South Solo: บินเดี่ยวบิดเที่ยวด้ามขวาน 10 จังหวัด 14 วัน 3 พันกว่ากิโลเมตร | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

South Solo: บินเดี่ยวบิดเที่ยวด้ามขวาน
10 จังหวัด 14 วัน 3 พันกว่ากิโลเมตร


ถ้าคุณไม่เคยเดินทางคนเดียว หลิงอยากให้คุณลองสักครั้ง ไม่ว่าจะที่ไหน ด้วยวิธีใดก็ตาม ไม่ต้องมีคำถาม ไม่ต้องหาคำตอบ การเดินทางจะทำให้เราค้นพบคำตอบจากทุกคำถามในใจเรา

Story & Photo: Ling Bhirada

ตอนซื้อมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์คันนี้ หลิงตั้งใจไว้ว่าจะขี่คนเดียวจากกรุงเทพฯ กลับบ้านเกิดที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลาสักครั้ง เมื่อทุกอย่างลงตัวการเดินทางจึงเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2018 ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีฝน ใช้เวลาเดินทางไป-กลับรวม 14 วัน ผ่าน 10 จังหวัด ระยะทาง 3,400 กม. (กทม.-ประจวบคีรีขันธ์-ระนอง-พังงา-กระบี่-ตรัง-สงขลา-สตูล-นครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี-ชุมพร-ประจวบคีรีขันธ์-กทม.) ทริปนี้หลิงพักอยู่ที่ใต้เป็นเดือนเพื่อรอเพื่อนๆ กลุ่ม Thriumph ไปขี่เที่ยวที่ปีนังอีกทริปหนึ่งด้วย

การขี่ล่องใต้เส้นฝั่งตะวันตกยังพอมีโค้งมีเขาให้แก้ง่วงอยู่บ้าง แต่ถ้าขี่เส้น AH2 (Asian Highway 2) อาจหลับในได้ค่ะ ใครเคยขี่เส้นนี้จะรู้ดีเพราะตรงยาวๆ นับพันกิโลเมตร ทางหลวงเอเชียสาย 2 เส้นนี้เป็นเครือข่ายทางหลวงสายเอเชีย ระยะทาง 13,177 กม. ผ่าน 9 ประเทศ (อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไทย, พม่า, อินเดีย, เนปาล, ปากีสถาน และอิหร่าน) จากเมืองเดนปาซาร์ในอินโดนีเซียไปจนถึงเมืองโคสราวี ประเทศอิหร่าน ช่วงที่ผ่านประเทศไทยจะเริ่มจากชายแดนพม่าที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ลงไปจนสุดที่ชายแดนบ้านจังโหลน อ.สะเดา จ.สงขลา รวมระยะทาง 2,254 กม. ถือเป็นอีกเส้นทางที่น่าสนใจสำหรับขับรถหรือขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวข้ามประเทศในแถบเอเชีย

ไปคนเดียวก็เฟี้ยวได้

การทำอะไรด้วยตัวคนเดียวจะเป็นการตัดสินใจจากตัวเองล้วนๆ ไม่ต้องถามใคร ไม่ต้องรอใคร อยากพักเมื่อไหร่ที่ไหนก็ได้ อยากอยู่ตรงไหนนานแค่ไหนก็สบายใจเรา อย่ากลัวความเหงา เพราะเรากำลังอยู่กับตัวเอง เราควรหาเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง แล้วเราจะรู้จักตัวเองมากขึ้น

ตอนบอกที่บ้านว่าจะขี่ลงใต้คนเดียว คนในครอบครัวและคนรอบข้างต่างก็เป็นห่วง เพราะระยะทางค่อนข้างไกล แต่เมื่อตั้งใจไว้แล้วจึงไม่หวั่นไหวและไม่ประมาท เริ่มด้วยการปักหมุดเส้นทางไว้คร่าวๆ ทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้า อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิด เบอร์ติดต่อฉุกเฉินต้องเตรียมให้พร้อม - เขียนใส่กระดาษไว้ในกระเป๋าสตางค์ (ไม่ควรเป็นเบอร์พ่อแม่หากท่านอายุมากแล้ว) ควรเป็นเบอร์พี่น้องหรือเพื่อนสนิทที่หากต้องรับโทรศัพท์ฉุกเฉินจะมีสติในการประสานงานหรือจัดการเรื่องต่างๆ ให้ได้ และควรมีไว้ 2 คน เผื่อโทรอีกคนไม่ติด/ไม่รับสาย เบอร์สำคัญอย่างตำรวจทางหลวง รถสไลด์ เมมใส่มือถือไว้เผื่อต้องขอความช่วยเหลือ

แล้วใครถ่ายรูป? - เป็นคำถามที่ถูกถามอยู่เสมอ เอ๊า!! เราก็เตรียมขาตั้งกล้องพร้อมรีโมทไปด้วยไง หรือถ้ามีใครผ่านไปมาเราก็ขอช่วยเขาให้ถ่ายรูปให้ได้ค่ะ เล็งมุมกล้องไว้ว่าอยากได้มุมแบบไหน ก็จะได้ภาพแบบที่เราต้องการ ให้เขากดเผื่อหลายๆ รูป เราก็โพสต์ไปหลายๆ ท่า แล้วค่อยมาเลือกรูปอีกที

หลิงเป็นคนประเภท Early Bird ตื่นเช้า-นอนเร็ว ชอบออกเดินทางแต่เช้าเพราะอากาศเย็นสบาย เพื่อเลี่ยงแดดร้อนซึ่งจะทำให้ร่างกายเครียดและอ่อนเพลีย ขี่ไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็ว 90-120 กม. ถึงที่หมายประมาณเที่ยงหรือบ่าย ได้หลบร้อนพักกินข้าว กินกาแฟ นอนพักผ่อน พอแดดหมดตกเย็นก็ค่อยออกไปขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวเล่นระแวกนั้น

‘ครอบครัวผลไม้’ ที่เมืองสามอ่าว

สมัยที่ยังไม่มีสายการบิน low cost การกลับบ้านที่สงขลาจะเดินทางด้วยการขับรถหรือไม่ก็นั่งรถไฟขบวนกรุงเทพฯ-บัตเตอร์เวิร์ธ ไปลงที่สถานีปาดังเบซาร์ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายก่อนจะผ่านชายแดนสู่มาเลเซีย เมืองประจวบฯ (ยกเว้นหัวหิน) จึงเป็นแค่ทางผ่านเสมอและไม่เคยแวะเที่ยวเลยสักครั้งตลอดเวลาหลายสิบปี นี่คือครั้งแรกที่ได้รู้จักเมืองสามอ่าว (อ่าวน้อย อ่าวประจวบ อ่าวมะนาว) แม้จะเพียงผิวเผินเพราะมีเวลาไม่มาก แต่ก็เป็นอีกเมืองที่น่ารักและประทับใจ มีที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านกาแฟพอประมาณในแบบฉบับเมืองเล็กๆ เงียบสงบที่ยังเต็มไปด้วยวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น - หลิงชอบเมืองแบบนี้ มันไม่วุ่นวายดี

ระหว่างขี่เที่ยวลัดเลาะชมเมืองเพื่อหากาแฟกินบนถนนสู้ศึกก็สะดุดกับ Grandma’s House (บ้านคุณยาย) อาคารไม้เก่าหลังใหญ่ที่มีสกู๊ตเตอร์สามสี่คันจอดเรียงรายอยู่ ที่นี่เป็นร้านกาแฟและที่พัก มีของว่างและอาหารไว้คอยบริการ ด้านบนเปิดเป็นห้องพัก 3 ห้อง บ้านคุณยายหลังนี้ดูแลโดยน้องส้มซึ่งเป็นลูกสาวร่วมกับน้องเปิ้ล - สามี ซึ่งเป็นศิลปินวาดรูปและเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์ที่เราเห็น ใครจะไปรู้ว่า...ส้มกับเปิ้ล ออกลูก (สาว) เป็นลูกหว้าและน้ำว้าได้ด้วย!! อะเมซิ่งจริงๆ ค่ะ ‘ครอบครัวผลไม้’ จึงเพื่อนใหม่ที่ได้รู้จักในเมืองนี้ ขามาหลิงจองที่พักไว้แล้วซึ่งไม่ไกลจากบ้านคุณยายนัก เลยจองที่พักที่บ้านหลังนี้หนึ่งคืนตอนขากลับกรุงเทพฯ ไว้ซะเลย จะได้เจอกันอีก

โลกกลมๆ ที่เขานางหงษ์

ออกจากระนองไปตามทางหลวงหมายเลข 4 ตัดเข้า 401 และ 4090 ผ่านพังงาเพื่อเข้ากระบี่ไปยัง อ.อ่าวลึก เพราะจองที่พักไว้ที่นั่น 1 คืน แม้จะเป็นคนใต้แต่เพิ่งเคยได้ยินและรู้จักชื่อ ‘อ่าวลึก’ ก็ครั้งนี้นี่แหละ อำเภอนี้เป็นเมืองรองที่มีนักท่องเที่ยวไม่มาก ค่าครองชีพไม่แพง มีธรรมชาติสวยงามให้เที่ยวชมพอสมควร ระหว่างทางในเขา หลิงขี่สวนกับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์กลุ่มหนึ่ง แต่โบกมือทักทายไม่ทันเพราะกำลังเข้าโค้งทางชันพอดี มารู้ทีหลังว่าเป็นกลุ่มน้องโป้ง (Pong P. Thongsook) ที่รู้จักทาง Facebook ส่งข้อความมาบอก “วันนี้เจอพี่ด้วย ดีใจ ผมขี่ไฮเปอร์โมตาดยกมือให้ช่วงเขานางหงษ์ เห็นแวบแรกรู้เลยว่าพี่” เรารู้จักกันก็แต่ทางเฟซฯ ได้เจอกันไม่กี่วินาทีก็ดีใจมากเช่นกัน เสียดายที่เราไปคนละทาง ไม่งั้นคงได้แวะนั่งกินกาแฟพูดคุยกันบ้าง ทริปนี้มีเวลาไม่มากจึงไม่ได้แวะชมวิวสวยๆ ของอ่าวพังงาที่เสม็ดนางชี

อ่าวลึก ระทึกใจ

การขี่ทางไกลนั้น ปรกติหลิงจะแวะเติมน้ำมันทุก 100-150 กม. หรือเต็มที่ 180 กม. ตามจังหวะที่เจอปั๊มเพื่อเลี่ยงน้ำหมดกลางทาง ด้วยเพราะเรือนไมล์รถไม่มีเกจบอกระดับน้ำมัน หลิงจึงเซ็ตทริป A ไว้สำหรับรวมระยะการเดินทางทั้งทริปและเซ็ตทริป B ไว้สำหรับเติมน้ำมัน ซึ่งสัญญาณไฟน้ำมันจะเริ่มเตือนที่ระยะประมาณ 180 กม. และช่วงที่กำลังขี่เข้ากระบี่นั้นเอง ไฟน้ำมันก็เริ่มเตือน ถนนช่วงนั้นไม่มีปั๊มน้ำมัน ไม่มีแม้กระทั่งปั๊มหลอดหรือแบบขวด รถผ่านไปมาก็ไม่มาก เอาวะ! ยังพอขี่ไปได้อีก 30-40 กม. มันต้องเจอสักปั๊มสินะ ขี่ไปจนไมล์ขยับไปที่ 230 กว่ากิโลเมตร ตอนนี้หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะกลัวน้ำมันหมดกลางทาง แถมบางช่วงไม่ค่อยมีสัญญาณมือถือด้วย ภาพตัวเองนั่งโบกรถอยู่ริมถนนเริ่มปรากฏในหัว ในใจคิด “กูตายแน่!!” เริ่มมองซ้ายมองขวาหาบ้านคน คนหายไปไหนหมด?! รถราก็ไม่ค่อยมี!!

ขี่ไปได้สัก 1-2 กม. ก็เจอบ้านคน โอ้คุณพระ! ดีใจยิ่งกว่าถูกหวยค่ะ รีบจอดถามได้ความว่า อีกประมาณไม่เกิน 10 กม. เจอปั๊ม! เอาแล้วโว้ย! น้ำมันจะหมดก่อนเจอปั๊มมั้ย? ขี่ไปลุ้นไป...จนในที่สุด...รอดค่า!! ปั๊มน้ำมันตรงหน้าส่องแสงวิบวับเป็นประกายสีทองเหมือนหนังอภินิหาร ขอบคุณปั๊มน้ำมันที่มาตั้งอยู่ตรงนั้น - ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

จะว่าไป Triumph Bonneville SE คันนี้มีถังน้ำมันขนาด 15 ลิตร เต็มถังวิ่งไปได้ถึง 248 เกือบ 250 กม. กันเลยทีเดียว นี่เป็นครั้งแรกที่น้ำมันเกือบเกลี้ยงถัง ดีที่ไม่ได้ขี่เร็วมากจึงอาจช่วยประหยัดน้ำมันไปได้ในระดับหนึ่ง เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...ความโชคดีไม่ได้มีบ่อยๆ

หลังจากลุ้นระทึกจนใจหาย พอถึงที่หมายก็เหมือนมีคนมาปลอบใจค่ะ น้องอุ่ย เจ้าของร้านอาหารวังทองซึ่งขี่ Thriumph Thruxton ส่งข้อความมาล่วงหน้าเพื่อขอเลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อในฐานะเจ้าบ้าน เราไม่เคยเจอกัน แต่ก็ตกปากรับคำในทันที การกินข้าวกับเพื่อนที่เพิ่งรู้จักก็เหมือนกินข้าวกับคนแปลกหน้า แต่เพราะเป็นชาวสองล้อเหมือนกันเราเลยรู้จักกันได้ไม่ยากค่ะ วันรุ่งขึ้นหลิงต้องเดินทางต่อไปจังหวัดตรัง อุ่ยจึงกำชับว่าหากมีอะไรให้ช่วยเหลือ โทรหาเขาได้ตลอดเวลา - ขอบคุณมิตรภาพจากอ่าวลึก รู้สึกดีที่ได้เจอกันค่ะ

บ้านฉัน...ปาดังเบซาร์

จังหวัดสงขลามีด่านชายแดน 2 แห่ง คือ ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ ถ้าจะขี่หรือขับรถไปเที่ยวมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ก็จะเดินทางผ่านด่านสะเดาเป็นหลัก ส่วนด่านปาดังฯ จะใช้ขนส่งสินค้าและเดินทางด้วยรถไฟจากไทยไปที่บัตเตอร์เวิร์ธ

เมื่อ 30-40 ปีก่อน การค้าขายที่ด่านปาดังเบซาร์คึกคักมาก การเดินทางไปมาระหว่างประเทศไม่เข้มงวดอะไร ชาวไทยและมาเลย์เดินทางเข้าออกไปมาหาสู่กันทุกวันเป็นกิจวัตร เราไปซื้อของบ้านเขา เขาก็มาซื้อของบ้านเรา สินค้าต่างๆ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา อาหาร และผลไม้ ถูกนำเข้าและซื้อขายจากที่นี่ได้ในราคาถูก แต่พอเวลาผ่านไป เมืองเจริญขึ้น การไปมาระหว่างประเทศก็เข้มงวดขึ้นไปตามระบบ ด่านสะเดาและด่านปาดังฯ กลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ สินค้าจากไทยถูกส่งไปยังประเทศอาเซียนผ่านที่นี่มูลค่าหลายแสนล้านบาทเลยทีเดียว

ใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวแถวสะเดาอยากให้ลองขี่ลัดเลาะไปตามถนนริมรั้วกั้นเขตแดนค่ะ เป็นถนนลาดยางมะตอยอย่างดี มีโค้งบ้างให้ได้พอขี่สนุก ช่วงเย็นจะได้ชมพระอาทิตย์ตกไปกับทิวเขาสวยๆ จากฝั่งมาเลเซีย หรือจะไปเที่ยวแถวบ้านเขารูปช้างที่ปาดังเบซาร์ก็ยังมีวิถีชาวบ้านและธรรมชาติที่สวยงามเงียบสงบอย่างถ้ำเขารูปช้าง หรือจะเป็นถ้ำนางพญาเลือดขาว น้ำตกสายรุ้ง ถ้ำเขาเชี่ยน หรือยอดเขาสองแผ่นดิน ตัวหลิงเองเกิดและโตที่นี่ก็ยังไม่เคยไปเลยค่ะ คงต้องหาเวลากลับไปเที่ยวอีกครั้ง

เพื่อนน้อง เพื่อนเก่า เพื่อนเรา

เกิดมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยไปเที่ยวจังหวัดสตูลเลยสักหน ขาขี่กลับกรุงเทพฯ จึงตั้งใจแวะไปหาน้ำ ชลธิดา เพื่อนสมัยมัธยมที่ยังติดต่อกันอยู่เสมอ แต่นานๆ จึงจะได้เจอกันสักครั้ง น้ำเป็นคนนครศรีธรรมราชแต่มาทำงานเป็นกุมารแพทย์ที่โรงพยาบาลสตูล จากสะเดาไปสตูลระยะทางประมาณ 150 กม. ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่า

งานนี้มีผู้ชายขอตามไปด้วยค่ะ อีป๊อก - เพื่อนน้องชายซึ่งขี่มอเตอร์ไซค์เหมือนกันขอขี่ไปส่งที่สตูล รู้จักป๊อกมาหลายปี เคยเจอกันบ้าง ไม่เคยพูดคุยกัน แค่ทักทายสวัสดีเท่านั้นเอง แต่พอหลิงขี่มอเตอร์ไซค์เท่านั้นแหละ หลิงก็เริ่มคุยกับเขาสารพัดเรื่องและชวนกันไปขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวซะงั้น เพื่อนน้องก็เลยกลายเป็นเพื่อนเรา (ไม่รู้เขาสนิทกับหลิงมั้ย แต่หลิงสนิทกับเขาแน่นอนค่ะ) เราแวะไปที่อุทยานแห่งชาติทะเลบันซึ่งอยู่ใกล้กับด่านวังประจัน ชายแดนไทย-มาเลเซีย ในอำเภอควนโดน ที่นี่เงียบสงบมาก น่ามานอนพักผ่อนอ่านหนังสือสัก 1-2 คืน

ด่านวังประจันและด่านสะเดาเป็นเส้นทางที่คนในพื้นที่ใช้เดินทางไปมาระหว่างสตูลกับสะเดา เพราะช่วยร่นระยะทางได้ถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว หลิงยังไม่เคยใช้เส้นทางนี้และคงต้องหาโอกาสมาลองอีกเช่นกันค่ะ

สตูลเป็นเมืองเล็กๆ ไม่หวือหวา เงียบสงบ ผู้คนน่ารัก ความหลากหลายทางเชื้อชาติยังคงวิถีชีวิตร่วมกันอย่างเป็นปรกติสุขในแบบที่เคยเป็นมายาวนาน ด้วยเพราะมีเวลาจำกัดเลยไม่ได้แวะเที่ยวที่ไหนมากนัก จึงค้างบ้านเพื่อนแค่คืนเดียวเพื่อเดินทางต่อไปคีรีวงในวันรุ่งขึ้น

อากาศดีที่คีรีวง

ปักหมุดนอนที่คีรีวงไว้ 2 คืนเพื่อสูดอากาศให้เต็มปอด พักผ่อนให้เต็มที่ อาจเป็นเพราะอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มานานก็มักจะโหยหาธรรมชาติและอากาศดีๆ นั่นแหละนะ หลิงออกจากสตูลไปตามทางหลวงหมายเลข 406 ตัดเข้า AH2 หรือ 41 ผ่านพัทลุงเข้า 403, 4238, 4015 และ 4070 เพื่อตรงไปยังหมู่บ้านคีรีวง ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ระยะทางราว 240 กม. ขี่ไปเรื่อยๆ ใช้เวลาราว 4 ชม. เส้นทางเข้าไปยังหมู่บ้านคีรีวงจะเป็นเชิงเขาสู่อุทยานแห่งชาติเขาหลวง มีโค้งบ้างเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้พอแก้เบื่อ สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าเขาและต้นไม้เขียวชอุ่มสดชื่นเย็นสบาย หลิงไปช่วงวันธรรมดาจึงแทบไม่รถ นักท่องเที่ยวก็น้อยมาก สวรรค์เลยค่ะ

หมู่บ้านคีรีวงเป็นชุมชนต้นแบบในการจัดการธุรกิจท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประจำปี 2541 ประเภทเมืองและชุมชน ที่นี่มีการจัดการชุมชนที่ดีและพึ่งพาตัวเองไปกับสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืนได้อย่างดีเยี่ยม ฤดูท่องเที่ยวคนก็จะเยอะหน่อย แม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่พักหรือโฮมสเตย์ ก็มีไม่มากจนเกินพอดี - ซึ่งมันดีตรงนี้ การมาที่นี่จึงเป็นการพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติและวิถีชาวบ้านได้อย่างแท้จริง

ก่อนจากคีรีวงเพื่อมู่สู่เขาสก ช่วงนั้นน้องเติร์ก ประภัสสร วิศวกรอากาศยานซึ่งขี่ Triumph Scrambler มาทำงานที่อำเภอท่าศาลาพอดี เขาขอเลี้ยงกาแฟแก้วหนึ่งและนัดกันที่ร้านกาแฟสดลุงเชย ริมทางหลวง 401 เราไม่ได้เจอกันนาน การได้เจอกันครั้งนี้ถือเป็นความบังเอิญที่จังหวะลงตัวที่ทำให้เราได้พูดคุยอัพเดทชีวิตกัน จากนั้นเติร์กก็พาไปขี่มอเตอร์ไซค์ลัดเลาะริมฝั่งก่อนจะแยกย้ายจากกัน

เขาสก...ฝนตกตลอดทาง

จากท่าศาลามุ่งหน้าไปที่เขาสกโฮมสเตย์ รีสอร์ท (Khao Sok Homestay Resort) สุราษฏร์ธานี ด้วยทางหลวง 401 ระยะทาง 240 กม. ใช้เวลาไปเกือบ 5 ชม. เนื่องจากพายุเข้าและฝนตกตลอดเส้นทาง หลิงขี่ลุยฝนไปแบบชิลล์ๆ ระหว่างทางเจอแกงค์มอเตอร์ไซค์จากมาเลเซียราว 30 คันหลบฝนอยู่ข้างทางจึงโบกมือทักทายและไปต่อ จนในที่สุดต้องหยุดพักเพราะฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เส้นทางเขาสกถือเป็นอีกเส้นที่หลิงชอบมากๆ มีภูเขาหินปูนและต้นไม้เขียวชอุ่มชุ่มชื่นตลอดสองข้างทาง ขี่มอเตอร์ไซค์กลางสายฝนสลับกับแดดอ่อนๆ และไอหมอกในบางช่วง มันเป็นอะไรที่โครตมีความสุขเลยค่ะ

เขาสกโฮมสเตย์ฯ เป็นรีสอร์ทของพ่อแม่ของน้องเติ้ล วนัทยา นักเขียนอิสระที่รู้จักและทำงานร่วมกันมาหลายปี ด้วยบรรยากาศป่าเขาที่เงียบสงบมากๆ จึงตั้งใจพักที่นี่ 2 คืนเพื่อพักผ่อนนอนนิ่งๆ แบบไม่ไหวติงอะไรทั้งสิ้น ช่วงนั้นโลว์ซีซั่นพอดี ทั้งรีสอร์ทมีหลิงพักแค่คนเดียว ดีงามสุดๆ ไปเลยค่ะ ตอนไปพักที่นั่น คุณพ่อไปทำธุระต่างจังหวัด จึงได้เจอแต่คุณแม่และเพื่อนแม่ หลิงรีบออกตัวเรียกน้าๆ ว่า ‘พี่’ เพื่อตีซี้ไว้ก่อน จะได้นั่งกินนอนเล่นแบบไม่เคอะเขิน

เนื่องจากฝนตก เราจึงไม่ค่อยได้ออกไปไหนกัน พี่อี๊ด (คุณแม่) จึงคอยทำอาหารอร่อยๆ ให้กิน พี่แก้วซึ่งเป็นเพื่อนบ้านมาร่วมแจมด้วยก็ทำชาสมุนไพรให้ดื่ม เราสามคนกินข้าวด้วยกันทุกมื้อ บางวันชวนกันไปแช่น้ำพุร้อน บางมื้อไปหาอาหารอร่อยกินกันในเมือง ฝนตกพรำๆ เราก็นั่งคุยกันสารพัดเรื่อง ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ จากมะระขี้นกไปจนถึงสิบหกตุลา...และน้ำมันกัญชา

หัวหินมีความสุข

ก่อนปิดทริปกลับเข้ากรุงเทพฯ ปักหมุดไว้ที่หัวหินแวะหาพี่โลเล - ทวีศักดิ์ ศรีทองดี ศิลปินและนักวาดภาพประกอบที่ได้รู้จักกันสมัยทำงานนิตยสารราวยี่สิบปีก่อน เราไม่ได้เจอกันเกือบสิบปีเห็นจะได้ แค่ติดตามและพูดคุยกันทาง FB เท่านั้น

พี่โลเลและน้องแพร (ภรรยา) เปิดร้านกาแฟชื่อ RONIN ซึ่งตั้งตามชื่อลูกชายสุดน่ารักสองคนคือ โรมัน + นินจา = โรนิน (ปัจจุบันย้ายร้านไปเปิดที่บ้านแล้ว) ตอนนั้นนินจายังไม่ถึงขวบเลย (ตอนนี้ 3 ขวบแล้วนะ) หลิงไปถึงหัวหินราวๆ เที่ยงวัน น้องแพรดูแลร้านอยู่ด้านล่าง ส่วนพี่โลเลกำลังดูแลนินจาอยู่ชั้นบน วันนั้นโรมันไปโรงเรียนจึงไม่ได้เจอกัน เรานั่งจิบกาแฟและอัพเดทชีวิตกันอีกครั้งหลังจากห่างหายกันไปนาน หลิงไม่เคยนั่งคุยกับพี่โลเลสารพัดเรื่องขนาดนี้มาก่อน เคยคุยกันก็แค่เรื่องงานหรือทักทายสั้นๆ ตอนเจอกันเท่านั้นเอง การได้เจอกันครั้งนี้ทำให้เรารู้จักและเป็นเพื่อนกันมากขึ้น หัวหินครั้งไหนๆ ก็ไม่เหมือนครั้งนี้ เพราะมันเต็มไปด้วย ‘ความสุข’ ที่พี่โลเลและครอบครัวแบ่งปันให้กับคนรอบข้างโดยที่พวกเขาอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

แทบจะทุกทริปที่เดินทางคนเดียว ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม จุดหมายของหลิงมักไม่ใช่ ‘สถานที่’ แต่เป็น ‘ใครสักคน’ ที่ทำให้การเดินทางนั้นมี ‘ความหมาย’ และเรามี ‘ความสุข’

    TAG
  • South Solo
  • Ling Bhirada
  • motoring
  • travel
  • culture
  • lifestyle

South Solo: บินเดี่ยวบิดเที่ยวด้ามขวาน 10 จังหวัด 14 วัน 3 พันกว่ากิโลเมตร

CULTURE/TRAVEL
5 years ago
CONTRIBUTORS
Ling Bhirada
RECOMMEND
  • CULTURE&LIFESTYLE/TRAVEL

    LEH, INDIA: เลห์ อินเดีย ทริปในฝัน ขอไปสักครั้งในชีวิต

    ทริปนี้เป็นการรวมเพื่อนพี่น้องที่รักจากทุกสารทิศของไทยก็ว่าได้ ทั้งมาคนเดียว มาเป็นคู่ มาเป็นกลุ่ม เกือบทั้งหมดเป็นสายขี่ มีสายกล้องจากหาดใหญ่มาด้วย 1 คู่ พอพวกเรามาเจอกันความหรรษาบ้าบอก็เกิดขึ้น นับเป็นอีกหนึ่งทริปที่ประทับใจที่สุดและยังคงคิดถึงอยู่เสมอ

    Ling Bhirada5 years ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/TRAVEL

    The Pinnacles AUSTRALIA: 1 Day Trip บิดเที่ยวทะเลทรายพินนาเคิลส์ ออสเตรเลีย

    การเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวในต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยาก อยากให้คุณลองสักครั้ง แล้วจะติดใจจนอยากไปอีกเรื่อยๆ หลิงชอบขี่ไปนอกเมืองหรือชนบทไกลๆ และทุกครั้ง...ถ้าไม่ขี่เลยก็ขี่หลงจนได้เจอที่แปลกใหม่แบบไร้นักท่องเที่ยวเป็นของแถมเสมอ

    Ling Bhirada5 years ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/TRAVEL

    ความอัจฉริยะครั้งใหม่แห่งการขับขี่รถยนต์ ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ใช้งานได้จริง

    ในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา EVERYTHING ได้มีโอ กาสร่วมทริปไปกับ MG แบรนด์รถสัญชาติอังกฤษ ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1924 เพื่อเที่ยวชมสถานที่ขึ้นชื่อ ณ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเวลา 2 วัน 1 คืน พร้อมกับรถยนต์คู่ ทริปอย่าง NEW MG HS ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน ด้วยรูปร่างโฉบเฉี่ยวสะดุดตา ผสมผสานความหรูหรากับ ความสปอร์ตได้อย่างลงตัว ตัวถังโค้งมนแบบ British Shoulder Line กระจังหน้าดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก กลุ่มดาวบนท้องฟ้า ห้องโดยสารกว้างขวางสไตล์รถ SUV ทุกๆ การดีไซน์นี้ยิ่งเสริมให้ประสบการณ์ในทริปนี้สมบูรณ์ แบบมากขึ้น

    EVERYTHING TEAMFebruary 2020
  • CULTURE&LIFESTYLE/MUSIC

    “INDIE UNDERRADAR” เพลงดีที่ถูกลืม EP_5 By MMdestro

    Check this out

    EVERYTHING TEAM7 months ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/MUSIC

    “INDIE UNDERRADAR” เพลงดีที่ถูกลืม EP_4 (Japanese Indie special) By MMdestro

    Check this out

    EVERYTHING TEAM10 months ago
  • CULTURE&LIFESTYLE/MUSIC

    “INDIE UNDERRADAR” เพลงดีที่ถูกลืม EP_3 By MMdestro

    Check this out

    EVERYTHING TEAMApril 2024
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )