LOOKING ON EVERYTHING ?
EXPLORE ON EVERYTHING

Inside (2023) หนังทริลเลอร์จิตวิทยาของผู้กำกับสัญชาติกรีซ วาซิลลิส แคตซูพิส (Vasilis Katsoupis) ที่เล่าเรื่องราวของนีโม (วิลเลียม เดโฟ) หัวขโมยที่ลักลอบเข้าไปในเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของสถาปนิกชื่อดัง เพื่อขโมยงานศิลปะราคาแพงที่สะสมอยู่ในนั้น แต่ดันบังเอิญโชคร้ายถูกระบบนิรภัยขังอยู่ภายในคนเดียว ท่ามกลางงานศิลปะที่อยู่รายรอบ จนเขาต้องหาทางเอาชีวิตรอดอยู่ข้างใน โดยอาศัยข้าวของรอบตัว หรือแม้แต่งานศิลปะที่อยู่ในนั้นมาใช้เป็นเครื่องมือก็ตาม เรียกได้ว่าเป็น Cast Away เวอร์ชันอาชญากรก็ได้
ในหนังจึงเต็มไปด้วยผลงานศิลปะสมัยใหม่และศิลปะร่วมสมัยมากมายหลายชิ้น เรียกว่าดูกันจนตาลายกันไปข้าง เริ่มจากผลงานของศิลปินผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในยุคเปลี่ยนศตวรรษที่ 20 อย่าง อีกอน ชีเลอ (Egon Schiele) ผู้มีชื่อเสียงจากการวาดภาพเชิงสังวาสที่สื่อถึงเรื่องเพศอย่างจะแจ้ง อย่างภาพเปลือย (ของตัวเองและนางแบบ) ที่แสดงท่าทางอันพิสดาร บิดเบี้ยว หงิกงอ ผ่านเส้นสายลายเส้นที่เฉียบขาด รุนแรง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นธารของงานศิลปะสกุลเอ็กซ์เพรสชันนิสม์ (Expressionism) เลยทีเดียว ผลงานชีเลอนี่เองที่เป็นเป้าหมายที่นีโมลักลอบเข้ามาขโมยในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้จนต้องถูกขังอยู่ข้างใน ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด Seated woman in underwear, rear view (1917), Cowering (male nude) (1912), Reclining Nude in Green Stockings (1914) และ Self-portrait (1910)


นอกจากภาพวาดของอีกอน ชีเลอ แล้ว ภายในฉากเพนท์เฮ้าส์ในหนังยังเต็มไปด้วยผลงานศิลปะร่วมสมัยอีกเป็นจำนวนมาก ที่น่าสนใจก็คือ หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นหนังเรื่องแรกๆ ที่มีคิวเรเตอร์หรือภัณฑารักษ์ที่ทำหน้าที่ช่วยคัดสรรผลงานศิลปะที่ปรากฏอยู่ในหนัง โดยผู้กำกับ วาซิลลิส แคตซูพิส เชื้อเชิญ เลโอนาร์โด้ บิกาซซี่ (Leonardo Bigazzi) ภัณฑารักษ์ชาวอิตาเลียนให้มาทำงานร่วมกันในหนังเรื่องนี้นั่นเอง
“ตอนเริ่มต้นทำหนังเรื่องนี้ ผมมีภาพอยู่ในใจแหละนะ แต่ผมต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในการทำให้มันสมจริง เราดูหนังหลายเรื่องที่มีศิลปะในนั้น และบ่อยครั้งที่งานศิลปะในหนังเหล่านั้นดูปลอม หรือแค่ดูเหมือนเท่านั้น แต่ผมต้องการให้ทุกอย่างในหนังของผมดูถูกต้องสมจริงที่สุด” แคตซูพิส กล่าว

หนังเรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยผลงานศิลปะของจริงที่หยิบยืมมาจากหอศิลป์และศิลปิน มาใช้ถ่ายทำในหนัง หรือถ้าเป็นของจำลอง ก็เป็นของจำลองที่ทำขึ้นโดยศิลปินเจ้าของงานเป็นส่วนใหญ่ (ยกเว้นศิลปินที่เสียชีวิตไปแล้วน่ะนะ) ทั้งผลงานภาพวาด, ประติมากรรม, ภาพถ่าย, ภาพวาดลายเส้น, ศิลปะจัดวาง, วิดีโอ, หรือผลงานศิลปะแนวคอนเซ็ปชวลต่างๆ ทั้งผลงานของ เมาริซิโอ คัตเตลาน (Maurizio Cattelan), ฟรานเซสโก คเลเมนเต้ (Francesco Clemente), แม็กซ์เวลล์ อเล็กซานเดร (Maxwell Alexandre), เอเดรียน ปาซี (Adrian Paci), จอห์น อาร์มเลเดอร์ (John Armleder), โจอานนา พิโอทรอฟสกา (Joanna Piotrowska), อัลบาโร อูบาโน (Álvaro Urbano), เดวิด ฮอร์วิทซ์ (David Horvitz), เบราดา เบบัน (Breda Beban), โจนาธาส เด อันดราเด (Jonathas de Andrade), สเตฟาโนส โรโคส (Stefanos Rokos), เรย์ยัน ทาเบธ (Rayjan Tabeth) ฯลฯ
ซึ่งผลงานจำนวน 33 ชิ้น จาก 25 ศิลปินเหล่านี้ ต่างส่งผลต่อการดำเนินเรื่อง ไปจนถึงตัวตน จิตวิทยา แรงผลักดัน และบุคลิกภาพของตัวละครในเรื่องไม่มากก็น้อย เผลอๆ จะกลายเป็นเหมือนตัวละครสมทบในเรื่องเสียด้วยซ้ำ เพราะในหนังก็แทบจะมีนีโมเป็นตัวละครดำเนินเรื่องอยู่คนเดียวท่ามกลางผลงานศิลปะทั้งหลาย
ไม่ว่าจะเป็นผลงานของ เมาริซิโอ คัตเตลาน ศิลปินชาวอิตาเลียนผู้เป็นที่รู้จักในฐานะนักเสียดสีกระตุ้นเร้าผู้ชม ด้วยความขี้เล่น เปี่ยมอารมณ์ขัน ตลกร้าย ยียวนกวนอารมณ์ และปั่นป่วน ท้าทายสังคมจนอื้อฉาว เพื่อเขย่าขนบเดิมๆ ของสังคม และกระตุ้นให้เกิดการตั้งคำถามกับค่านิยมและความเชื่อเก่าๆ จนได้ฉายาว่าเป็น “จอมป่วนแห่งโลกศิลปะ” อย่าง A perfect day (1999) ที่จับเอา แมสซิโม เด คาร์โล (Massimo De Carlo) เจ้าของแกลเลอรีคนดังแห่งมิลาน เพื่อนสนิทของเขาตรึงบนผนังด้วยเทปกาวในวันเปิดนิทรรศการ เรื่องของเรื่องก็คือคัตเตลานเคยทำงานชื่อ Untitled (1999) ซึ่งเป็นประติมากรรมแผ่นหินแกรนิตสีดำที่จารึกความพ่ายแพ้ของทีมชาติอังกฤษระหว่างปี 1874 - 1998 เมื่อ เด คาร์โล ไปเห็นก็เลยขู่ว่า ถ้ามาทำแบบนี้กับทีมโปรดของเขาอย่างมิลาน เขาจะตอกตะปูตรึงคัตเตลานไว้บนผนังซะ คัตเตลานเลยบอก เด คาร์โล ว่า มันเป็นไอเดียที่น่าทึ่งมาก ว่าแล้วก็จับเอา เด คาร์โล ติดเทปกาวตรึงเอาไว้บนผนังหอศิลป์ในวันเปิดงานของเขาเสียเลย! (ก่อนที่คัตเตลานจะเอาเทปกาวติดกล้วยบนผนังจนเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลกนั่นแหละนะ) ที่ปรากฏในหนังเป็นเวอร์ชันภาพถ่ายของผลงานชิ้นนี้อีกที บิกาซซี่กล่าวว่าผลงานชิ้นนี้เป็นภาพแทนชะตากรรมของนีโม หัวขโมยผู้ลักลอบเข้ามาขโมยผลงานศิลปะล้ำค่าในเพนท์เฮ้าส์ แต่ในที่สุดก็ติดกับและถูกกักขังอย่างไร้ทางหนี

คัตเตลานยังทำภาพวาดเลียนแบบงานจิตรกรรมกรีดผืนผ้าใบให้เป็นร่องรูของ ลูชิโอ ฟอนตานา (Lucio Fontana) ในเวอร์ชันของตัวเองขึ้นมาอย่างยียวน ซึ่งปรากฏอยู่ในหนังเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน



ในหนังยังเต็มไปด้วยผลงานวิดีโอจัดวางมากมาย ซึ่งไม่ค่อยเห็นในหนังเรื่องอื่นๆ ที่โดดเด่นเตะตาเราก็คือผลงาน I can’t make you love me (2003) ของศิลปินชาวเซอร์เบียนผู้ล่วงลับ เบราดา เบบัน ที่สะท้อนถึงความล้มเหลวในการสื่อสารของตัวละครในเรื่อง ในหนังยังมีผลงานภาพถ่าย Arte Vivo (2008-2011) ของเธอให้เห็นแว้บๆ อีกด้วย

หรือผลงานวิดีโอจัดวาง O Peixe (The Fish) (2016) ของ โจนาธาส เด อันดราเด ศิลปินชาวบราซิล เขาทํางานเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของชาวประมงในบราซิลที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของชีวิตและความตาย และการแสดงออกถึงความรักและความเคารพต่อสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาฆ่าเพื่อเลี้ยงชีพ ด้วยการแสดงออกผ่านการโอบอุ้มปลาเหล่านั้น ซึ่งเนื้อหาในผลงานวิดีโอนี้ก็เชื่อมโยงกับเรื่องราวในหนังเช่นเดียวกัน อ้อ ผลงานชิ้นนี้เคยมาจัดแสดงที่เมืองไทยในนิทรรศการ How Many Worlds Are We? ที่ หอศิลป์บ้านจิมทอมป์สัน อีกด้วย ดูวิดีโอผลงานได้ที่นี่ vimeo.com/191560038


ผลงานศิลปะบางชิ้นยังเป็นผลงานที่ถูกสั่งทำขึ้นเพื่อใช้ในหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะอีกด้วย อย่างเช่นภาพวาด After and Before (2021) ของ ฟรานเซสโก คเลเมนเต้ ศิลปินชาวอิตาเลียน ที่บิกาซซี่ติดต่อจ้างวานคเลเมนเต้ให้วาดขึ้นมาใหม่ โดยหยิบเอาแรงบันดาลใจมาจากภาพวาด Christina’s World (1948) ของ แอนดรูว์ ไวเอท (Andrew Wyeth) ซึ่งเป็นภาพวาดของหญิงสาวพิการผู้โดดเดี่่ยวในทุ่งหญ้ารกร้าง อันเป็นภาพแทนทางจิตวิทยาของตัวละครนีโม หัวขโมยดวงซวยที่ต้องติดกับอยู่ในเพนท์เฮ้าส์เพียงลำพังนั่นเอง คเลเมนเต้ตีความภาพวาดนี้ออกมาใหม่ด้วยเทคนิคภาพวาดสีน้ำในสไตล์ของเขาที่โดดเด่นและเปี่ยมเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างยากจะหาใครเสมอเหมือน


ภาพจาก https://www.huffingtonpost.gr/entry/o- stefanos-rokos-mila-yia-to-portreto-poe-zoyrafise-kai-eyklovise-ton-ntafoe-sto- inside_gr_640ee8f9e4b0cfde25c0122c
หรือผลงานภาพวาด Spring (2022) ที่ผู้กำกับ แคตซูพิส ว่าจ้าง สเตฟาโนส โรโคส ศิลปินชาวกรีซ ให้วาดขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้เป็นเสมือนตัวละครสำคัญในหนัง ภาพวาดนี้เป็นภาพเหมือนของตัวละครสถาปนิกเจ้าของเพนท์เฮ้าส์ ผู้เป็นสถาปนิกมือรางวัลพริตซ์เกอร์ (Pritzker Prize) เศรษฐีเงินล้านผู้หลงตัวเองและหมกมุ่นในกาม ภายในภาพแสดงตัวละครนี้ยืนเด่นอยู่ท่ามกลางฉากเซ็กส์หมู่อันสุดแสนจะหฤหรรษ์ พิสดารพันลึก ราวกับจะดึงดูดให้ผู้ชมเข้าไปติดกับอยู่ในภาพเช่นเดียวกับตัวละครนีโมยังไงยังงั้น แถมรายละเอียดในภาพยังแฝงปมปริศนาบางอย่างในหนังอีกด้วย

หรือผลงานประติมากรรม Steel Rings (2013) ของ เรย์ยัน ทาเบธ ศิลปินชาวเลบานอน ที่ถูกว่าจ้างให้ทำขึ้นมาใหม่เพื่อถ่ายทำในหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้ตัวละครนีโมหยิบฉวยไปใช้เป็นเครื่องช่วยในการหนี (แต่ไม่สำเร็จ)
(Nights in the Gardens of Spain) (2020) อัลบาโร อูบาโน
เช่นเดียวกับผลงาน Noches en los jardines de España (Nights in the Gardens of Spain) (2020) ของศิลปินชาวสเปน อัลบาโร อูบาโน ประติมากรรมที่ดูเหมือนส้มใกล้เน่าห้าผล ทำจากคอนกรีตเสริมเหล็ก ที่ถูกสั่งทำขึ้นมาใหม่ ให้ตัวละครหยิบจับใช้งานในหนัง ประติมากรรมส้มที่ว่านี้แทนความสิ้นหวังของนีโม ที่ใช้กินเป็นอาหารก็ไม่ได้ หรือใช้ปาหน้าต่าง(นิรภัย)ให้แตกเพื่อหลบหนีก็ไม่ได้ด้วยเหมือนกัน

หรือผลงานภาพถ่ายในชุด Untitled series (2015-17) ของ โจอานนา พิโอทรอฟสกา ศิลปินชาวโปแลนด์ ที่ให้เพื่อนของเธอที่อยู่รอบโลกสร้างพื้นที่หลบภัยในบ้านจากสิ่งของที่อยู่รอบตัว จนกลายเป็นภาพถ่ายชุดพื้นที่หลบภัยชั่วคราว ซึ่งพิโอทรอฟสกาพิมพ์ภาพถ่ายชุดนี้ของเธอขึ้นมาให้ใหม่เพื่อถ่ายทำในหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ผลงานชุดนี้สะท้อนสถานการณ์ที่นีโมสร้างพื้นที่หลบภัยของเขาขึ้นมาภายในเพนท์เฮ้าส์ที่เขาถูกกักขังอยู่ พื้นที่หลบภัยและสิ่งก่อสร้างกู้ชีพที่นีโมสร้างขึ้นมาจากเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ รวมถึงงานศิลปะในบ้านเหล่านี้ถูกออกแบบและสร้างขึ้นในฉากด้วยฝีมือของนักออกแบบงานสร้าง ธอร์สเตน ซาเบล (Thorsten Sabel) โดยจงใจให้ดูเหมือนกับงานประติมากรรม หรือศิลปะจัดวางนั่นเอง
หรือแม้แต่ภาพถ่ายสถาปนิกเจ้าของเพนท์เฮ้าส์และหลานสาวในหนัง ทางผู้กำกับและภัณฑารักษ์ก็ยังใช้บริการของช่างภาพชาวเยอรมันผู้มีชื่อเสียงในการถ่ายภาพพอร์ตเทรตศิลปินชื่อดังระดับโลกอย่าง อัลเบรทช์ ฟุกซ์ (Albrecht Fuchs) มาถ่ายให้เลยทีเดียว


“คอลเล็คชันงานศิลปะส่วนตัวมักจะแสดงออกถึงตัวตนของนักสะสมเจ้าของผลงานอย่างชัดเจน มันเผยให้เห็นถึงบุคลิก ความหลงใหล ความรัก การเผชิญหน้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความหมกมุ่นลุ่มหลงของพวกเขา การจินตนาการถึงคอลเล็คชันนี้ของตัวละครเจ้าของเพนท์เฮ้าส์ในหนังจึงเปรียบเสมือนการสร้างรูปร่างให้ศัตรูที่มองไม่เห็นของนีโมตัวละครเอกในหนัง ซึ่งตัวตนของเขากลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ผ่านงานศิลปะในหนัง แนวคิดของผมก็คือ คอลเล็คชันของเขาต้องแสดงออกถึงวัฒนธรรมและรสนิยมอันซับซ้อน ที่หลอมรวมงานศิลปะแบบนามธรรมเข้ากับผลงานศิลปะที่มีเนื้อหาทางการเมืองอันเข้มข้น ในขณะเดียวกันก็ต้องแสดงออกถึงการโอ้อวดความมั่งคั่ง เพื่อผลักดันให้ตัวละครปลดปล่อยความโกรธเกรี้ยวของเขาออกมา” บิกาซซี่ภัณฑารักษ์ของหนังเรื่องกล่าว


จัดงานศิลปะมาให้ชมเต็มสตีมขนาดนี้ ขอบอกว่าคอหนังผู้รักศิลปะไม่ควรพลาดชมหนังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่งจริงๆ อะไรจริง!
www.wallpaper.com/design-interiors/salvador-dali-home-casa-dali-apartamento- coco-capitan-book
www.artnews.com/art-news/news/the-curator-of-willem-dafoes-movie-inside-takes- art-on-film-to-a-new-level-1234661109
www.focusfeatures.com/article/interview_art-curator_leonardo-bigazzi_inside
www.latimes.com/entertainment-arts/movies/story/2023-03-17/inside-movie-willem- dafoe-art-explained
www.mataroa.gr/update/stefanos-rokos/ https://galeriemagazine.com/willem-dafoe-inside
www.huffingtonpost.gr/entry/o-stefanos-rokos-mila-yia-to-portreto-poe-zoyrafise-kai- eyklovise-ton-ntafoe-sto-inside_gr_640ee8f9e4b0cfde25c0122c
www.mataroa.gr/update/stefanos-rokos/ https://flash---art.com/2023/03/inside/ thespectator.com/book-and-art/leonardo-bigazzi-man-behind-art-inside/
งานศิลปะที่รายล้อมตัวละครในหนังทริลเลอร์จิตวิทยา Inside (2023)
/
ถ้าเอ่ยชื่อของ เปโดร อัลโมโดวาร์ (Pedro Almodóvar) หลายคนอาจรู้จักเขาในฐานะผู้กํากับเจ้าของ ฉายา “เจ้าป้าแห่งวงการหนังสเปน” ที่นอกจากหนังของเขาจะเต็มไปด้วยลีลาอันจัดจ้าน เปี่ยมสีสัน เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวอันแปลกประหลาดพิลึกพิลั่นพิสดารเหนือความคาดหมาย และถึง พร้อมไปด้วยศิลปะภาพยนตร์อย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ด้วยความที่อัลโมโดวาร์หลงใหลในศิลปะอย่างลึก ซึ้ง ทําให้มักจะมีงานศิลปะปรากฏให้เห็นในหนังของเขาอยู่บ่อยครั้ง และนอกจากเขาจะหยิบงาน ศิลปะเหล่านั้นมาใช้ในหนังเพราะความหลงใหลและรสนิยมส่วนตัวอันวิไลของตัวเองแล้ว ในหลายๆ ครั้ง ผลงานศิลปะเหล่านั้นยังทําหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว ขับเน้นบุคลิกภาพของตัวละคร และเป็นสัญลักษณ์ที่สัมพันธ์กับเนื้อหาในหนังอย่างแนบเนียน
/
ท่ามกลางลิสต์ภาพยนตร์ต่อสู้ระทึกขวัญ หรือภาพยนตร์ดราม่าเรียกอารมณ์ผู้ชม ใน Hong Kong Film Gala Presentation & Dynamic Cityscapes of Hong Kong Films “งานภาพยนตร์ฮ่องกงพลังหนังขับเคลื่อนเมือง กับนิทรรศการหนังฮ่องกง” ที่เดินทางกลับมาฉายในไทยอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ยังมีภาพยนตร์กลิ่นอายโรแมนติกอีกหนึ่งเรื่อง ที่น่าจับตามองไม่แพ้กันอย่าง Love Lies ที่นำเสนอความสัมพันธ์ของแพทย์หญิงหม่าย ที่รับบทโดย Sandra Ng Kwan-Yue (อู๋จินหยู) ผู้ร่ำรวย และมีหน้าที่การงานที่ดี ซึ่งบังเอิญตกหลุมรักกับวิศวกรชาวฝรั่งเศสวัยกลางคน ที่คอยหยอดคำหวานและคำห่วงใยผ่านแชทมาให้ตลอด จนกระทั่งเธอค้นพบความจริงว่าเบื้องหลังแชทเหล่านี้เกิดขึ้นด้วยคำลวงจากฝีมือเด็กหนุ่มมิชฉาชีพ ที่รับบทโดย MC Cheung (เอ็มซีเจิ้ง) ดังนั้นเรื่องราวต่อจากนี้ในภาพยนตร์จึงเป็นการค้นหาคำตอบของเธอในสมการความสัมพันธ์ครั้งนี้ว่าจะจบลงอย่างไร
/
ความสำเร็จด้านรายได้กว่า 100 ล้านเหรียญฮ่องกงของ A Guilty Conscience จากการกำกับของ แจ็ค อึ่ง (Jack Ng) สร้างปรากฏการณ์ใหญ่ที่นับได้ว่าเป็นความหวังใหม่ของอุตสาหกรรรมภาพยนตร์ของฮ่องกง และทำให้บรรยากาศของแวดวงนี้ดูจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในสายตาของแฟนหนังทั่วโลก พอ Hong Kong Film Gala Presentation หรือที่ในปีนี้ใช้ชื่อเต็มว่า Hong Kong Film Gala Presentation & Dynamic Cityscapes of Hong Kong Films “งานภาพยนตร์ฮ่องกงพลังหนังขับเคลื่อนเมือง กับนิทรรศการหนังฮ่องกง” ได้กลับมาจัดอีกครั้งในประเทศไทย ก็ทำให้ลิสต์ในปีนี้เต็มไปด้วยภาพยนตร์คุณภาพที่น่าจับตามองจากฝีมือการกำกับของผู้กำกับรุ่นใหม่ และจากพลังของนักแสดง
/
ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้สามารถเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะบอกเล่าแก่คนรุ่นหลังได้ว่าพวกเราซึ่งเป็นประชาชนภายในประเทศนี้ผ่านอะไรกันมา กำกับโดย “เอกพงษ์ สราญเศรษฐ์” (เอก) ผู้กำกับภาพยนตร์อิสระจากสงขลา เอกเริ่มกำกับสารคดีสั้นเกี่ยวกับความตายของ กฤษณ์ สราญเศรษฐ์ ลุงของเขาในชื่อเรื่อง “คลื่นทรงจำ” (2561) ซึ่งได้รับรางวัลสารคดีสั้นยอดเยี่ยมในงานเทศกาลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติ DMZ ที่ประเทศเกาหลีใต้ และได้เข้าฉายในเทศกาลต่างประเทศอีกหลายแห่ง และผู้กำกับอีกคน คือ “ธนกฤต ดวงมณีพร” (สนุ้ก) ผู้กำกับภาพยนตร์และผู้กำกับภาพ ที่ได้เข้าชิงรางวัลช้างเผือกจากเทศกาลภาพยนตร์สั้นแห่งประเทศไทยครั้งที่ 21 จากเรื่อง “ทุกคนที่บ้านสบายดี” (2560) และได้รับเลือกฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติไห่ หนาน
/
ฮ่องกง เมื่อราวสิบยี่สิบปีก่อน นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามองมาก ๆ ในฐานะประเทศที่ส่งออกภาพยนตร์ออกสู่สายตาของประชาคมโลก ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ต่อสู้กำลังภายใน ภาพยนตร์มาเฟีย หรือแม้แต่ภาพยนตร์ชีวิตที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้งของหว่องกาไว จนเรียกได้ว่าเป็นยุคทองของอุตสาหกรรมฮ่องกง แต่ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทำให้ความคึกคักของภาพยนตร์ฮ่องกงเริ่มเงียบเหงามากขึ้นเรื่อย ๆ จนแฟนหนังฮ่องกงหลายคน ออกปากบ่นคิดถึงความรุ่งเรืองในอดีต ดังนั้นเมื่อเกิดปรากฏการณ์ความนิยมระดับ 100 ล้านเหรียญฮ่องกง ของภาพยนตร์อาชญากรรมอย่าง A Guilty Conscience ขึ้นมาแล้ว แสงที่เคยริบหรี่ก็อาจจะกลับมาสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง
/
นักธุรกิจชั้นนำหลายคนใช้เวลาว่างจากการทำงานไปกับความหลงใหลที่แตกต่างกัน บางคนใช้เวลาไปกับความหลงใหลในการท่องเที่ยวทั่วโลก บางคนใช้เวลาไปกับความหลงใหลในการล่องเรือตกปลา ขับรถซูเปอร์คาร์ หรือปาร์ตี้สุดเหวี่ยง แต่มีนักธุรกิจผู้หนึ่งที่มีความลุ่มหลงที่แปลกแตกต่างออกไป เขาผู้นี้คือนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ผู้บริหารรุ่นที่สองของ โก๋แก่ แบรนด์ถั่วอบกรอบระดับแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง ต้น จุมภฏ รวยเจริญทรัพย์ ผู้หลงใหลในการทำหนังอย่างเข้าเส้น ลงลึกถึงกระดูกดำจนลุกขึ้นมาตั้งค่ายหนังอิสระของตัวเองในนาม โก๋ฟิล์ม ฝากผลงานหนังมันส์ๆ ดิบๆ ห่ามๆ ไม่แคร์ตลาด ไม่แยแสรางวัล ประดับวงการมาแล้วหลากหลายเรื่อง
We use cookies, localStorage and other technologies (collectively, "cookies") to recognise your browser or device, learn more about your interests, and provide you with essential features and services and for additional purposes. ( see details )