LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
แชมป์ ฐกร วรรณวงษ์ แฟชั่นดีไซเนอร์หัวขบถ ผู้ชื่นชอบและหลงใหลในดนตรี แฟชั่น และซับคัลเจอร์ เริ่มเข้าสู่วงการแฟชั่นในปี 2015 ในฐานะครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ Takara Wong ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Trial And Error” กับความกล้าที่จะแตกต่าง ด้วยเทคนิค วัสดุ และดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมทั่วโลก หลังจากเปิดตัวคอลเล็คชั่นแรก “I Don’t Want To Survive, I Want To Live” Takara Wong ก็กลายเป็นแบรนด์ดาวรุ่งที่น่าจับตาอย่างยิ่งในวงการไฮสตรีทแฟชั่น อีกทั้งเขาเองยังคว้ารางวัลรองชนะเลิศจากเวที Vogue Who’s on Next 2017 มาครองด้วย ปัจจุบันความสำเร็จของแบรนด์ Takara Wong ไม่ใช่แค่เติบโตในประเทศ แต่ยังก้าวขยายสู่มัลติสโตร์ในต่างประเทศ พร้อมกำลังกำเนิดแบรนด์ใหม่ TKW เพื่อจับกลุ่มลูกค้าสายสตรีทที่วัยรุ่นขึ้นด้วย
Photographer:
Suppha-riksh Phattrasitthichoke
Writer:
Rujira Jaisak
Website:
www.takarawong.com
facebook:
takarawongbkk
Instagram:
takarawongofficial
TRIAL & ERROR
ฐกร วรรณวงษ์ ก้าวต่อไป กับการก้าวกลับมา
สู่ตัวตนของ TAKARA WONG
นับตั้งแต่ “I Don’t Want To Survive, I Want To Live” คอลเล็คชั่นแรกของ Takara Wong เปิดตัวขึ้นในปี 2016 ผู้ปลุกปั้นแบรนด์อย่างแชมป์ ฐกร วรรณวงษ์ ก็สะท้อนถึงจุดยืนที่กล้าปลดปล่อยแฟชั่นให้เป็นอิสระจากขนบทั้งหลาย ด้วยการหยิบจับผ้าเนื้อหนามาดีไซน์เป็นโอเวอร์โค้ทยาวที่ขัดกับสภาพอากาศบ้านเราออกสู่ตลาดตั้งแต่ครั้งแรก กลายเป็นว่าความร็อก ความพังก์ ความกล้า และการกลับสู่ตัวตนที่พ้นจากกฏเกณฑ์ ดูเหมือนจะเป็นดีเอ็นเอของแบรนด์ที่โดนใจเหล่าคนในวงการครีเอทีฟ ดีไซเนอร์ สไตลิสต์ ศิลปิน จนถึงนักดนตรี ปัจจุบัน Takara Wong ไม่ใช่แค่แบรนด์ ไฮสตรีทแฟชั่นที่น่าจับตาในประเทศไทยเท่านั้น แต่เริ่มก้าวขยายสู่ต่างประเทศแล้ว
ดีไซน์ไดเร็กเตอร์ ที่ไม่ได้จบด้านแฟชั่น แต่ก้าวสู่เจ้าของแบรนด์น้องใหม่ที่น่าจับตาในวงการไฮสตรีทแฟชั่น
“ผมไม่ได้จบแฟชั่นดีไซน์มา” แชมป์เกริ่นกับเรา ใช่แล้ว เพราะก่อนนี้เรารู้จักแชมป์ ในภาพเจ้าของร้านอาหารมาก่อน
“จริงๆ ผมเรียนจบด้าน Creative Marketing มา เพราะคิดว่าจะกลับมาทำธุรกิจที่ที่บ้านทำอยู่ แต่มันมีจุดเปลี่ยนเมื่อตอนไปเรียนที่ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ทำให้ได้ใช้เวลาถามตัวเองว่าชอบอะไรกัันแน่ ผมได้คำตอบว่าชอบแฟชั่นมาตั้งแต่เด็ก แค่ไม่รู้ว่าตัวเองทำได้ ตอนนั้นก็ฝึกเป็นเชฟในโรงแรมไปด้วย และลองฝึกวาดรูปฝึกดีไซน์ไปด้วย ปรากฏว่าตัวเองทำได้นี่หว่า ด้วยความมีเพื่อนในกลุ่ม Subculture เยอะ ไม่ว่าจะเป็น เด็กสเก็ตบอร์ด นักดนตรี ศิลปิน ดีเจ เป็นต้น ที่มีส่วนพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ผมกลับมาคิดว่าแล้วเราจะทำอะไรตรงนั้นได้บ้าง จึงเป็นที่มาของการก่อตั้งแบรนด์ Takara Wong ในปี 2015 ครับ”
ผู้คนรอบตัว หนังสือ ภาพยนตร์ ดนตรี ซับคัลเจอร์จากทั่วโลก บวกกับกระบวนความคิดในการทำงานภายใต้แนวคิด “Trial And Error” ล้วนเป็นองค์ประกอบที่นำมาสู่การสร้างสรรค์คอลเล็คชั่น Takara Wong ที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการแฟชั่น โดยปัจจุบัน Takara Wong ออกคอลเล็คชั่นมาถึง 10 คอลเล็คชั่นแล้ว
Favorite Collection
“ถ้าจะพูดถึงคอลเล็คชั่นที่ผมชอบมากที่สุด ก็คงเป็นคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2020 ที่เพิ่งดีไซน์เสร็จครับ เป็นงานที่ผมกล้าเป็นตัวเอง กล้าบอกให้โลกรู้ว่า สไตล์หรือตัวตนจริงๆ ของเราเป็นอย่างไร ทุกอย่างที่เราเคยเก็บไว้และไม่กล้าบอกใครสักที ก็มาใส่ในคอลเล็คชั่นนี้แทบทั้งหมดเลยครับ ผมไม่กลัวว่าคนจะไม่ชอบแบรนด์อีกต่อไป เพราะผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะเดินทางนี้ครับ”
จุดเด่นของคอลเล็คชั่นนี้ คือ กลิ่นอายความเป็นวงดนตรีร็อกแอนด์โรลยุค 80s ในโทนสีขาวดำ กับการใช้วัสดุหนังแท้กับเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย อย่าง แจ็คเก็ตหนัง เสื้อกั๊กหนัง เสื้อกล้ามหนัง และ Underwear หนังที่มีความเป็น “Fetish” ผสานกับลายพิมพ์ รวมทั้งเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงที่ใช้หนังสไตล์ไบค์เกอร์มาทำเป็นเดรส “มีหลายตัวในคอลเล็คชั่นนี้ที่ผมชอบ และบ่งบอกความเป็นตัวเราได้มาก เช่น ผู้ชายกล้าใส่สั้นขนาดนี้เลย แต่จริงๆ แล้วสมัยก่อน ผู้ชายใส่เสื้อแค่ใต้ราวนมก็มีนะ ก็คือกล้าทำในคอลเล็คชั่นนี้แหละ ภายใต้แบรนด์ Takara Wong ที่อาจจะเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง”
SS 202
Collection
Takara Wong กับก้าวเติบโตในวงการแฟชั่น
หลังจากเปิดตัวแบรนด์ได้เพียง 2 ปี แชมป์ก็สามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศจากเวที Vogue Who’s on Next ปี 2017 และต่อเนื่องไปถึงรางวัล Vogue Talents จาก Vogue Italia ทำให้แบรนด์ Takara Wong เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการแฟชั่นมากขึ้น ทั้งยังขยายกลุ่มตลาดจากวัยรุ่นสู่ลูกค้าวัยโตขึ้น แม้เส้นทางของแบรนด์จะก้าวไปในทิศทางที่ดี แต่เขายังคงจุดยืนที่จะไม่มีแฟลกชิปสโตร์ของตัวเอง “ผมวางเป้าหมายสำคัญไว้ว่าจะนำพาแบรนด์เข้าสู่มัลติสโตร์ชั้นนำต่างๆ ของโลก ซึ่งปัจจุบัน Takara WonG ก้าวมาได้สเต็ปหนึ่งแล้ว คือมีวางขายในมัลติแบรนด์สโตร์ ที่เกาหลี นิวยอร์ก และมีโชว์รูมที่ฝรั่งเศสแล้วครับ”
“ส่วนตลาดประเทศไทย ผมมี 2 ไลน์ครับ คือ แบรนด์ Takara WonG กับ TKW ที่เปิดขึ้นมาเพื่อปิดช่องโหว่ของแบรนด์ เพราะ Takara WonG ราคาสูงนิดนึง และคุณภาพดีกว่า แต่ก็มีวัยรุ่นบางคนที่อยากมีสไตล์ที่คล้ายๆ Takara WonG ในราคาที่ย่อมเยาลง ทำให้เรามี Takara WonG เป็นแบรนด์พี่ชาย ส่วน TKW เป็นแบรนด์น้องชาย ที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แต่พี่ชายอาจจะชอบฟังเพลงร็อก ส่วนน้องชายฟังเพลงฮิปฮอป ทำให้เราสามารถเข้าถึงตลาดได้ตั้งแต่อายุ 13 - 35 ปีเลยครับ และตอนนี้ก็ทำไลน์เสื้อผ้าผู้หญิงด้วย รวมถึงพวกแอคเซสซอรี่ อย่างรองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับ เป็นต้นครับ”
Mood Board ที่บอกเล่าตัวตนความเป็น Takara Wong
“ผมชอบโทนสีขาว เทา ดำ กับมู้ดของยุค 80s ไม่ว่าจะเป็น CBGB มิวสิกคลับในนิวยอร์ก ที่เป็นแหล่งสร้างศิลปินหน้าใหม่ในยุคนั้น ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้ผมสำหรับการทำคอลเล็คชั่น Spring/Summer 2020 นี้ด้วย จนถึงศิลปินไอดอลอย่าง David Bowie หรือรูปของกลุ่มวัยรุ่นในเบอร์ลิน เพราะผมจะชอบดนตรีอยู่ 2 สไตล์ คือ ร็อก และอิเล็กทรอนิกส์ หรือเฮาส์ อีกทั้งยังมีรูปการประท้วงของกลุ่ม LGBT เพราะว่าคิดว่าสมัยนี้ ไม่น่าจะมีการประท้วงเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว สอดแทรกด้วยแบบ สเก็ตรองเท้าแบบใหม่ของผม กับโลโก้ใหม่เป็นกงจักรโลหะ หรือ The Rowel ที่มักเป็นสัญลักษณ์ของข้าราชการชั้นสูง แต่นำมาประยุกต์เป็นโลโก้ใหม่ที่แฝงถึงการเสียดสีการเมืองของไทยอยู่ด้วย”
โลกแฟชั่นที่จะย้อนหมุนกลับไปสู่ทุกสไตล์เทรนด์ที่ผ่านมา กับก้าวต่อไปของ Takara Wong
“เรื่องของเทรนด์แฟชั่น ผมคิดว่าอย่างไรแล้ว มันก็จะหมุนไปหาทุกๆ สไตล์ที่มันเคยผ่าน หรือเคยเกิดขึ้นมาบนโลกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่คิดว่าเป็น What’s Next ต่อไปในโลกแฟชั่น ผมมองว่าคนในวงการแฟชั่นหรือดีไซน์ เริ่มคำนึงถึงโลกมากขึ้นครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้หนังสัตว์เยอะ แต่ต่อไปอาจจะเริ่มลดลง ในขณะที่บางแบรนด์ก็เริ่มแบนการใช้ขนสัตว์และหนังสัตว์บ้างแล้ว หรือแบรนด์ขายรองเท้า ที่นำยอดขายส่วนหนึ่งมาทำรองเท้าให้เด็กที่ขาดแคลนใส่ เป็นต้น ผมว่าทิศทางโลกต่อไป คือ ทุกอย่างมันต้องมีทั้งการรับ และการให้ เพื่อสร้างบาลานซ์ให้กับโลกและสังคมด้วยครับ
“ส่วนก้าวต่อไปของผม กลับกลายเป็นว่า ผมจะก้าวกลับมาสู่ตัวตนจริงๆ ของผม ที่ผ่านมามันก็เป็นตัวตนแหละ แต่ก็ทำให้ถูกใจตลาดด้วย เพราะแฟชั่นมันเป็นพาณิชย์ศิลป์ ต้องทำให้ขายได้ แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่า อยากขายตัวตนตัวเองจริงๆ ทำให้ก้าวกลับมาสู่จุดเริ่มต้นที่ตัวเองชอบจริงๆ อย่างความเป็นยุค 80s เป็นการบอกให้โลกรู้ว่า เราคือใคร เราชอบอะไร”
“อีกก้าวหนึ่งคือ ผมอยากทลายความเป็นแฟชั่นที่มันมีเส้นแบ่งอยู่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง ซึ่งจริงๆ แล้วเขาทำกันมานานแล้ว แต่ผมก็อยากเป็นอีกคนหนึ่งที่ร่วมออกมาทำด้วย”
“ผมว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่เสื้อผ้าไม่จำเป็นต้องเป็นสัญลักษณ์ของเพศใดเพศหนึ่งครับ”
TAG
TRIAL & ERROR ฐกร วรรณวงษ์ ก้าวต่อไป กับการก้าวกลับมา สู่ตัวตนของ TAKARA WONG
/
CONTRIBUTORS
RECOMMEND
/
เพียงแค่ผลักประตูเข้าไปในคลับดีเจแห่งหนึ่ง แสง Laser จาก Beam light ก็พุ่งเข้าใส่พร้อมกับเสียงเบสของบีต Tech House เข้ามาเร้าอารมณ์ความรู้สึกจนอยากจะขยับไปตามเสียงที่ได้ยิน ซึ่งท่ามกลางการเกิดขึ้นของดีเจหน้าใหม่ที่ไม่ซ้ำกันในช่วงนี้ เราก็พบว่าเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ในแนว House และ Techno ของดีเจคนหนึ่งสามารถปลดปล่อยผู้คนให้เข้าสู่จังหวะการเคลื่อนไหวที่สนุกสนานและมีพลังงานได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เขาคือ “DJ IYY” ไอคอนแห่งวงการดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ “Tech House” ในปัจจุบัน
/
ในช่วงเวลาบ่ายที่สายลมอ่อน ๆ แดดบาง ๆ ผสานกับเสียงการกระทบกันของคลื่นน้ำแถวริมทะเลบางแสน รถ Honda Ct125 คันหนึ่งได้เข้ามาจอดเทียบ เราได้เห็นชายใส่แว่นสีชาก้าวลงจากรถและถอดหมวกกันน็อคออก พร้อมกับส่งเสียงทักทายว่า “สวัสดีครับ ผม YoSecrete”
/
ในโลกที่ให้คุณค่ากับความทรงจำ และด้อยค่าความหลงลืม แต่คุณค่าของทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ บางครั้งความทรงจำอาจเป็นการแบกรับประสบการณ์อันทุกข์ยากเลวร้ายเอาไว้ ในขณะที่ความหลงลืมกลับทำหน้าที่ปลดเปลื้องความทุกข์ยากนั้น มีนิทรรศการศิลปะร่วมสมัยนิทรรศการหนึ่งที่พูดถึงมุมกลับของความทรงจำและความหลงลืมนี้ได้อย่างน่าสนใจ นิทรรศการนั้นมีชื่อว่า A Primer for Forgetting ซึ่งเป็นนิทรรศการคู่ของสองศิลปินต่างแนวทางอย่าง นิพันธ์ โอฬารนิเวศน์ และ ลัทธพล ก่อเกียรติตระกูล ที่เป็นเหมือนสองด้านของเหรียญที่อยู่ตรงข้าม แต่ก็มีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน
/
Frieze London เป็นหนึ่งในงานแสดงศิลปะร่วมสมัยที่สําคัญที่สุดในโลก ที่จัดขึ้นในกรุง ลอนดอน ซึ่งในปี 2023 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 20 ปีของ Frieze London ได้มีการจัดโครงการ พิเศษอย่าง Artist-to-Artist ที่ให้ศิลปินชื่อดังระดับโลกอย่างเช่น โอลาฟัวร์ เอลีย์เออซัน (Olafur Eliasson), เทรซี เอมิน (Tracey Emin), วูล์ฟแกง ทิลมันส์ (Wolfgang Tillmans) หรือแม้แต่ศิลปินไทยชื่อก้องโลกอย่าง ฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช (Rirkrit Tiravanija) ให้มานําเสนอ ศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าจับตาจากทั่วโลกมาจัดแสดงผลงานนิทรรศการแสดงเดี่ยวในงานนี้เป็น ครั้งแรก และหนึ่งในศิลปินรุ่นใหม่ที่ฤกษ์ฤทธิ์เสนอชื่อให้จัดแสดงนิทรรศการเดี่ยวในงาน แสดงศิลปะร่วมสมัย Frieze London ในปีนี้ ก็คือศิลปินร่วมสมัยชาวไทยผู้มีชื่อว่า วันทนีย์ ศิริพัฒนานันทกูร (Wantanee Siripattananuntakul) นั่นเอง
/
"เป๋ง-ชานนท์ ยอดหงษ์" คืออาร์ตไดเรกเตอร์สไตล์จัดแห่ง DogKillMen ผู้อยู่เบื้องหลังปกอัลบั้มของวงดนตรีระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Big Ass, Bodyslam และ Bomb at Track และล่าสุด เป๋งยังได้กระโดดเข้ามาเป็นอาร์ตไดเรกเตอร์แห่ง ‘RedLife’ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้ก้าวเข้ามาสู่วงการภาพยนตร์ โดยเป๋งรับผิดชอบในการออกแบบโลโก้ โปสเตอร์ ไปจนถึงเป็นมันสมองสำคัญในการอัดฉีดสไตล์มันๆ ให้กับหนังเรื่องนี้
/
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา กระแสความเฟื่องฟูของวงการดนตรีไทยนั้นกำลังกลับได้ความนิยมอีกครั้ง จนเรียกได้ว่าหันไปทางไหนก็มีวงดนตรี ศิลปินกลุ่ม หรือศิลปินเดี่ยวหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย สร้างความเนื้อเต้นปะปนไปกับความดีใจให้กับคนฟังไทยที่ได้เห็นอุตสาหกรรมนี้ได้เติบโตขึ้นอีกครั้ง และท่ามกลางบรรยากาศความคึกคักเหล่านั้น “TAMP” ศิลปินหนุ่มจากค่าย NEW WAV. Entertainment ที่เพิ่งเดบิวต์เปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2023 ที่ผ่านมา ก็เป็นดาวรุ่งอีกดวงหนึ่งที่กำลังจะฉายแสงออกมาให้เราได้เห็น
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )