Whispers เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่สะท้อนการเติบโตของวงการ Hardcore ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงกลุ่มเพื่อนที่หลงใหลในดนตรี เพราะนอกจากจะเป็นผู้เล่น พวกเขายังเป็นกำลังสำคัญที่คอยผลักดันซีนฮาร์ดคอร์ในบ้านเรามาโดยตลอด ประสบการณ์ที่สั่งสมทำให้เกิดเป็นสไตล์เฉพาะของ Whispers สร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เวทีระดับสากล ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ใต้ดินของไทย แต่เสียงคำรามของพวกเขาก็ดังไปไกลถึงทวีปยุโรป มาพบกับเส้นทางดนตรีที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและการเปลี่ยนแปลง กับวงฮาร์ดคอร์ระดับบท็อปของ Southeast Asia

การเติบโตของ Whispers ในวงการ Hardcore
  เก็ต : ฮาร์ดคอร์ไทยเริ่มต้นจากกลุ่มเพื่อนเล็ก ๆ ที่มารวมตัวกันเล่นดนตรีเพราะความชอบ ทุกคนมีส่วนร่วมกัน มีการยืมตัวนักดนตรีระหว่างวง ช่วยกันอัดเพลง หรือทำอัลบั้ม โดยไม่มีค่าย และไม่มีใครเป็นศูนย์กลางคอยเชื่อมโยงเรากับกลุ่มอื่น ๆ และค่าย Holding On Records ก็ได้ทำสิ่งนี้ขึ้นมา โดยคุณแก๊ป ที่เป็นผู้จัดการวง Whispers ที่ต้องการทำค่ายเพื่อที่จะสนับสนุนวงดนตรีอันเดอร์กราวด์ในบ้านเรา เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ทุกคนสามารถมาร่วมสนุกกันได้ โดย Holding On Records ทำหน้าที่หลัก ๆ คือเป็นผู้จัดจำหน่ายอัลบั้ม และเป็นเอเจนต์ที่ติดต่อวงจากต่างประเทศเข้ามาแสดงคอนเสิร์ตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงในไทย แต่ที่รู้สึกว่าวงการของพวกเราจะเป็นการแชร์และช่วยเหลือกันมากกว่า เรื่องเงินก็สำคัญแต่เราเอาไว้ที่หลัง

  ช่วงก่อนที่เราจะไปเล่นที่ญี่ปุ่น คนจะเริ่มรู้จักเราจากการเล่นเพลงคัฟเวอร์วงระดับตำนาน ซึ่งตอนนั้นพวกเราไปเล่นที่เป็นวงเปิดให้วง Day By Day วงจาก South Florida ตอนมาเมืองไทย คนก็เริ่มถามกันใน Instagram ว่าเราเป็นใคร ไปอยู่ไหนมา ทำไมไม่เคยได้ยินเพลงเรามาก่อนเลย เป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ นะครับ มันทำให้ทั้งคนไทยและคนต่างชาติเริ่มให้ความสนใจเรามากขึ้น

  เก็ต : จากนั้น Whispers ก็ได้เล่นในงานใหญ่ ๆ หลายงาน เนื่องจากค่าย Holding On Records เป็นกลุ่มที่จัดงานด้วย เราก็ได้มีโอกาสได้ช่วยงานกันทุกคน ได้ช่วยซัพพอร์ตวงที่มาจากต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง มันทำให้เรามีเพื่อนเยอะ เราช่วยเค้า เค้าก็ช่วยเรา มันเป็นมิตรภาพมากกว่าธุรกิจ และสิ่งที่ตามมาคือคนเริ่มรู้จักพวกเราเยอะขึ้น ผลตอบรับค่อนข้างดี แต่จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่พวกเราไปเล่นที่ใจกลางสยาม และกลายเป็น Talk of the town เมื่อแฟนเพลงเราไปมอชพิทกันที่นั่น ทำให้สื่อหันมาสนใจและนำเสนอวัฒนธรรมของพวกเรา คนก็เริ่มรู้จักการมอชพิทกันมากขึ้น ซึ่งวงการฮาร์ดคอร์มันอยู่ใต้ดิน คนทั่วไปก็จะไม่คอยเห็นเรา และเราก็ไม่พยายามตะโกนบอกว่าเราอยู่ไหน พอเราได้ไปเล่นในที่ที่เป็นสาธารณะ ก็ทำให้คนได้เห็นได้รู้จักเรามากขึ้น ก็นับเป็นเรื่องดีนะครับ แต่คนที่ไม่ชอบเค้าก็จะมองว่ามันรุนแรง ก็ไม่ผิดครับ แล้วแต่ใครจะมอง

  หนึ่ง : ช่วงหลังจากโควิดจะเห็นว่ามีวงดนตรีจากต่างประเทศเข้ามาเล่นในบ้านเราเรื่อย ๆ มีเทศกาลดนตรีเข้ามาจัด และโชว์ที่คิดว่าคนได้เห็นวงเรามากขึ้นน่าจะเป็นโชว์ที่เล่นกับวง SPEED จาก Australia ครับ คนเยอะมาก ถือเป็นคอนเสิร์ตฮาร์ดคอร์ที่ใหญ่ที่สุดในบ้านเราเลย เมื่อก่อนเราเล่นคนดู 100 - 200 คนก็โคตรเท่แล้ว แต่ครั้งนั้นเราได้เล่นที่ลิโด้ คนน่าจะประมาณ 500 - 600 คน มันสุดยอดมาก ๆ สำหรับวงการนี้ วงจากต่างประเทศเค้าก็รู้สึกเซอร์ไพรส์เหมือนกับเรา แล้วก็คุยกันว่า “นี่เรามาถึงขั้นนี้แล้วหรอ”

  มายด์ : สำหรับผมในฐานะนักร้อง ส่วนสำคัญที่ทำให้ผมร้องได้แบบทุกวันนี้ก็คือการร้องคัฟเวอร์วงต่างประเทศครับ มันก็ได้รับอิทธิพลมา จากนั้นผมก็ลองเอามาประยุกต์ใช้กับเสียงของเรา ทุกวันนี้ก็ยังปรับเปลี่ยนอยู่เรื่อย ๆ ครับ มันเหมือนการวาดรูป แรก ๆ เราก็วาดไปตามกระแสนิยมที่คนเค้าวาดกัน แต่ท้ายที่สุด เราก็จะปรับลายเส้นให้เป็นของเรา ซึ่งการร้องเพลงฮาร์ดคอร์มันต้องฝึกครับ มันอาจจะเจ็บคอบ้างในช่วงแรก แต่ตอนนี้สบายมากครับ

การทำงานร่วมกับ Flatspot Records ค่ายเพลงจากนิวยอร์ก
   โอเล่, เก็ต : การเข้ามาอยู่ในสังกัดค่าย Flatspot Records มันต่างจากที่เราเคยทำกัน เพราะแน่นอนว่าค่ายใหญ่ขึ้นก็มีระบบที่มีมาตรฐานขึ้น ก่อนหน้านี้เราอยู่ค่าย Holding On Records แก๊ปและพวกเราทุกคนในวงก็ทำกันเอง ช่วยกันคนละนิดละหน่อย ไม่มีงบก็ต้องวางแผนหากัน ช่วยกันให้มันเดินไปข้างหน้า และรู้อะไรมั้ยว่าการที่พวกเราได้ไปอยู่ค่าย Flatspot ได้ก็เพราะแก๊ปและ Holding On Records นี่แหละครับ ที่ช่วยผลักดันเรา ถึงวง Whispers จะได้ไปอยู่ค่ายใหญ่ แต่คนในวงก็ยังทำงานใน Holding On Records กันอยู่เหมือนเดิม ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจไปอยู่ค่ายใหญ่ ก็มีคุยกับคนในวงว่าเราพร้อมที่จะไปตรงนั้นหรือยังวะ? ทิศทางของวงจะเป็นแบบไหน มีคำถามมากมาย แต่ก็ลงความเห็นกันว่า เราน่าจะลองดู มันเป็นสิ่งใหม่ที่เราไม่เคยทำ มองว่าเป็นความท้าทายมากกว่าครับ
  แน่นอนว่าพออยู่ค่ายใหญ่ขึ้น เราก็ต้องรักษาคุณภาพผลงานของพวกเราให้ดี ดีที่ค่ายไม่ปิดกั้น เราเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ อยากทำอะไรทำเลย แต่ก็จะมีเรื่องแบบแผนในเรื่องของธุรกิจของทางค่ายมากขึ้น หลัก ๆ ทางค่ายก็จะสนับสนุนในเรื่องของการลงทุนในการผลิตเพลง มิวสิกวิดีโอ แผ่นเสียง และเมิร์ช รวมถึงช่องทางการโปรโมทและการไปทัวร์คอนเสิร์ต แน่นอนว่าเราก็ต้องทำงานให้ได้ตามแผนที่ค่ายได้วางไว้ เช่น ช่วงไหนต้องการปล่อยเพลงใหม่ ช่วงไหนปล่อยเอ็มวี เราก็ต้องวางแผนทำงานกันล่วงหน้า เพื่อให้ตรงตามไทม์ไลน์ที่วางไว้

การเป็นตัวแทน Hardcore ไทย ไปทัวร์คอนเสิร์ตในยุโรป
  โอเล่ : สำหรับการไปทัวร์ยุโรปครั้งนี้ เราไม่กล้าคิดว่าเราเป็นตัวแทนของไทยนะ เพราะมีหลาย ๆ วงที่มีฝีมือของไทย ก็มีโอกาสที่ได้ไปทัวร์มาแล้วเหมือนกัน แต่แนว Hardcore ก็คือพวกเราครับ ก็จะทำให้เต็มที่ แน่นอนว่าการเล่นคอนเสิร์ตในที่ใหม่ ๆ ความตื่นเต้นมันมีอยู่เสมอ โดยเฉพาะการทัวร์ต่างประเทศ การเตรียมตัวจึงสำคัญมาก ๆ มันจะช่วยเรามั่นใจมากขึ้น ซึ่งครั้งนี้เราจะโชว์ทั้งหมด 13 โชว์ต่อเนื่อง จบโชว์นี้แล้วนั่งรถไปต่ออีกที่เลย เรียกว่ากินนอนบนรถครับ แต่เราก็จะทำมันเต็มที่ในทุกโชว์

โชว์ไหนของ Whispers ที่รู้สึกประทับใจที่สุด
   มายด์ : การแสดงสดที่ประทับใจมากที่สุดของพวกเราก็จะเป็นที่ Northern Unfest, Scotland สถานที่ที่เราเป็นเหมือนศาลาประชาคมที่เป็นกึ่งๆ หอประชุม เราได้รับการตอบรับที่ดีมาก ๆ ใส่กันสุด พอเล่นจบทุกคนยืนปรบมือและแสดงความยินดีกับวงเล็ก ๆ จากเอเชียอย่างพวกเรา และชื่นชมอย่างจริงใจ พวกเรารู้สึกถึงการเป็นที่ยอมรับอย่างแท้จริง เหมือนกับว่าความฝันที่เคยฝันในวัยเด็กว่าอยากไปเล่นดนตรีต่างประเทศ มันเป็นจริงแล้วนะโว้ย! นับเป็นความสำเร็จที่ไม่สามารถลืมได้เลย

  โอเล่ : ถ้าให้พูดตามตรง ถ้าไม่มีฮาร์ดคอร์ ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าจะได้มามาอังกฤษหรือสกอตแลนด์ยังไงเลย

  เอส : และอีกที่ก็เป็นที่ Bloodaxe Festival, Japan ครับ ช่วงนั้นโควิดเริ่มซาแล้ว เป็นคอนเสิร์ตคนดูระดับพันคน เมื่อก่อนเราดูแต่ในยูทูป และก็เคยเป็นคนดูมาก่อน เป็นฝันที่คิดว่าสักวันอย่างจะได้ขึ้นเล่นงานแบบนี้บ้าง และวันนี้ก็มาถึงครับ พอเราได้ไปยืนบนเวทีและมองเห็นแฟนเพลงจำนวนมากมารอดู มันรู้สึกอบอุ่น ผมรู้สึกได้ว่าเหมือนทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป และพวกเราก็ใส่กันเต็มที่เหมือนทุกครั้ง

สิ่งที่อยากเห็นในซีน Hardcore ไทย
  มายด์ : สำหรับซีนฮาร์คอร์ในบ้านเรา สิ่งที่พวกเราอยากเห็นก็คือวงหน้าใหม่ และคนดูกลุ่มใหม่ ถ้าไม่มีพวกเค้าวงการนี้มันจะรันต่อไปไม่ได้ พวกเราเริ่มมาจากรวมตัวเพื่อน ๆ เล่นกันเอง จัดงานกันเอง ดูกันเอง ตอนเราทำกันแรก ๆ คนดู 50 คน ก็โคตรดีใจแล้วครับ อยากให้ช่วยซัพพอร์ตกันคนละเล็กละน้อย ถ้าไม่มีคนดู เราก็เหมือนชุดสูทที่แขวนอยู่บนหุ่น มันสวยก็จริง แต่ถ้าไม่มีคนซื้อไปใส่ มันก็เท่านั้น…

  เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้เราสัมผัสได้ว่า Hardcore มันไม่ใช่แค่เสียงดนตรีที่ดัง หรือท่วงทำนองที่ดุดัน แต่มันคือพลัง ความเป็นตัวเอง และการแสดงออกถึงอารมณ์ที่บริสุทธิ์ อยากให้ทุกคนลองเปิดใจฟังเพลงของพวกเขากันดู บางทีคุณอาจจะพบความตื่นเต้นในแบบที่คุณไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็ได้นะ