LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING

งานของ สุริยะ คือการสร้างพิพิธภัณฑ์ที่จะจัดแสดง “กเบื้องจาน” เหล่านั้น บนพื้นที่แคบๆ ที่เคยเป็นที่วางหีบเก็บของ ของเจ้าคุณอ่ำ “ท่านเจ้าคุณ (อ่ำ) ที่เก็บรักษากเบื้องจานเหล่านี้มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2

“เพราะที่มันเล็ก การทำงานของสถาปนิกจึงต้องคิดให้เยอะ” สุริยะ อัมพันศิริรัตน์ กับการออกแบบ “Tiny Museum” พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่สร้างด้วยความคิดสร้างสรรค์ขนาดใหญ่
Project:
Tiny Museum
at Wat Somanas Rajavaravihara
Architect & Artist:
Suriya Umpansiriratana
Photographer:
Pattanaphoom P.
Writer:
Chakkraphan Kwanmongkol

มองออกไปภายนอกจะเห็นบางส่วนของอาคาร
ต่างๆ ในวัด เพื่อให้รู้สึกว่า Tiny Museum เป็น
ส่วนหนึ่งของวัด
นอกจากออกแบบสร้างสรรค์แล้ว ส่วนหนึ่งในงานสถาปัตยกรรมที่คนเป็นสถาปนิกหนีไม่พ้นคือการแก้ปัญหา เพราะหลักใหญ่ในการทำงานของสถาปนิกคือการออกแบบสิ่งก่อสร้างเพื่อแก้ปัญหาไปบนเงื่อนไขและข้อจำกัดของพื้นที่
สุริยะ อัมพันศิริรัตน์ สถาปนิกผู้ก่อตั้งบริษัท Walllasia และได้รับรางวัลมากมายทั้งในประเทศ และระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น รางวัล AR Awards for Emerging Architecture 2006 และ 2010, รางวัลศิลปาธร สาขาสถาปัตยกรรมปี 2557 หรือรางวัล Global Award for Sustainable Architecture ของยูเนสโก ในปี 2012 เป็นอีกคนหนึ่งที่ยืนยันว่าการออกแบบสิ่งก่อสร้างคือการแก้ปัญหาบนมิติกว้างคูณยาวคูณสูงในแต่ละพื้นที่ สุริยะ บอกว่า “ยิ่งที่เล็กๆ การทำงาน Architecture จึงต้องคิดให้เยอะๆ”
“Tiny Museum” พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กมาก (อาจจะเล็กมากที่สุดด้วยซ้ำ) ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในคณะ ๑ วัดโสมนัสราชวรวิหาร เลียบคลองผดุงกรุงเกษม กรุงเทพฯ เป็นตัวอย่างอันดีของการทำงานออกแบบบนพื้นที่เล็ก เป็นซอกแคบๆ รูปตัว L กว้างเพียงเมตรนิดๆ ยาวอีกสองเมตรหน่อยๆ ซึ่ง สุริยะ ออกแบบให้กับ “มูลนิธิพระราชกวี อ่ำ ธมฺมทตฺโต” (มพอ.) ซึ่งดูแลโดยพระสิริปัญญามุนี (เจ้าคุณเต็ม) เจ้าคณะ ๑ วัดโสมนัสฯ ผู้เป็นลูกศิษย์ของเจ้าคุณอ่ำ และคุณวรรณฤทธ์ ปราโมช ณ อยุธยา “ฐานข้อมูลกบื้องจาน” เป็นผู้ดูแล ทั้งสองได้รับการฝากฝังให้ดูแลรักษา “กเบื้องจาน” เครื่องมือยุคหินใหม่อายุยาวราว 2,000 - 20,000 ปี ทำจากดินอัดแผ่นผสมด้วยยางจากต้นกระบกจำนวน 847 แผ่น ทุกแผ่นจารึกอักขระโบราณซึ่งเจ้าคุณอ่ำเก็บรักษา และศึกษาวิธีการอ่านอักขระเอาไว้ ซึ่งที่ผ่านมา กเบื้องจานเหล่านี้ถูกเก็บรักษาไว้ในกล่องหรือหีบใส่ของธรรมดา

กเบื้องจาน เครื่องมือยุคหินใหม่ อายุ 2,000 - 20,000 ปี
หมายเหตุ:
*กเบื้องจาน หรือ กเบื้องจาร (อ่านว่า กะเบื้องจาน) เป็นคำโบราณปรากฏ
ในตำรา พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ ใช้เรียกแผ่นอักขระโบราณ ที่ค้น
พบในสุวัณภูมิ (สุวรรณภูมิ) หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ตัดเหล็กให้ล้อไปกับบัวเดิมของอาคารวัดแต่ไม่
แตะต้องอาคารเดิม ทั้งนี้เพื่อไม่ให้สัมผัสหรือ
แตะต้องอาคารเดิม
งานของ สุริยะ คือการสร้างพิพิธภัณฑ์ที่จะจัดแสดง “กเบื้องจาน” เหล่านั้น บนพื้นที่แคบๆ ที่เคยเป็นที่วางหีบเก็บของ ของเจ้าคุณอ่ำ “ท่านเจ้าคุณ (อ่ำ) ที่เก็บรักษา กเบื้องจานเหล่านี้มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เรื่องของเรื่องก็คือตอนนั้นมีนักโบราณคดีชาวเนเธอร์แลนด์คนหนึ่งชื่อ ดร. เอช อาร์ ฟาน ฮีเคอร์เรน (Dr. H.R. Van Heekeren) ถูกญี่ปุ่นจับเป็นเชลยสงครามเอามาสร้างทางรถไฟ ระหว่างสร้างแกก็ค้นพบวัตถุเหล่านี้ หลังสงครามโลกสิ้นสุด ก็ขอทุนเพื่อนำไปตรวจสอบพบว่าวัตถุเหล่านี้มีอายุกว่า 2,000 - 20,000 ปี เป็นเครื่องมือยุคหินใหม่ของจริง หลังจากนั้นก็เกิดกระแสตื่นตัว ชาวบ้านก็แห่กันขุด ท่านเจ้าคุณอ่ำท่านเป็นคนราชบุรีไปแถวๆ กาญจนบุรี ลพบุรี ราชบุรี บ่อยๆ เห็นเข้าก็เลยขอซื้อไว้เพราะกลัวจะสูญหาย ต่อมาท่านมาประจำที่วัดโสมนัสฯ ก็นำมาด้วย เก็บรักษาไปเรื่อย จนมีจำนวนมากอย่างที่เห็น” สุริยะ เท้าความถึงที่มาของ “กเบื้องจาน”
“ทีนี้เมื่อคุณวรรณฤทธ์ และท่านเจ้าคุณเต็ม ซึ่งเป็น ลูกศิษย์ของท่านเจ้าคุณอ่ำ ช่วยกันทำมูลนิธิฯ คุณวรรณฤทธ์ ก็ชวนผมมาออกแบบพิพิธภัณฑ์ให้ ตอนแรกมีการพูดกันว่าจะทำพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ไปจัดตั้งที่อื่น แต่ก็กังวลกันว่าถ้าเอาไปวางแสดงที่อื่นมันก็อาจจะกระจัดกระจายกันได้ ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของท่านเจ้าคุณ เราก็เลยสรุปว่าจะทำตรงพื้นที่เล็กๆ ตรงนี้ซึ่งเป็นที่เดิมที่เก็บรักษา “กเบื้องจาน” เหล่านี้ไว้
ประตูทางเข้าสีแดงสด ที่กลมกลืนกับสีแดงชาด
ซึ่งเป็นสีที่นิยมใช้กันในงานสถาปัตยกรรมในวัด
“การทำตรงที่เดิมตามความต้องการของเจ้าคุณเต็มจึงเป็นโจทย์ข้อแรก โจทย์ข้อที่สองที่ผมได้รับมาคือทำยังไงไม่ให้มันประเจิดประเจ้อเกินหน้าเกินตาสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ภายในวัด หรือแม้แต่ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับอาคารใดๆ ในวัด เพราะที่วัดโสมฯ อยู่ภายใต้การดูแลของกรมศิลปากร แต่เราเป็นพิพิธภัณฑ์ และมูลนิธิที่แยกออกมา และโจทย์ข้อที่สามก็คือที่มันเล็กมาก ดังนั้นการออกแบบจึงต้องคิดให้ดี แต่ผมว่าความเล็กมันก็ดีเหมือนกันเพราะมันทำให้คนออกแบบคิดเยอะขึ้น ส่วนตัวผมมองว่ายิ่งที่เล็ก งานนั้นยิ่งชัดมากขึ้นด้วยซ้ำ
“เพราะฉะนั้นคอนเซ็ปต์ของผมก็คือการสร้างหีบเก็บ “กเบื้องจาน” ขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งใบ เป็นหีบที่วางอยู่ที่ซอกอาคารตามเดิมแต่เป็นหีบที่ขยายใหญ่กว่าเดิม พิพิธภัณฑ์นี้จึงเป็นเหมือนหีบที่คุณเดินเข้าไปศึกษา “กเบื้องจาน” ได้ ต่อมาผมออกแบบให้ไม่มีส่วนใดไปแตะกับอาคารเดิมของวัดเลยแม้แต่ข้างเดียว เหล็กทุกชิ้นผมวัดละเอียดแบบว่ากันเป็นมิลลิเมตรเลย สั่งตัดพิเศษให้เป๊ะที่สุด เพื่อเข้าร่อง ลงช่องว่างพอดี โดยที่ไม่ไปแตะต้องอาคารเดิมของวัด แม้กระทั่งบัวเสา บัวพื้น ส่วนเว้า โค้ง ซอกต่างๆ หรือแม้แต่ร่องน้ำอะไรต่างๆ ผมก็วัดให้พอดีที่สุด แต่ความยากของการทำพิพิธภัณฑ์นี้ก็คือ เราต้องทำกันข้างนอก ทำที่บ้านผมนี่แหละ ตัดเหล็ก ต่อเหล็ก ประกอบกันโป้งป้าง โป้งป้าง ที่นั่น เนื่องจากเสียงมันดังถ้าทำที่วัดก็จะรบกวนพระ รบกวนญาติโยมที่มาทำกิจกรรมในวัด พอประกอบจนแน่ใจแล้วก็ถอดออกแล้วยกมาประกอบที่นี่ ทุกอย่างต้องพอดีเป๊ะ ที่เป็นเหล็กเพราะว่าเหล็กมันแข็งแรงสะท้อนถึงหีบเหล็กโบราณ และผมก็ถนัดงานเหล็กพอสมควร

ออกแบบชั้นเก็บ กเบื้องจาน
ที่มีอยู่มากถึง 847 แผ่น
“ต่อมาทำยังไงให้มันกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม ก็พอดีคุณวรรณฤทธ์ เขาไปศึกษามาว่า สถาปัตยกรรมในวัดรวมทั้งที่วัดโสมนัสฯ นี่ด้วย หลังคาจะลาดชัน 45 องศา ตามรูปแบบที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ทรงกำหนดไว้ เพราะกันความร้อนได้ดีที่สุด น้ำฝนก็ไหลได้ดี ผมก็เลยออกแบบให้หลังคาลาดลงมา 45 องศา เมื่อมองจากระยะไกล ก็จะเห็นว่าตัว Tiny Museum นี้ มีโครงหลังคาไปในทางเดียวกับอาคารอื่นๆ ในวัด ส่วนที่มันเป็นสีแดงหรือสีไทยเรียกสีแดงชาดนั้น อันนี้เป็นสิ่งที่ผมต้องการเอง เพราะก่อนจะออกแบบผมมาเดินดูสถาปัตยกรรมรอบๆ วัด ผมพบว่าสีแดงชาดเป็นสีที่นิยมทากันตามวัดวาอาราม ผมจึงอยากให้ตัว Tiny Museum นี้เป็นสีคล้ายๆ สีแดงชาด เมื่อเวลามันสะท้อนแดดก็จะเป็นสีแดงสด ดึงดูดสายตาผู้คนแต่กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม เพราะคุณต้องไม่ลืมว่า ที่มันเล็กนิดเดียวเท่านั้น
“งาน Tiny Museum นี้ถือเป็นการทำงานสั้นที่สุดที่ผมเคยทำมา คือแค่เดือนครึ่งเท่านั้น ที่สั้นแค่นั้นเพราะผมมีเวลาแค่นั้น กับคิดว่าออกแบบมาพอดีแล้ว พอประกอบจึงกินเวลาไม่นาน ส่วนการออกแบบนั้นกินเวลานานพอสมควร แต่นี่เป็นแค่เฟสแรกเท่านั้นครับ คือตัวพิพิธภัณฑ์ หีบเก็บของเราเสร็จแล้ว เฟสต่อมาก็คือส่วนจัดแสดงซึ่งผมออกแบบไว้แล้วล่ะ แต่ตอนนี้เรารองบประมาณและความพร้อมอยู่” สุริยะ สรุป
Tiny Museum พิพิธภัณฑ์ “กเบื้องจาน” ของเจ้าคุณอ่ำโดยสุริยะ อัมพันศิริรัตน์
/
บ้านหลังแรกที่สร้างขึ้นเองของคุณออมมี่ และคุณแบงค์ -ปรีดากร เมรเกรียงชัย Co-Founder แห่งแบรนด์ Gentle RAM บ้าน ที่ตอบโจทย์รสนิยมของทั้งสองที่หลงใหลในความ Timeless และการอยู่อาศัยที่อยู่สบาย เรียบง่าย พร้อมจัดระเบียบชีวิตในบ้านได้อย่างลงตัว บ้านที่ทุกพื้นที่ และทุกฟังก์ชั่นที่ทาง THE OTHERS ผู้ออกแบบได้ขบคิดมาอย่างพิถีพิถันไม่ต่างกับเสื้อผ้าที่เทรลเลอร์เมดให้พอดีกับเจ้าของบ้าน
/
หนึ่งในกิจกรรมจากเวที TOSTEM Asia Design Award (TADA) ซึ่งจัดขึ้นโดย TOSTEM เพื่อเฟ้นหาผลงานสถาปัตยกรรมในเอเชีย ที่มุ่งให้ความสำคัญกับเรื่องของธรรมชาติ ผสานเข้ากับนวัตกรรมการอยู่อาศัยสมัยใหม่ ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งาน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ซึ่งนอกจากผู้ชนะรางวัลจะได้ร่วมเดินทางไปรับรางวัลที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ยังได้พบปะกับ Akihisa Hirata สถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่มาแชร์มุมมองแนวคิดการออกแบบโปรเจกต์ต่าง ๆ ตั้งแต่งาน Installation Art บ้านพักอาศัย จนถึงอาคารสาธารณะ ซึ่งความน่าสนใจนอกเหนือจากเอกลักษณ์ภาษาทางสถาปัตยกรรมที่ถ่ายทอดผ่านฟอร์ม และสเปซที่โดดเด่น และเป็นที่จดจำแล้วนั้น สำคัญคือปรัชญาหลักที่เป็นรากฐานความคิดของ Hirata สู่การพัฒนาเป็นสถาปัตยกรรมน่าทึ่งเหล่านั้น ซึ่งเราจะมาเจาะลึกแนวคิดที่ว่านั้นกัน
By TOSTEM/
ผสานบริบทธรรมชาติ สอดรับกับวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง พร้อมถ่ายทอดสู่เอกลักษณ์ภาษาทางสถาปัตยกรรม ที่เติมเต็มทั้งสุนทรียศาสตร์ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตผู้อยู่อาศัยได้ทุกมิติ คือจุดร่วมหลักของสองผลงานออกแบบบ้านที่ตั้งอยู่ใน 2 จังหวัดทางภาคเหนือ ที่คว้ารางวัล TOSTEM ASIA DESIGN AWARD 2024 (TADA 2024) ในกลุ่มประเภท “Special Mention for Sustainable Living” มาครอง
By TOSTEM/
ขึ้นชื่อว่าเป็นโปรเจกต์ออกแบบโดย HAS design and research ของสองสถาปนิกฝีมือแถวหน้าอย่าง คุณเจอร์รี่ หง (Jenchieh Hung) และคุณป้อ-กุลธิดา ทรงกิตติภักดี (Kulthida Songkittipakdee) แล้วนั้นรับรองว่ามิติที่ลึกซึ้งกว่าเรื่องของฟอร์มอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ทุกคนต่างทึ่งไปกับงาน“Aluminum Grotto and Public Ground” งานอินสตอลเลชันสุดอลังการที่จัดแสดงในงานสถาปนิก’67 ก็เป็นตัวอย่างของการผสานองค์ประกอบเรื่องของพื้นผิว-พื้นที่-โครงสร้าง-ฟังก์ชั่นให้เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ภาษาทางสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ และเชื่อมระหว่างภูมิทัศน์ธรรมชาติ ศิลปะเชิงช่าง และวัสดุอุตสาหกรรมได้อย่างน่าตื่นตา มาถึงโปรเจกต์ใหม่ที่เป็นงานออกแบบรีเทลนี้ ทาง HAS ได้พยายามข้ามขนบบางอย่างของการออกแบบพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั่วไป เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผู้ที่ได้ไปเยือน
/
กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในซอยจ่าโสด เมื่อเราได้พบกับอาคารสถาปัตยกรรมโมเดิร์นเรียบเท่ที่เต็มไปด้วยไดนามิคของเส้นสาย ส่วนคว้านโค้งซึ่งออกแบบมาเพื่อฟังก์ชั่น และเพื่อแสงธรรมชาติ เป็นอาคารโทนสีขาวสะอาดตาแต่ทำให้เราไม่อาจละสายตา กับเอกลักษณ์ดีไซน์ของอาคารที่ทอดตัวยาวพร้อมมีประภาคารเล็ก ๆ นี่คือ SANS STUDIO BANGKOK สตูดิโอแห่งใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นโดยเจ้าของผู้สนใจในงานสถาปัตยกรรมและศิลปะการถ่ายภาพ หลังจากเรียนจบมาจากฝรั่งเศส โดยให้เป็นสตูดิโอที่รองรับงานถ่ายภาพ โปรดัคชั่น จนถึงอีเวนต์ ที่ได้ทาง PHTAA LIVING DESIGN มาเป็นบริษัทสถาปนิกออกแบบให้
/
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นคณะสถาปัตยกรรมแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีการเปิดให้เรียนในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรมศาสตร์ ก่อตั้งโดย อาจารย์นารถ โพธิประสาท ในปี พ.ศ. 2476 และมีการเปิดใช้ตึกคณะสถาปัตยกรรมครั้งแรกในปี พ.ศ. 2484 จนต่อมาในปี พ.ศ. 2485 ภายใต้รัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้มี “ประกาศปรับปรุงอักสรไทย” ขึ้นเพื่อให้การสะกดคำในภาษาไทยกะทัดรัดและลดความซ้ำซ้อนของตัวอักษรลง ชื่อคณะสถาปัตยกรรม จึงถูกเปลี่ยนแปลงและใช้ชื่อว่า คณะสถาปัตยกัม อยู่นานถึงสองปี ก่อนจะมีการกลับมาใช้ชื่อเดิมอีกครั้ง (หลังจบสงคราม) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2487 เป็นต้นไป
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )