LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING
ฉีกกรอบการรับฟัง ด้วยการสร้างความหมายใหม่แห่งเสียง
ครั้งแรกของ เมธี น้อยจินดา หรือที่เรารู้จักกันในนามของ เมธี โมเดิร์นด็อก กับนิทรรศการเดี่ยวที่ ‘เสียง’ มีพลังและบทบาทมากกว่าที่เคย เพราะมีการนำเสียงในชีวิตประจำวันมาสร้างความหมายและเล่าเรื่องใหม่ ทำให้คุณอยากจะค้นหาเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในพลังงานเสียงผ่านทุกโสตประสาท อีกทั้งยังสร้างจินตนาการอันแตกต่างที่จะเกิดขึ้นเฉพาะคน เป็นความแปลกใหม่ของการรับสารในนิทรรศการจริงๆ
ในนิทรรศการ Thru Air on Key Strings ศิลปินได้เจาะจงสร้างผลงานจากเสียง ซึ่งใช้วิธีการทำงานในรูปแบบที่ยากและท้าทายอย่าง โครมาติกสเกล เป็นการประพันธ์ด้วยบันไดเสียง อันประกอบด้วยโน้ตครบ 12 ตัว ที่มีทั้งโน้ตตัวเต็มและครึ่งเสียง(Semi tone) โดยเป็นวิธีที่ได้ใช้ตัวโน้ตทุกตัวอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ได้ตัดตัวใดตัวหนึ่งออกเหมือนบันไดเสียงทั่วไป อีกทั้งยังมีการก้าวเข้าสู่ระดับเสียง 2 ขั้น กลายเป็น 25 โน้ต 25 คีย์ โดยนำเสนอผ่านลำโพง 25 ตัว ที่กลายเป็นเหมือนตัวละครที่มีบทบาทอยู่ในโรงละคร โดยประกอบไปด้วยเสียงที่เกิดจากธรรมชาติ และเสียงที่เกิดจากมนุษย์เอง ซึ่งเมื่อนำมาผสมผสานกันก็จะกลายเป็นสุ้มเสียงที่สะท้อนให้เห็นภาพกว้างของวิถีชีวิตสมัยใหม่ที่อยู่อาศัยคู่กับธรรมชาติอย่างกลมกลืนกัน
นี่เป็นอีกครั้งที่เราจะได้เห็น หรือในที่นี้คือ “ฟัง” การแหกกฏในทฤษฎีของดนตรี ซึ่งเป็นการประพันธ์นอกกรอบจากเสียงเดิมๆ กลายเป็นเสียงที่หยอกเย้าและสร้างจินตนาการแต่ผู้ที่กำลังรับฟัง เป็นการต่อยอดและสร้างคุณค่าให้กับ Sound Art ที่มีเกิดขึ้นตั้งแต่ในอดีตกาลให้เป็นที่ยอมรับระดับโลก
นิทรรศการในครั้งนี้ทำให้เสียงไม่ได้เป็นเพียงพลังงานรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของโมเลกุลของอากาศ แต่เสียงจะแสดงบทบาทมากกว่าที่เคย แสดงถึงอิสระการขบถจากกรอบของอดีต และแสดงการสรรสร้าวคู่ขนานระหว่างธรรมชาติและมนุษย์
นิทรรศการ Sound Art จัดแสดงระหว่างวันที่ 17 ตุลาคม - 15 ธันวาคม 2562
ณ Subhashok The Arts Centre (S.A.C.)
นิทรรศการ Sound Art โดย เมธี โมเดิร์นด็อก ฉีกกรอบการรับฟัง ด้วยการสร้างความหมายใหม่แห่งเสียง
/
โดยปกติ ตัวละครเอกในหนังหลายเรื่อง นอกจากจะมีหน้าที่ทำให้ผู้ชมบันเทิงใจด้วยการต่อสู้กันในหนังแอ็คชั่น หรือตกหลุมรัก ตามจีบ และพลอดรักกันในหนังโรแมนติก (หรืออีโรติก) หรือทำตลกโปกฮากันในหนังคอเมด้ี หน้าที่ความรับผิดชอบอีกอย่างของตัวละครที่ทำให้หนังมีความหนักแน่น สมจริง และเป็นที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ชมก็คือ อาชีพการงานของเขาและเธอนั่นเอง นอกจากอาชีพทั่วๆ ไป อย่างนักธุรกิจ ตำรวจ ทหาร หรือคนทำอาหารอย่างเชฟแล้ว อาชีพของตัวละครในหนังที่เราสนใจเป็นพิเศษก็คืออาชีพ ศิลปิน นั่นเอง
/
สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในโลก ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามกฎธรรมชาติเป็นธรรมดา ดังเช่นหลักธรรมใน ศาสนาพุทธอย่าง ไตรลักษณ์ หรือลักษณะ 3 ประการของสรรพสิ่งทั้งปวง อันได้แก่ “อนิจจตา” หรือ ลักษณะอันไม่เที่ยงแท้ มีการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมดา, “ทุกขตา” หรือลักษณะอันไม่สามารถทน อยู่ในสภาพเดิมได้ตลอดไป มีความเสื่อมสลาย และ “อนัตตา” ลักษณะอันไม่สามารถบังคับให้เป็นไป ตามต้องการได้ เช่น ไม่สามารถบังคับให้ชีวิตยืนยาวอยู่ได้ตลอดไป ไม่สามารถบังคับจิตใจหรือตัวตน ให้เป็นไปตามความปรารถนา เป็นความไม่ใช่ตัวตน, ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนแล้วแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นความไม่เที่ยงแท้และความว่างเปล่า อันเป็นธรรมดา ธรรมชาติ
/
“ศิลปะ” นอกจากจะเป็นเครื่องมือชุบชูและกล่อมเกลาจิตใจผู้คนด้วยสุนทรียะและความงามแล้ว ใน บางครั้ง ศิลปะอาจเป็นเครื่องมือในการบําบัด เยียวยารักษาจิตวิญญาณ หรือแม้แต่เป็นเครื่องมือใน การสร้างความเข้าใจระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ หรือแม้แต่มนุษย์กับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้ด้วย ดังเช่นผล งานของศิลปินผู้หนึ่งที่มีชื่อว่า ยูจิน ลี (Yujin Lee)
/
นับแต่อดีตกาลนานมา มนุษย์รับเอาพลังจากดวงอาทิตย์ ที่สาดส่องแสงสว่างให้มองเห็นสรรพสิ่งในโลก ขับไล่ภัยอันตรายที่ซุกซ่อนอยู่ในความมืด ทั้งพลังงานความร้อนที่ให้ความอบอุ่น หรือพลังงานแสงที่หล่อเลี้ยงพืชพันธุ์ธัญญาหารให้เติบโตงอกงาม อีกทั้งยังส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์อีกด้วย เนิ่นนานให้หลัง เมื่อมนุษย์มีวิวัฒนาการจนสร้างสิ่งต่างๆ จากสติปัญญาและสองมือ แสงสว่างจากหลอดไฟ ก็เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมา นอกจากมนุษย์จะใช้แสงประดิษฐ์จากหลอดไฟที่ว่านี้ในการเปลี่ยนความมืดให้กลายเป็นความสว่างไสวเพื่อใช้ชีวิตในยามกลางคืนแล้ว แสงประดิษฐ์ที่ว่านี้ยังส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์เช่นเดียวกัน ดังเช่นแสงที่ปรากฏในนิทรรศการที่มีชื่อว่า Good Old Neon ที่ใช้แสงเรืองรองของหลอดไฟประดิษฐ์สาดส่องให้แก่ผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพถ่าย ที่นำเสนอสื่อทางประสาทสัมผัสจากมุมมองของวัตถุที่กระตุ้นประสาทสัมผัสเพื่อระลึกถึงประสบการณ์ทางอารมณ์ความรู้สึกและความทรงจำอันหลายหลาก
/
ในประวัติศาสตร์ศิลปะที่ผ่านมา มีศิลปินจำนวนไม่น้อยที่เริ่มต้นทำงานศิลปะเมื่ออายุล่วงเข้าวัยกลางคนแล้ว หากแต่ศิลปินเหล่านั้นก็พิสูจน์ให้โลกได้เห็นว่า ไม่มีคำว่าสายในการเริ่มต้นทำงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นศิลปินเอกของโลกอย่าง วินเซนต์ แวน โก๊ะห์ หรือ โคล้ด โมเน่ต์ ที่เริ่มต้นเป็นศิลปินอาชีพตอนอายุเกือบ 30 ปี หรือ ศิลปินชาวฝรั่งเศสอย่าง อ็องรี รูสโซ ที่กว่าจะหันเหมาเป็นศิลปินอาชีพเต็มตัวก็ตอนที่อายุย่างเข้า 49 ปี เข้าไปแล้ว หรือแม้แต่ศิลปินเอกชาวไทยอย่าง ประเทือง เอมเจริญ เองก็เริ่มต้นทำงานศิลปะอย่างจริงจังก็เมื่ออายุเกือบ 30 ปี เช่นกัน
/
“ศิลปะ” นอกจากจะใช้เป็นเครื่องผ่อนคลายและชุบชูจิตใจผู้คนด้วยสุนทรียะและความงามแล้ว ในหลายครั้ง ศิลปะยังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสะท้อนอารมณ์ความรู้สึก ระบายสิ่งที่คั่งค้างอยู่ภายใน และสำรวจจิตใจและตัวตนของผู้สร้างสรรค์ผลงานได้อีกด้วย เช่นเดียวกับผลงานศิลปะของ รุกข์ โฟล์โร (Rook Floro) ศิลปินผู้เชี่ยวชาญงานศิลปะหลากสื่อ โดยใช้เทคนิคปืนกาว และสื่อหลากแขนงสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานจิตรกรรม ประติมากรรม งานศิลปะจัดวาง งานวิดีโอ และศิลปะแสดงสด ที่สำรวจตัวตนในแง่มุมต่างๆ ของเขาในฐานะมนุษย์ สิ่งมีชีวิตอันซับซ้อน ที่ในบางครั้ง ในตัวตนของมนุษย์คนหนึ่ง ก็เต็มไปด้วยความหลากหลายทางอารมณ์ ความรู้สึก บุคลิกภาพ และอัตลักษณ์ ที่กำหนดตัวตนของบุคคลผู้นั้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน รุกข์ใช้ผลงานของเขาสำรวจความหลากหลายของอัตลักษณ์เหล่านั้นผ่าน Alter ego หรือ ตัวตนเสมือน ที่เขาสร้างขึ้นเป็นตัวละครขึ้นมา 4 ตัว
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )