WHEN MATERIALS MEET STYLES! | IAMEVERYTHING.CO

LOOKING ON EVERYTHING ?

EXPLORE ON EVERYTHING

WHEN MATERIALS MEET STYLES!
ก้าวใหม่ของเส้นใยพลาสติกบนเส้นทางสายแฟชั่น

​ปิดท้ายโชว์ของ Fresh Face ในงาน Elle Fashion Week ได้อย่างโดดเด่น และน่าประทับใจเอามากๆ สำหรับแบรนด์แฟชั่นเลือดใหม่ที่น่าจับตามองอย่าง VINN PATARARIN ที่มีคุณแชมป์ วิณ โชคคติวัฒน์ กับคุณฝน ภทรฤน พงษ์ประสิทธิ์ เป็นผู้ขับเคลื่อนความคิดสร้างสรรค์ให้กับแบรนด์ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากการผสมผสานศาสตร์ของงานดีไซน์อันหลากหลายเข้าด้วยกัน มีการทดลองนำเทคนิค หรือวัสดุใหม่ๆ เข้ามาใช้กับการทำเสื้อผ้า จนเกิดเป็นผลงานดีไซน์ที่ไม่ต้องวิ่งตามเทรนด์แฟชั่น เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และสามารถสวมใส่ได้จริง!

จุดของเริ่มต้นของ VINN PATARARIN
ฝน : เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศส เป็นแก๊งเที่ยวเล่นด้วยกันมาตลอด แล้วตอนนั้นแชมป์ทำทีสิสเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Textile และ Architecture ส่วนเราเรียนแฟชั่นก็มีความสนใจเรื่องผ้า แชมป์เลยชวนมาเล่นมาลองจับผ้า ทำเป็นชุดเป็นฟอร์มด้วยกัน

แชมป์ : ครับ จากตรงนั้นก็ส่งงานประกวดได้รางวัลบ้าง มันเป็นเหมือนโดมิโนเอฟเฟกต์ทำมาเรื่อยๆ พอได้รางวัลต้องไปโชว์ที่นั่นที่นี่ทำคอลเลคชั่นขาย เราตั้งใจให้ VINN PATARARIN เป็นดีไซน์สตูดิโอ เนื่องด้วยแบ็คกราวด์ของผมเป็นสถาปัตย์ แล้วฝนก็เป็นแฟชั่น ในขณะเดียวกันเราเรียนดีไซน์กันทั้งคู่ เรารู้สึกว่าการออกแบบหรือศิลปะมันไม่มี Category กระบวนการคิด หรือการออกแบบใด ๆ ไม่ถูกจำกัดอยู่ในบริบทใดบริบทหนึ่ง คนที่ทำโปรดักท์อาจจะไปทำเสื้อผ้าได้ หรือคนทำเสื้อผ้าก็ไปออกแบบ Installation ได้ จริง ๆ แล้วมันอยู่ในพื้นฐานเดียวกัน เพราะฉะนั้นบริษัทเราเลยทำหลาย ๆ รูปแบบ ตั้งแต่ Human Scale ไปถึง Installation Scale และ Architecture  Scale ครับ
VINN PATARARIN ไม่ได้ทำแค่แฟชั่นอย่างเดียว แต่รับทำงานดีไซน์แขนงอื่นๆ ด้วย
แชมป์ : ใช่ครับ แต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามีชื่อเสียงคือแฟชั่น

ฝน : เราเริ่มจากแฟชั่นเสร็จแล้วก็ Express ไปหลายๆ รูปแบบว่ามันจะต่อที่ Installation ไปต่อที่ฝั่ง Architecture มั้ย หรือว่าจะไปต่อในด้านอาร์ท หรือดนตรี เราจะพยายาม Express ให้ครบทุกรูปแบบค่ะ

แชมป์ : การเริ่มด้วยแฟชั่นมันดี เพราะเป็น Human Scale ที่เราสามารถทำได้ด้วยมือของเรา เสร็จแล้วเราจะดูศักยภาพของคอลเลคชั่นนั้น หรือไอเดียของปีนั้นว่ามันจะต่อยอดไปในบริบทอื่นได้ยังไงบ้าง อย่างเช่นปีแรกเราพูดเรื่อง Identity ก็เริ่มจากการทำผ้าให้เข้ากับร่างกาย ต่อมาเรามีโอกาสได้ไปทำ Art Installation แล้วก็ขยับไปเรื่อยๆ ปีถัดมาเราพูดเรื่อง Instinct เราก็ไปทำ Home Decoration ทำ Art Installation ต่อไปครับ
แบรนด์ดีเอ็นเอของ VINN PATARARIN
แชมป์ : ดีเอ็นเอของเราจะมี 3 คำ คือ Experiment, Dynamic และ Sophisticated เราจะเน้นการทดลองของเสื้อผ้า  เอกลักษณ์ของเราจะมีความเป็นไดนามิกที่ดูเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นลวดลาย หรือรูปทรง ในขณะเดียวกันผู้หญิงของเราจะต้องมีความ Sophisticated มีความมั่นใจ มีความเป็นธรรมชาติ และเชื่อมั่นในตัวเอง

ฝน : จริงๆ ถ้าให้เปรียบกับผู้หญิงในปัจจุบัน คือผู้หญิงทำงานแต่ยังมีความสนุกอยู่ในชีวิต

แชมป์ : ต้องเป็นคนที่รู้จักตัวเองดีพอ รักตัวเองดีพอ Celebrate กับชีวิตตัวเอง เราไม่ได้รู้สึกว่าคนใส่เสื้อผ้าเราจะต้องใส่เพื่อโอกาสพิเศษเท่านั้น เขาจะใส่ไปไหนก็ได้ จะลากรองเท้าแตะก็ได้แต่เขามั่นใจว่าฉันไม่ได้ใส่เพื่อใคร ฉันใส่ให้ตัวเอง
ส่วนใหญ่แล้วไอเดียในการสร้างสรรค์เสื้อผ้าของแบรนด์มาจาก
ฝน : อยู่ที่ว่าช่วงนั้นเราทั้งคู่อินกับอะไรอยู่ มันเกิดปรากฏการณ์อะไรบ้างในช่วงปีที่ผ่านมา แล้วเรารู้สึกว่าเราอยากจะเล่าเรื่องอะไร แต่ส่วนใหญ่จะมาจากสังคมกับวัฒนธรรมค่ะ

แชมป์ : จริงๆ ไม่ได้เกี่ยวกับข่าวสารบ้านเมือง 100% ขนาดนั้น มันมาจากช่วงชีวิตนั้นของเราครับ
เรื่องราวในคอลเลคชั่นล่าสุด ที่เพิ่งโชว์ในงาน Elle Fashion Week 2018
แชมป์ : คอลเลคชั่นนี้ชื่อว่า The Illusionist ครับ เราเล่าเรื่องภาพลวงตา พอมาทำการเสิร์ชคำว่า Illusion เกิดขึ้นมาบนโลกเมื่อไร ในอดีตเขามองกันยังไง ปัจจุบันมองยังไง แล้วก็ไปเจอว่ามันถูกพูดครั้งแรกในปี 30 เหมือนกับว่าในยุคนั้นคนจะใส่เสื้อแขนพองเป็นการลวงตาเพื่อสถานะทางสังคม หรือบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง เราเอาคำว่าภาพลวงตา มาตีความในแบบของ VINN PATARARIN  ถ้าเป็นภาพลวงตาในยุค 90 หรือ 2000 เส้นสายจะเยอะลายตา ในขณะเดียวกันเราไม่เชื่อว่าการใส่เสื้อผ้าที่มีลวดลายมากขนาดนั้นจะยังดูสวยอยู่ เราเลยเอา ภาพลวงตาอันนั้นมาคลี่คลายออกมาเป็นเส้น ตาราง และลายจุด ตัวลายจุดจะสังเกตได้ว่ามันมีหลายเลเวล เราใช้โปรแกรม 3D เข้ามาในการสร้างฟอร์ม ทำให้เกิดลวดลายที่มันดูไดนามิก มีการไล่หลายเทคนิคจากหลายวัสดุ 

ฝน : เริ่มตั้งแต่มีเลเซอร์คัต ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์แบรนด์ ถ้ามี VINN PATARARIN ก็ต้องมีเลเซอร์คัต ที่ผ่านมาเราทำเลเซอร์คัตค่อนข้างเยอะ เราอยากเห็นลวดลายของเราในรูปแบบอื่นบ้างก็เลยหันมาสนใจผ้าไทย เรามาจับมือกับสตูดิโอที่ทอผ้า และ GC ค่ะ ซึ่ง GC เขาเป็นสปอนเซอร์เราในการใช้วัสดุต่างๆ รวมถึงการเอาเส้นพลาสติกที่รีไซเคิลมาลองทำขึ้นมาใหม่ เราก็เลยเอามาบวกกับการทอผ้า และการมัดหมี่ของชาวบ้าน เพื่อให้ได้ลายจุดได้โทนสีในแบบที่เราต้องการ เราอยากจะเล่าว่าภาพลวงตาของเรามันคือการทับซ้อนกัน ทำให้คนที่มองเห็นๆ เป็นอีกภาพหนึ่ง แต่พอเดินมาดูใกล้ๆ กลับเป็นอีกภาพหนึ่ง
ที่มาของการร่วมงานกับทาง GC
แชมป์ : เราได้ร่วมงานกับหน่วยงานหนึ่งของ GC คือ CSC (Customer Solution Center) ครับ เราเริ่มคุยกันว่าเราจะสามารถทำอะไรร่วมกัน GC เขาให้คำปรึกษาในเรื่องวัสดุที่จะนำไปใช้ และพัฒนาต่อยอดจนเป็นวัสดุที่นำไปใช้ได้จริง ผ้าที่เราทอขึ้นมาก็มาคิดว่ามันจะสามารถทำเป็นโปรดักท์อะไรได้บ้าง เพื่อเป็นการต่อยอดทางการขาย ซึ่งในครั้งนี้ที่เราทำก็มีเสื้อผ้ากับกระเป๋าครับ
กับผลงานที่อยู่ใน CSC (Customer Solution Center) วิธีการดำเนินงานในส่วนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
แชมป์ : ตอนนั้นเราคุยกับทาง GC ว่า เรามาทำโปรเจกท์กันมั้ย ทำยังไงให้งาน Traditional Craft กับพลาสติกซึ่งเป็นวัสดุในยุคโมเดิร์นมาเจอกันได้ เขาก็ช่วยหาผู้ประกอบการที่ผลิตวัสดุนั้นเอามาเจอกับเรา คุยกัน พัฒนา และทดลอง พอได้ทดลองไปเรื่อยๆ เราก็ค้นพบว่าวัสดุน่าสนใจมาก เพราะมันขึ้นฟอร์มได้ มันมีเส้นใย

ฝน : จริงๆ ทดลองกันตั้งแต่ควรจะเอาไปทอคู่กับอะไร ฝ้ายมั้ย หรือเป็นไหมดี แต่ด้วยคอนเซ็ปต์เราที่เป็นภาพลวงตา เรารู้สึกว่าพอทอกับไหมมันได้เอฟเฟกต์ที่ค่อนข้างเวิร์ก เพราะสามารถขยับเส้นได้ มันทำให้เส้นไหมไม่ใช่แค่เส้นตรงอย่างเดียว ก็เลยทดลองกันมาเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นโปรดักท์ต่างๆ อย่างที่เห็นในเสื้อผ้า อย่างตัวที่เราใส่ หรือกระเป๋า จะเห็นว่ามันมีการสอดแทรกพวกเส้นพลาสติก ซึ่งจริงๆ เส้นพลาสติกพวกนี้สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด แต่เป็นเส้นที่เราเอามาพัฒนากันใหม่ทำให้มันเส้นเล็กลงสีผสมกันมากขึ้น

แชมป์ : พอเห็นต้นแบบแล้วว่ามันมีโอกาสการพัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อันนี้เลยเป็นจุดเริ่มต้นในการทำโปรเจกท์ต่อไป ซึ่งเราได้คุยกันไว้แล้วว่าน่าจะพัฒนาไปถึงตัวเส้นใยเลยก็น่าจะมีวัสดุที่น่าสนใจออกมาอีกในคอลเลคชั่นต่อไปครับ
ความโดดเด่น และความท้าทายของตัวพลาสติกรีไซเคิลที่นำมาใช้ในการสร้างสรรค์เสื้อผ้า
ฝน : ถ้าในส่วนของผ้าทออย่างตัวนี้ที่เราใส่ คือหนึ่งตอนแรกโทนสีไม่ตรงกับสิ่งที่เราต้องการก็ต้องพยายามหาโทนสีที่ค่อนข้างตรงกับคอลเลคชั่นเรา สองคือวิธีการผสมผสานกับการทอ พอเป็นเชือกพลาสติกจะไม่เหมือนเชือกธรรมดามันจะไม่ยืดหยุ่นมาก ทีนี้ถ้ามันแข็งแล้วเป็นเสื้อผ้าเราทำยังไงถึงจะสวย โชคดีตรงที่ปกติ VINN PATARARIN จะเป็นแบรนด์ที่ทำฟอร์มค่อนข้างลีน แต่รอบนี้เราอยากลองทำฟอร์มใหญ่  เชือกนี้เลยตอบโจทย์ดีมาก เพราะใส่ปุ๊บก็จะเห็นทรงที่สวย ยิ่งพอไปคู่กับผ้าไหมที่มีความกระด้างอยู่แล้วก็ยิ่งสวยเข้าไปใหญ่

แชมป์ : ตัวเนื้อผ้ากลายเป็นมีโครงสร้างของมันเอง ปกติเวลาทำผ้าไหมจะต้องรีดผ้ากาว หรือทำให้มันหนาขึ้น รอบนี้ไม่ต้องทำ เพราะด้วยตัวเชือกมันสามารถดันให้ตัวผ้าขึ้นฟอร์มเองโดยอัตโนมัติ แล้วสิ่งที่เราสเก็ตช์พอเราขึ้นเป็นชุดขึ้นมาจริงๆ ไม่เหมือนกันนะ แต่มันแฮปปี้เอนดิ้ง

ฝน : มันกลายเป็นฟอร์มใหม่ที่เวิร์คว่าเดิมอีก ถือว่าประสบความสำเร็จในการทดลอง
ฟีดแบ็คจากงาน Elle Fashion Week ที่ผ่านมา
ฝน : เกินคาดค่ะ

แชมป์ : ดีใจที่เขาชอบกัน ก็มีทั้งทั้งคำชมคำติ แต่คำชมมากกว่า

ฝน : ค่อนข้างแฮปปี้ เพราะทุกคนที่เข้ามาชมไม่เคยเห็น VINN PATARARIN ในเวอร์ชั่นแบบนี้ รอบนี้ใส่ง่ายเข้าใจง่ายขึ้น ในขณะที่กระบวนการเล่าเรื่องค่อนข้างง่าย มีระยะในการเล่าแต่ละ Section ที่ชัดเจน แต่ก็มีบางเรื่องที่เรายังคงต้องพัฒนากันอยู่ จริงๆ เวลาค่อนข้างกระชั้น เพราะเราทั้งพัฒนาเส้นใย ทำผ้า และคิดลายใหม่ด้วย กระบวนการเลยเยอะกว่าปกติ

แชมป์ : ต้องขอบคุณครับแม่ป้าทั้งหลาย
ฝน : ขอบคุณแม่ๆ ป้าๆ ทุกคนที่ทอให้ วันนี้ใส่เสื้อผ้าตัวเองมาแล้วเมื่อกี้ไปเจอคุณป้าคนหนึ่ง ซึ่งอยู่สุรินทร์เขาเป็นคนทอผ้าให้เราวิ่งเข้ามาบอกหนูๆ ป้าขอถ่ายรูปหน่อย เพราะป้าเป็นคนทอผ้าชิ้นนี้ มันเจ๋งมากเลยที่ป้าจำได้ ต้องขอบคุณมาก เพราะให้เวลาคุณป้าแค่ 3-4 อาทิตย์ ในการผ้าทอ 50 เมตร

แชมป์ : รอบนี้กระบวนการเราครบ ตั้งแต่พัฒนาวัสดุไปจนถึงกระบวนการผลิต เราดีใจที่เรายังได้ทำงานกับชาวบ้าน เรายังได้ทำอะไรไทยๆ ในขณะเดียวกันเราก็ยังทำงานทดลองที่ใช้เทคโนโลยี พอมันมาอยู่บนรันเวย์ทุกอย่างร้อยเรียงต่อกันแล้วเป็นภาพที่สวย  บางคนเขาไม่ได้สังเกตว่ามันเป็นผ้าทอด้วยซ้ำ แต่เรารู้สึกว่า Mood and Tone มันได้ ทุกคนรู้ว่าเราตอนนั้นเล่าเรื่องอะไร
โปรเจกท์ในอนาคตกับทาง GC
แชมป์ : เราวางแผนระยะยาวกับทาง GC ไว้ว่าจะพัฒนาวัสดุไปเรื่อยๆ ในปีนี้ยังเป็นเรื่อง Textile แต่ปีถัดไปจะเป็นวัสดุที่เป็นพลาสติกมากขึ้น อาจจะไล่ไปจนถึงวัสดุก่อสร้าง เวลาทำงาน ดีไซเนอร์จะมีปัญหาในการใช้วัสดุ คือวัสดุบางอย่างมันไม่ตอบโจทย์ เราต้องเอาดีไซน์เข้าไปช่วยเพื่อให้วัสดุนั้นเกิดเป็นฟอร์มขึ้นมา

ฝน : คงจะได้เห็น Range ของวัสดุที่มากขึ้น จากทั้งทางเรา และ GC เพราะเป็นโปรเจกท์ร่วมกันที่จะช่วยพัฒนาวัสดุใหม่ ๆ ออกมา ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แบรนด์เราอยากทำและอยากทดลองอยู่แล้ว ในขณะที่แบรนด์เราเป็น Multidisciplinary ที่ทำตั้งแต่ Human Scale ไปจนถึง Architecture Scale เราฝันว่าเราอยากมีวัสดุบางอย่างที่มันใช้ได้จริงๆ กับทุก Scale ก็คงจะได้เห็นกันในอนาคตข้างหน้าค่ะ
ก้าวต่อไปของ VINN PATARARIN
ฝน : เปลี่ยนไปทุกปีนะคะ แต่ยังมีเป้าหมายที่อยากให้เป็น Multidisciplinary ได้เห็นผลงานของ VINN PATARARIN ในทุก ๆ Range ตั้งแต่เล็กที่สุดไปจนถึงใหญ่ที่สุด เหตุผลที่เราอยากทำแบบนี้เพราะอยากให้คนไทยรู้ว่าวัฒนธรรมการออกแบบ การทำงานดีไซน์มีทุกรูปแบบ ไม่จำเป็นจะต้องทำแค่อย่างเดียวตลอดไป เราเป็นคนหนึ่งที่เรียนดีไซน์ โตมากับการชอบงานดีไซน์ เราอยากให้ประเทศไทยค่อยๆ ซึมซับงานดีไซน์มากขึ้นไปเรื่อยๆ อาจจะด้วยการดูงานของเรา แล้วเห็นว่ามันไปได้หลายรูปแบบ สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นที่รู้สึกกว่าแบรนด์นี้เขาทำได้ ในอนาคตเราอยากให้เป็นอย่างนั้น

แชมป์ : จากวันแรกจนถึงวันนี้ยังเป็นเป้าหมายเดิม เราอยากให้งานออกแบบของเราสามารถไล่จาก Human Scale ไปจนถึงอะไรที่มันใหญ่ขึ้น มันเหมือนมันมีจิ๊กซอว์มาเติมเรื่อยๆ ในวันที่เราเป็นสตูดิโอเล็กๆ เรายังทำอะไรได้ไม่มาก แต่วันนี้เรามีพาร์ทเนอร์ที่ดี เรามีทาง GC ที่มาช่วยดูวัสดุอะไรอย่างนี้ เราก็รู้สึกว่าไปได้มากขึ้น
    TAG
  • vdo
  • Circular Living

WHEN MATERIALS MEET STYLES!

MATERIAL/INTERVIEW
7 years ago
CONTRIBUTORS
By GC
EVERYTHING TEAM
RECOMMEND
  • PEOPLE/INTERVIEW

    มองสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัยในฐานะวัฒนธรรมที่มีชีวิตผ่าน ART TOYS เจาะลึกแนวคิดความสนุกจาก DUCTSTORE the design guru Co.,Ltd.

    ทันทีที่ Key Visual สถาปนิก’ 68 เผยแพร่ออกมา บทสนทนาปลุกสัญชาตญาณนักสืบในตัวทุกคนพร้อมใจกันทำงานแบบ Autopilot และระหว่างที่ตามหาเฉลยกันจริงจัง ทุกคนเริ่มหันมาตั้งคำถามต่อว่า Art Toys เกี่ยวข้องกับธีมงานอย่างไร รู้ตัวอีกทีวงสนทนาก็กระเพื่อมขยายกว้างขึ้น ส่งสัญญาณชัดว่า Key Visual ปีนี้เปิดฉากมาแบบสนุกเอาเรื่อง โดนเส้นกันสุดๆ

    EVERYTHING TEAMJanuary 2025
  • PEOPLE/INTERVIEW

    อุ้ม-วัลลภ รุ่งกำจัด นักแสดงภาพยนตร์อิสระ สู่เส้นทางของ Cannes Film

    วัลลภ รุ่งกำจัด หรือ อุ้ม นักแสดงที่เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์กับโลกของภาพยนตร์ ผ่านการสร้างชีวิตให้ตัวละครต่าง ๆ ได้ออกมาโลดแล่นแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ให้กับผู้ชม แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงในวงกว้างเทียบเท่ากับนักแสดงกระแสหลัก แต่ในเวทีระดับโลก “อุ้ม” ได้พิสูจน์ตัวเองกับการเป็นนักแสดงที่มีความสามารถที่ยอมทุ่มเทหลาย ๆ สิ่ง ให้กับงานศิลปะด้านการแสดงในภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้อย่างสุดตัว

    EVERYTHING TEAM6 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    พูดคุยกับ “MAMIO” บนหน้ากระจกสะท้อนตัวตนที่ถูกซ่อนมาทั้งชีวิต “อาจใช้เวลานานถึง 30 ปี แต่ก็ดีกว่าไม่มีโอกาสได้รู้เลย”

    คงปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เราได้รู้จักกับเธอคนนี้ในชื่อของ พัด หรือที่ชอบเรียกติดปากกันว่า พัด ZWEED N’ ROLL เจ้าของเสียงทุ้มมีเสน่ห์ นักร้องและนักแต่งเพลงที่ฝากผลงานเพลงเศร้าเอาไว้ในวงการมากมาย อาทิ ช่วงเวลา, Diary, อาจเป็นฉัน และอีกมากมาย ไม่มีอะไรแน่นอนแม้กระทั่งตัวเราเอง ช่วงเวลาจึงได้พัดพาให้เรามาทำความรู้จักกับ “MAMIO” ในฐานะศิลปินใหม่จากค่าย Warner Music Thailand ซึ่งเป็นอีกตัวตนหนึ่งของคุณพัดที่ไม่เคยถูกปลดปล่อยออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในวงการสิบกว่าปีที่ผ่านมา หรือถ้าจะให้ซื่อสัตย์กับตัวเองจริง ๆ ก็อาจจะเป็นทั้งชีวิตที่เกิดมาเลยเสียด้วยซ้ำ

    EVERYTHING TEAM6 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    THE ROARING SOUND OF BANGKOK EVILCORE

    Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia

    EVERYTHING TEAM7 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    Nat Inksmith (ชณัฏฐ์ หวังบุญเกิด) มากกว่าความสวยงามคือการนำเสนอผลงานที่เป็นตัวตนผ่านศิลปะลายสัก

    ด้วยลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์และรูปแบบงานสักของเขา ที่เรารู้สึกแปลกประหลาดกว่างานสักอื่น ๆ (แปลกประหลาดในที่นี้คือความหมายในแง่ดีนะ) ก็เลยตัดสินใจส่งข้อความทักไปหา “พี่นัทครับ ผมขอสัมภาษณ์พี่ได้ไหม” “ได้ครับ” สั้น ๆ แต่จบ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเริ่มต้นขึ้นที่ร้าน CAVETOWN.TATTOO แถว ๆ ปิ่นเกล้า ซึ่งพี่นัทเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ บทสนทนาของเราเริ่มกันในช่วงเวลาบ่าย ๆ ของวันพฤหัส พอไปถึงร้านพี่นัทกำลังติดงานสักให้กับลูกค้าอยู่หนึ่งคน พอได้เห็นลายที่เขาสักต้องบอกว่าเท่มาก ๆ มันมีความเป็น Psychedelic บวกกับ Ornamental ผสมผสานกับเทคนิค Dotwork จนกลายเป็นงานศิลปะบนผิวหนังหลังฝ่ามือ เราถึงกับต้องถามคำถามโง่ ๆ กับลูกค้าที่ถูกสักว่า “เจ็บไหม” แน่นอนคำตอบที่ได้คือ “โคตรเจ็บ” เพราะจุดที่สักคือหลังฝ่ามือ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่หลายคนร่ำลือกันว่าโคตรเจ็บ ระหว่างที่รอพี่นัทไปพลาง ๆ น้องแมคช่างภาพที่มีรอยสัก Full Sleeve เต็มแขนขวา ก็เริ่มกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปเก็บภาพระหว่างที่เขาสักไปด้วย พอสักเสร็จเรียบร้อยก็ปล่อยให้พี่เขาพักผ่อนกินน้ำ ปัสสาวะ (อ่านแยกคำนะอย่าอ่านติดกัน) ก่อนจะพูดคุย แต่เดี๋ยว ! ก่อนจะเริ่มบทสนทนา เราขอเกริ่นให้ฟังซักนิดนึงเกี่ยวกับชายคนนี้ก่อน

    EVERYTHING TEAM7 months ago
  • PEOPLE/INTERVIEW

    KIKI กับการเดินทางก้าวต่อไปของความคิดสร้างสรรค์บนเส้นทางดนตรี

    ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีวงดนตรีสัญชาติไทยที่ชื่อ KIKI ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในวงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั้งในประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ฮ่องกง ก็เพราะด้วยเสียงเพลงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และการนำเสนอแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่สะท้อนถึงตัวตนของพวกเขาได้อย่างชัดเจน

    EVERYTHING TEAM8 months ago
SIGN UP TO OUR NEWSLETTER
A Monthly update of the new issue from us
THANK YOU FOR YOUR SUBSCRIPTION

We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )