ามีร้านไหนออก ช่วยบอกหน่อย ปรากฏว่าผ่านไปได้ประมาณเดือนนึง เขาก็มาบอกว่าร้านตรงนี้คนที่จองไว้จะขอเปลี่ยนใจไม่มาแล้ว ซึ่งมันเป็นโอกาสของเราพอดี ก็เลยได้มา โดยทั้งหมดนี้ใช้เวลาก่อสร้างประมาณเดือนนึง”

Q: เสน่ห์ของการมีหน้าร้านแตกต่างจากของออนไลน์ยังไง?
คุณแยม: “คือจริงๆ ลูกค้าเราก็จะเป็นกลุ่มเดิมๆ ที่เป็นแฟน Rompboy มาแต่แรก ทีนี้สำหรับคนที่ตั้งใจจะมาดูของถึงที่ เราก็อยากให้เขาได้มีตัวเลือกมากขึ้น คือสินค้าบางอย่างเขาไม่เคยเจอในออนไลน์ก็จะได้มาเจอที่ร้านนี้ อย่างเช่น พวกสติ๊กเกอร์ หรือว่าหมวก หรือของที่ยังไม่ได้ลงในออนไลน์ สินค้าบางอย่างทำเสร็จแล้ว แล้วยังไม่ได้โปรโมทก็จะถูกเอามาวางไว้ก่อนก็มีเหมือนกันค่ะ”


Q: อยากบอกอะไรกับลูกค้าแบรนด์ Rompboy
คุณแยม: “ร้านนี้เราตั้งใจทำมาก เราใช้เวลาที่รวดเร็วมากในการสร้าง แล้วทุ่มทั้งแรงกายแรงใจมาก ตั้งใจที่จะให้ลูกค้าของเราได้มาเห็นว่า Rompboy พอมีหน้าร้านครั้งแรกแล้วหน้าตาของร้าน กลิ่นของร้าน เพลงของร้านมันเป็นยังไง อยากให้มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ จากเราด้วยค่ะ”
คุณบู้: “ตลอด 5 ปีเกือบ 6 ปี ผมมองว่าที่นี่มันเหมือนเป็นจุดนัดพบของเราแล้ว คือเราอยากจะเจอกลุ่มลูกค้าจริงๆ ว่าเขาเป็นยังไง ไลฟ์สไตล์ยังไง เขาแต่งตัวยังไง ใส่ของอะไรบ้างก็อยากให้มาเจอกัน แล้วก็มันจะมีแรร์ไอเท็มที่มันไม่ได้ขายในออนไลน์ด้วย มาเจอกันนะครับเข้าลิโด้มาปุ๊บ เดินขึ้นมา แล้วก็จะเจอกันเลย”