LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING


“การดูงานศิลปะ ดูหนัง ฟังเพลง หรือการอ่านบทความ คือมันเป็นการเติมน้ำมันให้ร่างกาย สมมติว่าผมไม่ได้ชอบเรื่องอาหารเลย แต่ผมไปเสพหรืออ่านอะไรที่มันเกี่ยวกับอาหาร แค่นั้นมันก็จะมีไอเดียเรื่องอาหารมาต่อยอดในการทำงานของผมได้” คุณไปป์ ธวิศรุต บุรพัฒน์ ผู้เป็น Creative และ Marketing Manager ของ Siam Discovery มานั่งพูดคุยกับ EVERYTHING ในเรื่องการทำงานและแอตติจูดดีๆ ทำให้เราเห็นว่าในทุกผลงานที่ถูกกลั่นจากความคิดของคุณไปป์ มักจะมีความเป็นอาร์ต สนุกสนาน และความคิดสร้างสรรค์ที่ Fresh เสมอ และสิ่งเหล่านี้กลายเป็นคาแรคเตอร์งานจากฝีมือเขา ซึ่งหนึ่งในงานที่เราได้เห็นกันล่าสุดที่คุณไปป์มีส่วนร่วมในการครีเอทโปรเจกท์ครั้งนี้โดยตรง คือ FUTURE LAB ณ บริเวณชั้น 1 ของ Siam Discovery

Q: FUTURE LAB คืออะไร?
“จริงๆ มันคือโซนใหม่ เรียกว่าเป็นโปรเจกท์ใหม่ของ สยาม ดิสคัพเวอรี่ โจทย์มันเริ่มจากว่า เราอยากจะสร้างโซนนึงขึ้นมา โซนนี้เป็นโซนที่มาจากการรีเสิร์ชอินไซด์ของลูกค้าจริงๆ เพราะทุกวันนี้ร้าน รีเทลต่างๆ มันจะต้องปรับเปลี่ยน มันเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ มันมีคนซื้ออนไลน์ ช้อปปิ้งอยู่ที่บ้านกันแล้ว เราเลยมานั่งคิดกันว่า ที่จะทำให้พื้นที่ใหม่ตรงนี้มันไม่ใช่แค่พื้นที่ขายของธรรมดา ให้มันเป็น Experience ใหม่ๆ ที่ตลาดออนไลน์ให้ไม่ได้ อันนั้นคือที่มา”


“ลองนึกภาพว่า Future labs โซนนี้เนี่ยมันเป็นโซนที่อยู่ถาวร แต่สิ่งที่อยู่ข้างในหรือโปรดักท์ข้างในมันจะถูกเปลี่ยนตลอดในทุกๆ สามเดือน รองเท้าที่เป็นสินค้าล่าสุดของโซนนี้ก็จะอยู่ประมาณ 50 วัน พอครบ 50 วันก็จะเปลี่ยนเป็น Volume อื่น ต่อไปครับ”
“ที่บอกว่าเราทำรีเสิร์ชอินไซด์ของลูกค้า สิ่งที่เราเห็นคือ รองเท้าคือสิ่งที่คนพูดถึงเยอะที่สุดตอนนี้ ทุกเพศวัยเลยครับ เราเลยทำกับรองเท้าเป็น Volume แรก โดยใน Future Labs มันจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 50% แรกจะเป็น Exhibition ส่วน 50% ที่สองคือ Hyper-personalize และมันจะเป็นแบบนี้ตลอด เปลี่ยนแค่ตัวโปรดักท์”
“ในทุกๆ ครั้งจะมีพาร์ทเนอร์เป็น Global แบรนด์หนึ่งอัน Volume แรกเราทำกับ Global แบรนด์ซึ่งก็คือ Converse มาดูแลในซีกของ Hyper-personalize ส่วนอีกหนึ่งซีกที่เป็น Exhibition เราทำกับ Soul4street เขาเข้ามาช่วย Curate รองเท้า จำนวน 100 คู่ที่ Sold Out หรือหายากก็เอามาให้รับชมกัน สิ่งที่มุ่งหวังไว้ก็คือเวลาคนมาที่โซนนี้เขาจะต้องมีไอเดียเรื่องรองเท้าจากซีก Exhibition ก่อน จากนั้นก็เดินไปซีก Hyper-personalize เพื่อที่จะ Custom รองเท้าของตัวเองครับ”






“Concept ของโซนนี้เป็นสิ่งที่พูดถึงเทรนด์ด้วย ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา คนมักจะพูดถึงการ Colaboration เยอะ รวมทั้งการเป็น Limited Edition ก็เยอะเหมือนกัน แต่สิ่งที่เรามาวิเคราะห์กันก็คือ ใครๆ ก็ Limited Edition กันหมดแล้วนะ มันเป็นกิมมิคหนึ่งของมาเก็ตติ้งไปแล้ว แต่ Limited Edition เนี่ยสมมติมันทำมา 1,000 คู่ สิ่งที่เราคิดว่ามัน Limited Edition ของเราก็ยังจะไปเหมือนกับอีก 999 ที่เหลือเหมือนกัน เราก็เลยคิดว่า สิ่งที่มันไปไกลกว่า Limited Edition ก็คือ Your Limited Edition คือในปีนี้ และปีที่ใกล้จะถึงนี้ ผมว่าเทรนด์มันกำลังมาแล้ว คนเริ่มที่จะอิ่มกับ Fast Fashion เราเริ่มอิ่มกับ Limited Edition เราเริ่มจะหาอะไรที่มัน Personal ขึ้น จึงกลายเป็นซีกของ Hyper-personalize และที่มันต้องมีคำว่า Hyper มาด้วย ก็เพราะเราจะโซนนี้มี Consultant มานั่งคุยด้วย คือมันจะไม่ใช่ Options ให้คุณมาเลือกนะ แต่มันจะเป็นการพูดถึงไลฟ์สไตล์ของคุณ แล้วค่อย Adapt ให้เข้ากับตัวคุณมากที่สุด”
“โปรเจกท์ในครั้งนี้ เราทำงานกับศิลปินเยอะมาก 50 วันก็ 50 คน เราจะแบ่งเป็น Week Day กับ Week End ส่วนของ Weekend ก็จะเป็นอาร์ตทิสเป็นกลุ่ม เป็นสตูดิโอ ที่ผ่านมาก็จะมี Black Light ที่เป็นปาร์ตี้นะครับ และมี Smile Club โห มีหลายคนเลยนะที่เป็นสตูดิโอ แล้วก็จะมีแบรนด์ต่างประเทศ Yeti House, OKOK ฯลฯ พวกเขาก็จะมา Takeover ช่วง Weekend คือถ้ามาวันปกติ เราก็จะ Custom เป็นสไตลืของเรา แต่ถ้ามาเจอแก๊งศิลปิน อาร์ตทิส หรือสตูดิโอ เขาก็จะมีดีไซน์พิเศษที่เป็นคาแรคเตอร์เฉพาะของเขาด้วย ถ้าอยากเจอก็ต้องมาให้ตรงวัน ส่วนวันธรรมดาก็จะเป็น Local Artist เรียกว่าเป็น Converse X มาแบบหน้าไม่ซ้ำเลย คือเมื่อก่อนเราจะติดตามศิลปินดูผลงานเขาต่างหาก แต่อันนี้มันคือการที่เราได้ร่วมออกแบบรองเท้ากับเขา ก็เป็นอะไรที่สนุกและน่ารักไปอีกแบบครับ”


Q: งานอดิเรกชอบทำอะไรบ้าง?
“ปกติผมเป็นคนชอบเรื่องศิลปะ แฟชั่น และผมทำงานหลายอย่างมาก เพราะชอบหลายอย่าง ตอนกลางวันก็เป็นมาเก็ตติ้งให้ SIAM PIWAT ดูโปรเจกท์ต่างๆ ในเครือของ SIAM PIWAT ส่วนตอนกลางคืนก็เป็น DJ อันนี้เป็นพาร์ทที่ชอบมากๆ ครับ เพราะมันเป็นอาชีพที่มันสนุก มันทำให้เราชุ่มชื่นหัวใจน่ะ (ยิ้ม) แล้วตอนนี้ก็มีทำหมวกในชื่อแบรนด์ Attack and Release แล้วก็ผมกำลังจะเปิดค่ายมวยด้วย อันนี้เป็นโปรเจกท์ที่ผมกับ นิก เจ้าของ Black Light และ โจ๊ก Urface สามคนหุ้นกัน เปิดเป็นยิมรูปแบบใหม่ คือต้องเล่าก่อนว่า ผมเคยทำบริษัทที่จัดปาร์ตี้มาก่อน ส่วนใหญ่ทุกคนก็มักจะเจอกันในปาร์ตี้มาก่อน แต่เราก็เริ่มเบื่อแล้วน่ะครับ (ฮา) อีกอย่างคือ เพื่อนๆ พี่ๆ หลายคนก็โตกันแล้วน่ะ จะชวนไปปาร์ตี้ก็ยากแล้ว ก็เลยมานั่งคิดกันว่า เราจะทำธุรกิจอะไรดีที่มันเฮลธี่ขึ้น และไม่สีเทา เป็นสีขาวเลย ซึ่งการออกกำลังกายก็น่าจะเป็นคำตอบ ตอนนี้ก็เป็นโปรเจกท์ล่าสุดที่กำลัง Develop กันอยู่ ก็จะได้เห็นกันช่วงต้นปี 2020 มี DJ มาเปิดเพลงให้ฟังด้วย ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนชอบกลางคืนครับ (Q: ไหนลองฝากร้านหน่อย!) ยิมชื่อ SOLAR ที่แปลว่า แสงอาทิตย์ ตั้งอยู่แถว WAREHOUSE 26 คือผมทุ่มมาก ทั้งเวลาและพลัง ก็หวังว่ามันจะเป็นสีสันให้กับวงการมวยก็ตาม และการออกกำลังกายก็ตามครับ อ๋อ แล้วก็มีอีกโปรเจกท์หนึ่งครับ ผมทำปาร์ตี้ Offline Disco Club มันเป็นปาร์ตี้ดิสโก้รายเดือน ทำเดือนละครั้งที่ Studio Lam ตีมเป็นดิสโก้ยุค 70s 80s แล้วก็เปลี่ยน Guess ไปเรื่อยๆ ครับ อยากให้มาสนุกกันนะครับ”

Q: ความท้าทายของการดูแลหลายโปรเจกท์คืออะไร?
“เวลา” ผมไม่เคยเห็นค่าของเวลาเท่าวันนี้เลยครับ คือเมื่อก่อนผมทำงานบริษัทตัวเอง มันยืดหยุ่นได้ มันจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พอมาทำองค์กรแบบนี้มันมีเวลาที่ตายตัว แต่เราก็มีเวลาเจ็ดวันเท่าเดิม เราต้องแบ่งเวลาให้ตัวเอง แบ่งเวลาให้ครอบครัว ให้ที่ทำงาน งานนอกก็ด้วย ก็เลยรู้สึกว่าเมื่อก่อนไม่เห็นจะต้องดูเรื่องเวลาเลย เดี๋ยวนี้ทุกอย่างต้องวางแผนหมด วันนี้ทำโปรเจกท์ให้จบ เสาร์นี้ไปดูเรื่องยิม วันอาทิตย์ทานข้าวกับครอบครัว มันไม่เคยต้องมาแพลนมาก่อนแบบนี้เลยครับ เลยคิดว่า จริงๆแล้วคนที่เก่งๆ มันไม่ใช่แค่สกิลอย่างเดียวนะ เขาจะต้องเก่งเรื่องการบริหารจัดการด้วย นี่เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จริงๆ เลยครับ”
ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าเรากำลังพูดคุยอยู่กับคนเก่งอีกคนหนึ่งในวงการ ที่มีทั้งแอตติจูดที่ดีและยังมีผลงานหลากหลายโปรเจกท์ให้เราเห็นที่เป็นเครื่องการันตีความคล่องตัวของเขา และแน่นอนว่าเราจะได้เห็นโปรเจกท์สุดครีเอทีพจากเขาคนนี้อีกแยะ รอติดตามกัน!
คิด / สร้าง / ปั้นโปรเจกท์ แบบ “ไปป์ ธวิศรุต”
/
แค่ได้อ่านชื่อ ก็เชื่อว่าคิ้วของทุกคนคงต้องผูกกันเป็นปมด้วยความสงสัยแล้วว่า ‘บะหมี่ถ้วย ใช้ชื่อนี่เป็นชื่อศิลปินจริงดิ’, ‘มาทำเพลงเอาตลกหรือเปล่าเนี่ย’ บอกไว้ก่อนเลยว่า ไม่ ไม่ตลกเลย เพราะชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังผลงานเพลงของ Cupnoodle หรือ “ซาช่า โจสท์” นั้น เต็มไปด้วยความพยายาม ความตั้งใจ จนบางครั้งก็ต้องยอมเสียสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ได้ไขว่คว้าความฝันวัยเด็กในการเป็นศิลปิน ที่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านนั้น เธอแทบจะผ่านประสบการณ์การลงมือทำมาหมดทุกอย่างแล้วเพื่อเข้าใกล้วงการดนตรีให้ได้มากที่สุด (ซึ่งเยอะจนเราเชื่อว่าคงเขียนเล่าได้ไม่ครบ) แต่แม้จะมุ่งมั่นออกตัววิ่งบนเส้นทางนี้ไปด้วยความรวดเร็วมากเท่าไหร่ ซาช่า ที่ ณ ตอนนั้นใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอน ก็ยังคงไม่เห็นเส้นชัยของตัวเองสักที
/
ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ
/
วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว
/
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ
/
Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia
/
ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )