
LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING

นพดล ขาวสำอางค์ กับผลงานถ่ายภาพเซ็ตแฟชั่นในนิตยสาร ให้กับ EVERYTHING ที่แรก!
หลังจากการพบกันเมื่อครั้งในงาน Photography Exhibition by Nopadon Kaosam-ang ที่ทำให้ประตูสตูดิโอ About Photography บนถนนไมตรีจิตถูกเปิดขึ้นอีกครั้งสำหรับงานแสดงภาพถ่ายขาวดำที่จัดขึ้นวันเดียว ในวาระครบรอบอายุ 60 ปีของ นพดล ขาวสำอางค์ หรือพี่โก๋ ช่างภาพรุ่นใหญ่แห่งยุคกล้องฟิล์ม ที่ห่างหายจากวงการถ่ายภาพนับสิบกว่าปี นำมาสู่การพบกันอีกครั้งที่สตูดิโอศิลปะ SOI SA:M ของโชน ปุยเปีย แห่งแบรนด์ ‘SHONE PUIPIA’ ที่ในครั้งนี้จะเป็นการจับกล้องกดชัตเตอร์สำหรับถ่ายแฟชั่นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ของเขาให้กับ EVERYTHING ที่แรก (และอาจเป็นที่เดียว)


หลังจากร้าน About Cafe เปิดขึ้นตรงหัวมุมถนนไมตรีจิต และกลายเป็นแหล่งนัดพบคนทำงานสร้างสรรค์ ศิลปิน และวัยรุ่นในยุคนั้น เขาก็แทบจะไม่ได้ถ่ายงานแฟชั่นอีกเลย จนตำนานของคาเฟ่สายอาร์ตปิดตัวลง เมื่อ 10 ปีก่อน เขาจึงหันไปใช้เวลากับการรีโนเวทบ้านเก่าหลายหลังในจังหวัดสงขลาเสียมากกว่า โดยนานๆ ครั้งจึงจะกลับมาจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายที่กรุงเทพฯ ในสไตล์ภาพพอร์ตเทรตขาว-ดำ หรือภาพที่สะท้อนความหลงใหลในงานกราฟิก งาน Typography และงานสถาปัตยกรรมที่เป็นความชอบส่วนตัวของพี่โก๋ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เช้าวันอาทิตย์วันนั้นจึงเป็นการถ่ายเซ็ตแฟชั่นที่เหมือนย้อนบรรยากาศสู่ช่วงเวลาเมื่อ 20 ปีก่อน กับการทำงานที่พี่โก๋จะปล่อยให้นางแบบได้โชว์อินเนอร์ความเป็นตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ ถ่ายทอดสู่ภาพถ่ายขาว-ดำ จากกล้องฟิล์มคลาสสิคคู่มือ

ไม่ได้ถ่ายภาพแฟชั่นสำหรับนิตยสารมานานแค่ไหนแล้ว
“นานมาก ตั้งแต่สมัยทำ About Cafe ก็ประมาณ 20 ปีได้ จริงๆ แล้วเริ่มต้นจากถ่ายภาพแฟชั่น ในสมัยนั้นก็คือเริ่มต้นตั้งแต่นิตยสารลลนา (นิตยสารที่เปิดตัวในช่วงปี 1973 - 1995) ที่ผมได้ไปเป็นผู้ช่วยช่างภาพ ก่อนจะออกมารับงานถ่ายภาพเอง จากนั้นงานก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากแฟชั่น เป็นปกเทป งานโฆษณา จนถึงงานอินทีเรียให้กับนิตยสาร Elle Decoration เพราะส่วนตัวชอบถ่ายงานอินทีเรีย และงานสถาปัตยกรรม ตึกรามบ้านช่องต่างๆ แล้วก็ไม่ได้จับกล้องถ่ายแฟชั่นอีกเลย หลังจากเปิด About Cafe” “จนคาเฟ่ปิดตัวลง และเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ผมก็ไปสนุกกับการทำบ้านที่สงขลามากกว่า ก็ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเท่าไหร่ นานๆ ทีจะจัดแสดงงาน คือสัก 2 ปีครั้งนึง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาพถ่ายพอร์ตเทรตที่เราถ่ายเก็บๆ ไว้มากกว่างานแฟชั่น แต่ก็ยังไปๆ มาๆ ระหว่างสงขลา-กรุงเทพฯ อยู่ เพียงแค่ ช่วงแรกอยู่สงขลานานหน่อย แต่มาช่วงนี้สงขลาบูมมาก คนไปเที่ยวสงขลาเยอะ ทำให้เมืองไม่เงียบสงบเหมือนช่วงแรกที่เราไปอยู่แล้ว”


ความสนุกของการถ่ายภาพในยุคนั้น
“เรายังอยู่ในยุคฟิล์ม สมัยนั้นช่างภาพแฟชั่นยังมีไม่เยอะ ค่อนข้างมีอิสระในการทำงาน และมีช่องทางให้เราเลือกหาสไตล์ที่เป็นตัวเองได้สนุกมาก ซึ่งเราก็ยืนหยัดต่อเนื่องในแนวทางนี้ของเรามาจน 20 ปีแล้ว ทำให้คนเห็นชัดเจนว่านี่เป็นสไตล์งานของเรา ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ช่างภาพอาจจะหาช่องทางได้ยากกว่า เพราะทุกคนสามารถเป็นช่างภาพได้ โลกถึงกัน ส่วนเทคนิค ก็ทันกันหมด ต่างจากสมัยก่อนที่จะคิดเทคนิคถ่ายภาพได้ สักอย่าง คือต้องพยายามไม่ให้เหมือนคนอื่น และเป็นแมนนวลกว่ายุคนี้ มันไม่เหมือนสมัยนี้ที่ทุกอย่างมันง่าย และง่ายเกินไป”

ทำไมถึงอยากกลับมาถ่ายภาพแฟชั่นในนิตยสารอีกครั้ง
/ “เริ่มต้นจากได้เจอหมู (นนทวัฒน์ เจริญชาศรี Editor- In-Chief ของ EVERYTHING) ในนิทรรศการของเราที่ About Photography ทำให้หมูได้เห็นว่าเรากำลังกลับมาแสดงงานอีก ก็เกิดการพูดคุยชักชวนให้มาถ่ายแฟชั่นลงนิตยสารอีก ทำให้เรานึกสนุกขึ้นมา และขอถ่ายแฟชั่นเซ็ตหนึ่งลงในเล่มนี้”

ทำไมเลือกโลเคชั่นเป็นที่สตูดิโอ SOI SA:M ของโชน ปุยเปีย
“ผมเรียนกราฟิกดีไซน์ และชอบถ่ายสถาปัตยกรรม อยู่แล้ว ทำให้เวลาถ่ายภาพจะอาศัยมุมมองด้านศิลปะและการออกแบบกราฟิกที่เรียนมาใช้ด้วย โดยเน้นด้านการสื่ออารมณ์ มากกว่าเรื่องของเทคนิคต้องถูกต้อง แสงต้องเป๊ะ ซึ่งที่สตูดิโอของโชนก็มีเรื่องราวอยู่ในตัว บวกกับคุณแม่ของโชน (พินรี สัณฑ์พิทักษ์) เป็นเพื่อนศิลปินกับผม ที่รู้จักเป็นการส่วนตัว อยู่แล้ว และผมเคยได้เห็นผลงานออกแบบแฟชั่นของโชน ตั้งแต่สมัยเขาไปเรียนที่ Royal Academy of Fine Arts ที่แอนท์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยมอยู่แล้ว ผมชอบงานเขาในยุคนั้นมาก เพราะมีความกึ่ง Constructivism กึ่ง Bauhaus หน่อยๆ บวกกับ สี และแพทเทิร์นก็มีความเป็นกราฟิกในแบบที่ผมชอบอยู่แล้ว ชุดที่เลือกให้นางแบบสวมสำหรับถ่ายแฟชั่นเซ็ตนี้จึงเป็นชุดที่โชนออกแบบไว้ตั้งแต่สมัยเรียน”


มีแนวโน้มจะกลับมาถ่ายภาพแฟชั่นมากขึ้นมั้ย
“จริงๆ แล้วเราค่อนข้างเลือก หมายถึงเลือกเสื้อผ้า เลือกหนังสือ เลือกว่าจะถ่ายอะไร ไม่ถ่ายอะไร คืออยากถ่ายก็ถ่าย อย่างมาถ่ายให้หมูแบบนี้ เรามาถ่ายด้วยความสนุก และอยากทำ”
TAG
ครั้งแรกในรอบ 20 ปี การกลับมาของช่างภาพชื่อดังแห่งยุคกล้องฟิล์ม นพดล ขาวสำอางค์ กับผลงานถ่ายภาพเซ็ตแฟชั่นในนิตยสาร ให้กับ EVERYTHING ที่แรก!
/
CONTRIBUTORS
RECOMMEND
/
ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ
/
วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว
/
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ
/
Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia
/
ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน
/
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีวงดนตรีสัญชาติไทยที่ชื่อ KIKI ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ก็เพราะด้วยเสียงเพลงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )