LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING

Vows Villa วิลล่าแห่งพิธีแต่งงานที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมธรรมชาติริมทะเลเกาะสมุย โดย POAR
ในตอนนี้เราขอนำเสนอผลงานออกแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจากในตอนที่ผ่านๆ มา คือเป็นโครงการสถาปัตยกรรมที่เป็นวิลล่าสไตล์โมเดิร์นที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นท่ามกลางต้นไม้ใบเขียวขจีบนชายหาดริมทะเลของเกาะสมุย แล้ววิลล่าแห่งนี้ก็ไม่ใช่วิลล่าพักตากอากาศตามปกติธรรมดา หากแต่เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานริมทะเลที่มีชื่อว่า Vows Villa นั่นเอง

Vows Villa เป็นผลงานการออกแบบของ POAR (Patchara + Ornnicha Architecture) สตูดิโอสถาปัตยกรรมของคู่สถาปนิกอย่าง พัชระ วงศ์บุญสิน และ อรณิชา ดุริยะประพันธ์ ซึ่งมีความโดดเด่นในงานออกแบบที่ผสานสถาปัตยกรรมท้องถิ่นดั้งเดิมกับสถาปัตยกรรมร่วมสมัยเข้าด้วยกัน ด้วยความเชื่อว่างานออกแบบควรเข้าถึงทุกคนได้ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคม โดย พัชระ วงศ์บุญสิน หนึ่งในสถาปนิกของสตูดิโอแห่งนี้กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการวิลล่าริมทะเลแห่งนี้ว่า
“Vows Villa เป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน ที่มีวิลล่า 5 ห้องนอน เปิดให้คู่บ่าวสาว พ่อแม่ ญาติพี่น้องมาพักในโครงการ ส่วนในช่วงเวลาที่ไม่ได้มีการจัดงานแต่งงาน วิลล่าก็จะกลายเป็นห้องย่อยๆ เหมือนโรงแรมขนาดเล็ก 5 ห้องนอน, โจทย์ที่เราได้มาเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานทำให้เรารู้สึกว่า สมุยเป็นเกาะในทะเล ที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ดังนั้น แทนที่เราจะสร้างสถานที่จัดงานแต่งงานในรูปแบบเดียว เราก็สร้างให้สามารถจัดได้ในหลายรูปแบบ ทั้งในร่มและกลางแจ้ง เราก็เลยสร้างเป็นสถานที่จัดงานเล็กๆ ประมาณ 5 รูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่าช่วงเวลานั้นลูกค้าต้องการจัดงานแต่งงานแบบไหน เหมือนเป็นการให้พวกเขากำหนดรูปแบบการจัดงานตามประสบการณ์ของตัวเองได้”
เอกลักษณ์อันโดดเด่นของวิลล่าแห่งนี้อยู่รูปทรงที่เล่นความเป็นเส้นโค้งเว้าของวงกลมทั่วทั้งโครงการ ซึ่งพัชระเผยให้เราฟังว่า
“ด้วยความที่พื้นที่สร้างวิลล่าแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก ถ้าใส่ทั้งโครงการเข้าไปก็ค่อนข้างจะเต็มพื้นที่แล้ว แต่ด้วยลักษณะที่ที่ดินมีต้นไม้ใหญ่อยู่เยอะมาก เหมือนอยู่ในป่าริมทะเล ซึ่งเรามองว่าพื้นที่นี้ค่อนข้างมีลักษณะทางธรรมชาติที่ค่อนข้างพิเศษ และด้วยความที่เราต้องใส่โครงการสถาปัตยกรรมเข้าไปให้เต็มพื้นที่ ทำให้เรารู้สึกว่า เราอยากทำรูปทรงของอาคารที่ใส่ลงไปจนแน่นแล้วไม่ทำให้ความรู้สึกว่าเป็นป่าเสียไป เพราะฉะนั้นการที่เราใส่อาคารทรงกลมลงไปนั้นเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่ทำให้ธรรมชาติยังมีความโดดเด่นอยู่มากกว่ารูปทรงเหลี่ยมๆ เรายังทำอาคารให้เป็นพาวิลเลียนในรูปของจานสองผืน คือจานหญ้า ที่มีความสีเขียวของพืชพรรณธรรมชาติ กับจานน้ำ ที่เป็นเหมือนกระจกเงา เพื่อในยามพลบค่ำจะสะท้อนร่มเงาของต้นไม้บนผิวน้ำ ทำให้เวลายืนอยู่ข้างใน เหมือนเราถูกล้อมรอบด้วยสีเขียวของผืนป่าและผืนน้ำ ทรงกลมของผืนจาน เป็นเหมือนการสะท้อนความเป็นธรรมชาติลงบนตัวสถาปัตยกรรม คล้ายกับความขัดแย้งระหว่างเส้นสายที่มนุษย์สร้างที่อยู่คู่กับธรรมชาติ”

“ด้วยความที่พื้นที่ตั้งของโครงการนี้อยู่บนทิศตะวันตก เวลาพระอาทิตย์ตกดิน แสงอาทิตย์จะสาดส่องลงมาทำให้ผืนน้ำกลายเป็นเหมือนกระจกจริงๆ เราก็เลยต้องทำผืนน้ำขึ้นมารองรับ และด้วยความที่เราอยากให้มีพาวิลเลียนเยอะ เพื่อให้มีพื้นที่ใช้งานให้มากที่สุด ให้ลูกค้าปรับเปลี่ยนการใช้ได้เต็มที่ เราเลยทำพาวิลเลียนอีกผืนหนึ่งที่เป็นผืนหญ้าขึ้นมาให้แตกต่างกัน เพราะเรามองว่า ในสถานที่จัดงานแต่งงานแทบจะทั่วโลก นั้นทำได้แค่อย่างเดียว คือการให้คนเข้าไปในพื้นที่ แล้วต้องปรับตัวตามสถาปัตยกรรมที่เข้าไป แต่โครงการนี้ เราทำงานสถาปัตยกรรมให้ปรับตัว และอนุญาตให้คนเป็นอะไรก็ได้ในพื้นที่ตรงนี้อย่างยืดหยุ่น อิสระเสรี”



ตัวอาคารของวิลล่ายังมีความโดดเด่นด้วยการสร้างขึ้นด้วยวัสดุหลักอย่าง คอนกรีต แสดงออกถึงความดิบกระด้าง หากแต่ผสานด้วยความนุ่มนวลของวัสดุเสริมอย่าง ไม้เก่า ที่ทำให้ตัวอาคารกลมกลืนกับพื้นที่ธรรมชาติสีเขียวรอบข้างอย่างแนบเนียน โดยพัชระเสริมว่า
“เนื่องจากเราต้องการทำให้โครงการนี้เป็นเหมือนการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงเวลาที่เกาะสมุยมีฝนตกหรือพายุเข้า เราก็ยังสามารถใช้งานพื้นที่ของวิลล่าแห่งนี้ได้ ดังนั้นเราจึงทำให้สถาปัตยกรรมแห่งนี้สามารถทนอยู่กับสภาพภูมิอากาศของพื้นที่ริมทะเลแห่งนี้ เราจึงเลือกใช้วัสดุสองอย่าง คือคอนกรีตกับไม้เก่า อย่างตัวพื้นที่ของจานหญ้ากับจานน้ำ เราใช้โครงสร้างของคานและเสาไม้รองรับผืนคอนกรีต โดยใช้เป็นโครงสร้างคอนกรีตขนาดใหญ่ที่ถ่ายแรงลงบนโครงสร้างไม้โดยตรง โดยที่ไม่มีโครงสร้างเหล็กมาช่วยรับน้ำหนักเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นกระบวนการรับแรงอย่างหนึ่งที่สามารถทำได้ แต่คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าไม้เป็นวัสดุที่อ่อนแอ เลยไม่คิดจะเอาไม้มาใช้ในลักษณะนี้กันเท่าไรนัก”
“นอกจากนี้ด้วยความที่พื้นที่สร้างอาคารมีสภาพเป็นภูหินแทบทั้งหมด การลงโครงสร้างคอนกรีตตรงนั้นถือว่าทำได้ยาก เพราะเราต้องทำการขุดและระเบิดหินเพื่อเทคอนกรีตลงไป ซึ่งไม่สมเหตุสมผล เรามองว่า ถ้าเราใช้โครงสร้างไม้ก็สามารถตั้งอยู่ได้เลย ด้วยความที่เราอยากให้เป็นพื้นที่ของจานน้ำและจานหญ้าข้างบน เราก็ลองคุยกับวิศวกรและช่างไม้ จนได้คำตอบว่า การใช้วัสดุอย่างไม้เป็นโครงสร้างเสา สามารถรับแรงได้ไม่ด้อยไปกว่าโครงสร้างเหล็ก โดยเฉพาะค่าการทนไฟ หรือค่าการรับแรงในเชิงแรงเฉือนนั้นดีกว่าเหล็กด้วยซ้ำ เราจึงใช้ไม้เต็งพะเยา ซึ่งเป็นไม้ที่มีน้ำมันในเนื้อไม้สูงที่สุดในบรรดาไม้เต็งทุกชนิด ซึ่งทำให้น้ำไม่ซึมเข้าไม้เลย รวมถึงมีความทนไฟ และมีศักยภาพสูงมากในการก่อสร้างอาคาร”
ความน่าสนใจอีกประการในการออกแบบและก่อสร้างวิลล่าแห่งนี้ก็คือ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการมุ่งเน้นในการไม่รุกล้ำทำลายธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นไม้ที่อยู่บนพื้นที่ริมทะเลบนเกาะสมุยมาแต่ดั้งแต่เดิม ซึ่งสถาปนิกเล่าให้เราฟังว่า
“ในการออกแบบและก่อสร้าง เราเก็บรักษาต้นไม้เดิมในพื้นที่เอาไว้แทบทั้งหมด 100% ถ้าดูภาพถ่าย จะเห็นว่าต้นไม้เดิมแทบจะแนบชิดไปกับตัวอาคารเลย เรามีการปลูกต้นไม้แทรกบ้าง เพราะบางพื้นที่เปิดโล่ง แต่ต้นไม้ใหญ่ที่สูงถึง 25 - 30 เมตร เป็นต้นไม้เดิมทั้งหมดที่เราไม่ได้ตัดทิ้งเลยสักต้น ในกระบวนการก่อสร้าง เราไม่มีการเทตอม่อในพื้นที่ตรงส่วนที่มีต้นไม้ใหญ่ แต่เราวางเสาไม้บนเพลทเหล็กที่ยึดสกรูเข้ากับหิน ดังนั้นจึงไม่มีความเสี่ยงแบบเดียวกับการเทปูนลงบนตอม่อ จนทำให้ปูนซึมลงไปยังรากต้นไม้ให้เกิดความเสียหาย นี่คือเทคนิคที่เราคิดค้นขึ้นมาเพื่อการรักษาต้นไม้ในโครงการนี้ และเพื่อให้โครงการนี้อยู่ตรงพื้นที่ริมทะเลได้อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมดั้งเดิมของพื้นที่แห่งนี้”

“ในการสร้าง Vows Villa คุณทวีสุข (เหลืองวิชชเจริญ) เจ้าของโครงการรู้สึกแฮปปี้มาก เพราะว่าเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างโครงการแห่งนี้ ด้วยการว่าจ้างช่าง และผู้รับเหมามาก่อสร้าง และเป็นคนควบคุมงานก่อสร้างโครงการนี้ด้วยตัวเอง จึงทำให้วิลล่าแห่งนี้เป็นโครงการที่สร้างด้วยราคาที่ไม่สูงมากนัก และฟังก์ชันในการใช้งานก็ถูกใจเจ้าของอย่างมาก เพราะเต็มไปด้วยความยืดหยุ่น ด้วยความที่ตัวอาคารสามารถใช้งานได้ในหลายรูปแบบ”


สถาปนิกผู้ออกแบบ Vows Villa ยังทิ้งท้ายถึงแนวคิดเบื้องหลังการออกแบบโครงการแห่งนี้ว่า
“แนวคิดในการออกแบบโครงการนี้ คือสถาปัตยกรรมที่ถูกใช้งาน ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อความสวยงาม หรือเพื่อให้คนเข้าใจเรื่องราวอะไรบางอย่าง เรามองว่างานสถาปัตยกรรมที่ดีต้องถูกใช้งานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกกลับมาใช้ใหม่ และใช้ไปเรื่อยๆ จนเต็มศักยภาพของวัสดุ เป็นสถาปัตยกรรมที่ต้องอยู่รอดผ่านกาลเวลา สภาพภูมิอากาศ อย่างเราสร้างโครงการนี้ในพื้นที่ของเกาะสมุย เราก็ควรได้สัมผัสกับสภาพอากาศของเกาะสมุย เราเลยทำพื้นที่ให้คนได้จัดงานแต่งงานในภูมิอากาศของสมุย ไม่ใช่ไปจัดงานในห้องแอร์ แล้วดูทิวทัศน์ของสมุยทางหน้าต่าง เราต้องใช้สภาพอากาศของพื้นที่ รวมถึงเวลา เราต้องใช้งานอาคารแห่งนี้ได้หลากหลายเวลา ไม่ใช่แค่ในช่วงเวลาที่สภาพอากาศดีเท่านั้น”

“ภายในวิลล่า ถึงแม้จะเป็นอาคารสามชั้น แต่ถ้าเข้าไปดูในแต่ละห้อง จะเห็นว่าเราพยายามออกแบบประสบการณ์ภายในแต่ละห้องให้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเล่นกับลักษณะของพื้นที่ห้อง อย่างห้องที่หันไปยังพื้นที่ทะเล ก็จะเห็นทิวทัศน์ของทะเล ห้องที่หันไปยังพื้นที่คอร์ด ก็จะเป็นทิวทัศน์ของคอร์ดด้านข้าง เรายังเล่นกับพื้นที่ของวงกลมที่มองจากผนังภายนอก จะเหมือนผนังครึ่งวงกลมชิดกัน ทำให้เกิดช่องรับแสงในห้องนอน และห้องน้ำทุกห้อง ทำให้แขกที่พักไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในอาคารปิดทึบ แต่เป็นพื้นท่ีที่เปิดสู่ธรรมชาติภายนอกอย่างเต็มที่”.
Vows Villa ตั้งอยู่ที่ 57/101หมู่ 5 ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โทรศัพท์ 063 073 0132 เพจเฟซบุ๊ก Vows Villa หรือเว็บไซต์ https://www.vowsvilla.com/
Vows Villa วิลล่าแห่งพิธีแต่งงานที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมธรรมชาติริมทะเลเกาะสมุย โดย POAR
/
เราเคยนำเสนอ 3 โปรเจกต์ออกแบบของ Jenchieh Hung + Kulthida Songkittipakdee / HAS design and research ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับงานรีเทลด้วยการผสานรูปแบบพิพิธภัณฑ์เข้ากับความเป็นโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำระดับโลก ที่ตั้งอยู่ในเมืองเหอเฝย์ ประเทศจีน ครั้งนี้เรายังมีอีก 2 โปรเจกต์ซึ่งตั้งอยู่ภายนอกอาคาร ประกอบด้วย Simple Art Museum และ Simple Design Archive โดยเรื่องของบริบทเชิงพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นที่สภาพแวดล้อม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสังคม ยังคงนำมาเป็นส่วนประกอบในแนวคิดการออกแบบที่ถ่ายทอดผ่านภาษาทางสถาปัตยกรรมในแบบ HAS design and research อยู่
/
บ้านหลังแรกที่สร้างขึ้นเองของคุณออมมี่ และคุณแบงค์ -ปรีดากร เมรเกรียงชัย Co-Founder แห่งแบรนด์ Gentle RAM บ้าน ที่ตอบโจทย์รสนิยมของทั้งสองที่หลงใหลในความ Timeless และการอยู่อาศัยที่อยู่สบาย เรียบง่าย พร้อมจัดระเบียบชีวิตในบ้านได้อย่างลงตัว บ้านที่ทุกพื้นที่ และทุกฟังก์ชั่นที่ทาง THE OTHERS ผู้ออกแบบได้ขบคิดมาอย่างพิถีพิถันไม่ต่างกับเสื้อผ้าที่เทรลเลอร์เมดให้พอดีกับเจ้าของบ้าน
/
หนึ่งในกิจกรรมจากเวที TOSTEM Asia Design Award (TADA) ซึ่งจัดขึ้นโดย TOSTEM เพื่อเฟ้นหาผลงานสถาปัตยกรรมในเอเชีย ที่มุ่งให้ความสำคัญกับเรื่องของธรรมชาติ ผสานเข้ากับนวัตกรรมการอยู่อาศัยสมัยใหม่ ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งาน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ซึ่งนอกจากผู้ชนะรางวัลจะได้ร่วมเดินทางไปรับรางวัลที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ยังได้พบปะกับ Akihisa Hirata สถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่มาแชร์มุมมองแนวคิดการออกแบบโปรเจกต์ต่าง ๆ ตั้งแต่งาน Installation Art บ้านพักอาศัย จนถึงอาคารสาธารณะ ซึ่งความน่าสนใจนอกเหนือจากเอกลักษณ์ภาษาทางสถาปัตยกรรมที่ถ่ายทอดผ่านฟอร์ม และสเปซที่โดดเด่น และเป็นที่จดจำแล้วนั้น สำคัญคือปรัชญาหลักที่เป็นรากฐานความคิดของ Hirata สู่การพัฒนาเป็นสถาปัตยกรรมน่าทึ่งเหล่านั้น ซึ่งเราจะมาเจาะลึกแนวคิดที่ว่านั้นกัน
By TOSTEM/
ผสานบริบทธรรมชาติ สอดรับกับวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างลึกซึ้ง พร้อมถ่ายทอดสู่เอกลักษณ์ภาษาทางสถาปัตยกรรม ที่เติมเต็มทั้งสุนทรียศาสตร์ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตผู้อยู่อาศัยได้ทุกมิติ คือจุดร่วมหลักของสองผลงานออกแบบบ้านที่ตั้งอยู่ใน 2 จังหวัดทางภาคเหนือ ที่คว้ารางวัล TOSTEM ASIA DESIGN AWARD 2024 (TADA 2024) ในกลุ่มประเภท “Special Mention for Sustainable Living” มาครอง
By TOSTEM/
ขึ้นชื่อว่าเป็นโปรเจกต์ออกแบบโดย HAS design and research ของสองสถาปนิกฝีมือแถวหน้าอย่าง คุณเจอร์รี่ หง (Jenchieh Hung) และคุณป้อ-กุลธิดา ทรงกิตติภักดี (Kulthida Songkittipakdee) แล้วนั้นรับรองว่ามิติที่ลึกซึ้งกว่าเรื่องของฟอร์มอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ทุกคนต่างทึ่งไปกับงาน“Aluminum Grotto and Public Ground” งานอินสตอลเลชันสุดอลังการที่จัดแสดงในงานสถาปนิก’67 ก็เป็นตัวอย่างของการผสานองค์ประกอบเรื่องของพื้นผิว-พื้นที่-โครงสร้าง-ฟังก์ชั่นให้เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้ภาษาทางสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ และเชื่อมระหว่างภูมิทัศน์ธรรมชาติ ศิลปะเชิงช่าง และวัสดุอุตสาหกรรมได้อย่างน่าตื่นตา มาถึงโปรเจกต์ใหม่ที่เป็นงานออกแบบรีเทลนี้ ทาง HAS ได้พยายามข้ามขนบบางอย่างของการออกแบบพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั่วไป เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผู้ที่ได้ไปเยือน
/
กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในซอยจ่าโสด เมื่อเราได้พบกับอาคารสถาปัตยกรรมโมเดิร์นเรียบเท่ที่เต็มไปด้วยไดนามิคของเส้นสาย ส่วนคว้านโค้งซึ่งออกแบบมาเพื่อฟังก์ชั่น และเพื่อแสงธรรมชาติ เป็นอาคารโทนสีขาวสะอาดตาแต่ทำให้เราไม่อาจละสายตา กับเอกลักษณ์ดีไซน์ของอาคารที่ทอดตัวยาวพร้อมมีประภาคารเล็ก ๆ นี่คือ SANS STUDIO BANGKOK สตูดิโอแห่งใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นโดยเจ้าของผู้สนใจในงานสถาปัตยกรรมและศิลปะการถ่ายภาพ หลังจากเรียนจบมาจากฝรั่งเศส โดยให้เป็นสตูดิโอที่รองรับงานถ่ายภาพ โปรดัคชั่น จนถึงอีเวนต์ ที่ได้ทาง PHTAA LIVING DESIGN มาเป็นบริษัทสถาปนิกออกแบบให้
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )